Tuesday, August 30, 2011

แถบรัดเอว หรือเข็มขัด ใช้กับท่าไหนที่เห็นผลจะๆ แล้วจำเป็นไหม

สวัสดีครับ

    ช่วงที่ผมเล่นกล้ามใหม่ๆ 20-30 วันแรกผมดีใจที่อาการเจ็บหลังที่เคยเป็นไม่แสดงอาการเลยแต่ว่า
หลังๆ มีบางท่าดังนี้ที่เล่นแล้วเกิดอาการ ปวดเจ็บแต่ใช่แค่หลังส่วนล่างแต่เป็นข้อสะโพกด้วยเช่น

  1. ท่า Overhead Press
  2. ท่า Upright Row
  3. ท่า shrug เป็นต้น

   ทีแรกจับอาการไม่ได้ว่า มันปวดขึ้นมาตอนไหน ท่าไหน แต่พอทำไปสักพัก จับได้ว่า พอจับท่าใดท่าหนึ่ง
ใน 3 ท่านี้ ผมจะมีอาการปวดแถมมา ผมก็เลยเริ่มหวั่นใจ ไปค้นข้อมูลก็พบว่า  การทำท่าใดๆ ก็ตาม ที่หลังต้องรับน้ำหนักมาก ให้รู้ว่าหลังส่วนล่างยิ่งรับน้ำหนักมากมากกว่านั้นหลายเท่า เคยเห็นตัวเลขแรงกดที่มันลงไปที่กระดูกสั้นหลังข้อล่างๆ โอยตกใจมากครับ แล้วเขาก็แนะนำว่า ให้รัดเข็มขัด ผมก็งงครับ แต่ในสมัยนี้เคยเห็นจากพวกที่ต้องยกของเขาใช้กัน แต่มารู้ว่า เข็มขัดจะรัดหน้าท้องเข้ากับหลัง จะเกิดการกระจายแรงและลดแรงดังที่ว่าได้มหาศาล เช่นกัน
มิน่า พวกที่ใส่แถบรัดเอว คล่องมากเวลายกของ

  ผมจึงได้ซื้อแถบรัดเอวจากแผนกกีฬามาครับ ได้การตั้งแต่ใส่เล่นกล้ามมา ผมไม่เคยเจ็บหลังอีกเลย มหัศจรรย์มากๆ ครับจริงแล้วๆ จะท่าไหนๆ หากมีการรับน้ำหนักมากๆ ใส่แถบรัดหรือเข็มขัดไว้ก็ไม่ได้เสียหายอะไร ใส่มันไว้เลยก็ได้

ลองนำไปทำกันดู

สวัสดี
คุณบอลล์   

เอาเวลา เสียพลังกับคนที่เหลือขอ ทุกแบบ มาสร้างพลังให้คุณ

สวัสดีครับ

    คนรักสุขภาพจะรู้กันเองว่า เมื่อคุณฝึกได้ถึงจุดหนึ่ง คุณจะพบว่า เรื่องบ้าบอ ที่เข้ามาจากคนที่ บ้าๆ ไม่ได้ทำให้คุณ
เขวอะไรเลย เพราะคุณจะเหมือนว่า มีเกราะป้องกันรอบตัวคุณ จากที่เจอไอ้พวกบ้าๆ ที่ชอบทำให้คุณเสียอารมณ์แล้ว
พาลเซ็งไปด้วย มันก็กลับกลายเป็น มีอะไรเข้ามามันชิ่งกลับไปหาเขาหมด บางที นี่สังเกตุเล่นๆ นะครับ คนที่ออกกำลัง
กายบ่อยๆ มีสมาธินี่ เหมือนการปฏิบัติสมาธิใช่ไหม พอทำไประดับหนึ่ง มันก็น่าจะมีบุญบารมีสั่งสมบ้างล่ะ ยิ่งคนที่เล่นกล้ามนี่นะครับ เขาสอนให้เพ่งจิตลงไปยังกล้ามเนื้อ คนที่เล่นมานานย่อมแตกต่างออกไป
    คือเกิดมีตบะแข็งแรงกว่าคนทั่วไป ทีนี้พวกบ้าบอ ในชีวิตคุณที่ เป็น เจ้านาย เพื่อน หรือใครก็ตามที่มาบ้าบอกับคุณ
เชื่อไหมครับ มันทำให้สิ่งที่ส่งมาแรงๆ สะท้อนกลับไปหาเขาได้ ถึงกับป่วยเลยนะครับ อันนี้บังเอิญผมเห็นมากับตา คือ
ใช่หรือเปล่าผมไม่ทราบ หรือที่เขาว่า ทำเรื่องบาปกับคนทั่วไป ก็ได้กรรมทั่วไป พอทำเรื่องบาปกับคนมีบุญก็จะโดนหนัก
อาจจะประมาณนี้ก็ได้

   ฮ่ะๆๆ อันนี้เล่าให้ฟังเล่นๆ ครับ แต่สำหรับตัวเรานะครับ เจออะไรหนักๆ บ้าบอเข้ามา เฉยๆ ครับ หลังจากที่ผมเล่น
กล้ามมานี่ ผมว่า ผมลืมคำว่า เจ็บใจ อยากเอาคืนไปได้มาก เกือบเป็นศูนย์ เพราะว่า การเล่นกล้าม มันต้องตั้งใจ
มันต้องเจ็บกล้าม มันต้องอึด มันมีคำว่า กูต้องผ่าน 3 เซ็ท เซ็ทละ 12-15 ครั้งไปให้ได้ มันต้องมีแนวคิดนี้ในหัวเพราะ
ไม่งั้น เราจะทำอะไรซ้ำ ๆ 36 -45 ครั้ง ไปได้อย่างไรจริงไหมครับ

    ดังนั้นใครมาบ้าบอกับผม ผมก็เฉยๆ ครับ เดี๋ยวมันก็บ้าไปเอง ผมมีวินัยเล่นกล้ามของผมไป อย่างสม่ำเสมอ ผมเชื่อว่าอย่างน้อยเทพเจ้า ด้านเพาะกายต้องคุ้มครองเราล่ะ ดังคำที่ว่า การเพาะกายเป็นกีฬาของเทพเจ้า นั่นเอง อันนี้สิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นใดที่เราเคารพ และที่คุ้มครองเราอยู่ เราก็ยังระลึกถึงท่านเหล่านั้นเสมอนะครับ ไม่ได้ลดความสำคัญลงแต่อย่างใด เราต้องมีจิตกตัญญูนะครับ ห้ามละเลย

    อย่างไรก็ตาม กีฬาเป็นยาวิเศษจริงๆ มันเปลี่ยนเราจากคน อ่อนไหวง่ายต่อคำพูด อารมณ์ การกระทำของคนอื่น
มาเป็น นายเฉยๆ คือมันเหมือนว่า เราแกร่งกว่าเขามาก จนพลังจิตมันรู้กันเองว่า ต่อให้เอ็งพ่นมายังไงข้า ก็เฉยๆ เราก็เลยเฉยๆ

    อืมพูดไม่ถูกขอให้มาเล่นกล้ามกันเองครับ อาการจะเป็นคล้ายๆ แบบนี้

   1.เล่นทีแรก เหมือนไก่รุ่นกระทง หนุ่มใหม่ๆ ตีปีกอวดตน อย่างนั้นอย่างนี้ คือมันห้าวครับ เพราะฝึกใหม่ๆ มันปั๊มมากๆ
      เราเล่นมากยิ่งมั่นใจมาก
   2.เล่นมาระยะหนึ่ง เริ่มสนุก แต่ไม่กร่างมากแล้ว เพราะเราเริ่มชิน และพบว่า ในโรงยิม มีคนเก่งกว่าเรา ด้อยกว่าเราเป็นเรื่องธรรมดา

   3.มาถึงจุดเล่นแล้วเฉยๆ เหมือนเป็นกิจวัตร นี่ล่ะครับ เรามาไกลกว่า 2ขั้นแรก คือ ร่างกายมันสง่า คนรอบข้างสัมผัสได้ว่าเราแข็งแรง มีคนชื่นชมเรา มากกว่าเกลียด พลังจิตเราสูงขึ้น อะไรๆ ก็ดีไปหมด หากเป็นทางตะวันตก เขาว่าเรามี
 พวก เทสโทสเทอโรน สูงขึ้น ฟีโรโมนมากขึ้นทำให้ คนอื่น ที่สัมผัสได้ก็เกิดการชื่นชอบเกรงใจ ขณะที่ ทางตะวันออก
เขาว่ามีบารมีมากขึ้น แต่ผมไม่ได้บอกว่ามันเป็นเรื่องเดียวกันนะครับ

  ลองมาเล่นกล้ามกันครับ
แล้วคุณจะติดใจ

สวัสดี
คุณบอลล์ :0)

   

Saturday, August 27, 2011

50 วันล่วงผ่าน ผมได้อะไรจากการเพาะกาย

สวัสดีครับ

   มันเป็นสิ่งที่สนุกท้าทายไม่น้อย ที่อดีตคนละเลยสุขภาพอย่างผม สามารถผ่าน 50วันแรกของการเพาะกายมาได้
อย่างสนุก ช่วง 35 วันแรก ผ่านความล้า ปวด ระบม สุดๆ แต่ด้วยการเล่นอย่างถูกวิธี (หาอ่านในบทความเก่าๆ ของผม)
และไม่เร่ง ทำให้ผมไม่มีอันตรายใดๆ แต่พอเข้า 40 วันผมเกิดอาการป่วยเป็นไข้ครับ เสียดายเสียเวลาฝึกกว่าจะฟื้นตัวไปราวๆ 13 วัน
  
    อย่างไรก็ตามผมพบว่า 2 สัปดาห์ที่พักไป กล้ามเนื้อผมกลับมีการสร้างตัว กระจายออกไปทั่วตัว รู้สึกได้ และมันแข็งแกร่งกว่าผมคนเดิมก่อนเล่นกล้ามแน่นอน  พอกลับมาฝึกหลังหายป่วย ผมพบว่าผมมีความกระชับของกล้ามเนื้อมากขึ้น
ผมเชื่อว่า อาการป่วยนั้นเป็นธรรมชาติของผมที่ต้องการให้กล้ามเนื้อพักตัวนั่นเอง
 
    ผมเล่นกล้ามมาอีก 5 วันก็ครบ 50 วันพอดิบพอดี ตอนนี้ผมเปลี่ยนมาเล่น จันทร์ พุธ ศุกร์ ซึ่งเข้ากับการทำงานของผมไม่เพลียเกินไป วันเสาร์อาทิตย์ ก็ออกไปทำกิจกรรม กับเพื่อน เพื่อนสาวได้อย่างสนุกมากขึ้น ไปต้องไปนั่งหมดแรงปวดระบม สรุปแล้ว การออกกำลัง สัปดาห์ละ 3 วัน เหมาะกับผม แต่ไม่แน่นะครับ ฝึกต่อไปเมื่อแข็งแกร่งขึ้น ผมอาจจะเปลี่ยนโปรแกรมการฝึกก็ได้

    ผมพบว่า การอาบน้ำ จะทำให้เกิดการผ่อนคลายของกล้ามเนื้อและทำให้หลับได้ดี อาจฟังดูแปลกๆ ที่หนุ่มๆ อย่างเราผมคิดว่ามีคนไม่อาบน้ำครับ คือ ดองเค็ม หลับไปเลย ไปอาบเอาตอนเช้า อย่านะครับ อาจมีโรคผิวหนังได้ มีงานวิจัยว่าการอาบน้ำ จะทำให้เกิดกล้ามเร็วขึ้นครับ

    สำหรับอาหารตอนเย็น ผมนอกครูนิดๆ ผมไม่ต้องไปจัดหาโปรตีนกับแป้งที่ไหน นี่เลยครับ ผมใช้ สั่งข้าวราดแกง แต่กับ 2-3 อย่างครับ เน้นว่า ข้าวน้อยๆ เท่านี้ก็ได้แล้ว ตกเย็นผมอยู่ท้อง จะมากินอาหารโปรตีนอีกนิดหน่อยตอนก่อนนอน
เพื่อรักษากล้ามเนื้อไว้ ก็เท่านั้น สรุปคือ เลิกซื้อโปรตีนแบบผง มากินแล้วครับ ทำไม ฮ่ะๆๆๆ ก็ตอนนี้ ผมสมมติว่า ค้ำแขนลุกจากเตียงผมก็เห็นแล้วครับ เหลี่ยมกล้ามเป็นก้อน ทั้งไบเซ็ป และ ไตรเซ็ป ขึ้นชัดเลย นี่ขนาดผมอ้วนนะครับมันยังดันออกมาให้เห็น สำหรับผมแปลว่า พื้นฐานมันขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว ผมไม่ได้รีบจะกล้ามใหญ่ไปไหน ค่อยๆ สร้างไป ผมหันกลับมากินแบบไทยๆ ดีกว่า แต่น้ำต้องถึงนะครับ อย่าให้หิวน้ำเด็ดขาด วันไหนกระหายแปลว่า เสียวันฝึกไป 1 วันคิดแบบนี้แล้วกัน

   การกินของผม กินให้ครบ 5 หมู่ กระจายมื้อเป็น 6 มื้อเหมือนเคยแต่ลดแป้ง เน้นอาหารโปรตีน บางทีอย่ากินแต่นมนะครับ มันเอียน ผมหันมากินพวกเม็ดฟักทอง ครับ พลิกฉลากดูจะเห็นว่า 1 ซองให้โปรตีน 8 กรัมเลยนะครับ ราคาทั่วไป
และได้แป้งด้วย สลับสับกันไป เพราะกินแต่ผมมันเอียนจริงๆ สำหรับผม

    อย่างมื่อก่อนออกกำลัง ผมก็กินข้าวราดแกงครับ สั่งไปเลย 3 อย่าง เน้นผัก เนื้อสัตว์ และ ข้าวน้อยๆ มันก็ได้แรง
ออกกำลังกายได้ดีเสียด้วย ไม่เห็นต้องกิน Creatine อะไร อันนี้สำหรับผมนะครับ คือลองแล้วแรงในการออกมันไม่ได้
ต่างกัน แถมอยู่ท้องกว่าด้วย

    ต่อไปผมจะเริ่มมีแอโรบิคในช่วงเช้า เพราะจะช่วยเรื่องน้ำหนักตัวบ้างก็ค่อยๆ ทำไปครับ

    อาหารแป้งที่ขอแนะนำ นะครับ ขนมปังโฮลวีทนี่สุดยอดที่สุดแล้วครับ กินไปเลยครับ

 วันนี้เท่านี้ก่อน
สวัสดี
คุณบอลล์ เริ่มหล่อล่ำแล้ว ภูมิใจๆ :-)
  

Monday, August 22, 2011

เคล็ดลับดับความร้อน ในโรงยิม

สวัสดีครับ
  เมื่อวานนี่เองที่ผมไปออกกำลังเล่นกล้ามที่โรงยิม ผมมีอาหารตัวร้อนรุ่มๆ ผิดปกติ น่าจะเพราะอากาศ การทำงานและการที่รีบเดินมาเล่นกล้ามที่โรงยิม
จะอะไรก็แล้วแต่ ผมรู้สึกร้อนผิดปกติ พอเข้าโรงยิมผมก็วอร์มตามปกติ และมันช่วยได้บ้าง เมื่อกล้ามเนื้อได้ยืดตัวเลือดลมเดินดีขึ้นแต่ก็ยัง ร้อนอยู่ ผมก็
เล่นกล้ามไปตามโปรแกรมการฝึก แต่พอเล่นไปได้ราวๆ 30 นาที ตอนนี้มันชักยังไง มันเพลียแปลกๆ และร้อนมากขึ้น โรงยิมผมมันติดแอร์นะครับ

่  ว่าจะให้มันผ่านๆไปเดี๋ยวก็จะกลับบ้านแล้วผมคิดแต่อดกังวลไม่ได้ ผมเลยมองซ้ายขวาหาทางออก อ้าว นี่เลย น้ำในขวดที่เตรียมมากิน แถมผมมีผ้าขนหนูด้วยผมเลย รินน้ำลงที่ผ้าขนหนู ได้ผลครับ พอน้ำมันโดนแอร์มันเย็นเร็วมากๆ ผมใช้ผ้าขนหนูชุ่มน้ำเช็ดหน้าก่อนเลย
เกิดความรู้สึกในฉับพลัน วาบบบบ ที่ใบหน้า ความร้อนมันหายไปเลย แล้วก็เช็ดคอ แขน เท่านี้ผมหายร้อนเป็นปลิดทิ้งครับ

   บางทีมันอาจจะเกิดอาการแบบนี้กับเราได้ ลองทำกันนะครับ ช่วยได้มาก

สวัสดี
คุณบอลล์ :0)

Sunday, August 21, 2011

กินอย่างไร อร่อยแต่ไม่มาก เคล็ดไม่ลับ คร้าบ :0)

 สวัสดีครับ
            นี่เป็นความคิดใหม่ล่าสุดของคนรักสุขภาพคนหนึ่ง ผมเล่นกล้ามมาราวๆ 2 เดือน พร้อมๆกับคนที่อ่านบล็อคแห่งนี้ ผมถือว่า
เราเดินทางไปในเส้นทางสุขภาพนี้ด้วยกัน ขณะที่ท่านรู้สึกเพลีย ระบมทั้งตัว ในเวลาทำงาน ผมก็รู้สึกเช่นกัน เพราะเราเล่นกล้ามเหมือนกัน
ขอให้อย่าเลิก เท่านั้นพอครับ จะเบื่อ จะหยุด สักพักคงไม่เป็นไร แต่ต้องกลับมาออกกำลังกาย
           ยิ่งคนที่เคยเล่นกีฬามาก่อนนี่เลิกไม่ได้เลยนะครับ เพราะผมเคยอ่านหนังสือพบว่า ผนังหลอดเลือดจะยืดหยุ่นมากกว่าคนปกติ แต่ถ้าหยุด
ไอ้ตรงนี้จะทำให้เกิดการก่อตัวอุดตันได้มากกว่าคนปกติ ดังนั้น ต้องออกกำลังกาย ราวๆ 40 นาที สัปดาห์ละ 3-4 วันไว้เป็นอย่างน้อยครับ
           สำหรับวันนี้ ผมมีข่าวดีๆ คือวิธีการได้รับประทานอาหารแบบไม่ต้องกลัวว่าจะเกิน สำหรับนักเพาะกาย และคนทั่วไปก็น่าจะใช้ได้ นั่นคือ
กลวิธี การเจือจาง ครับ เป็นอย่างไร มาดูกัน
          จะเห็นว่า ปัจจุบัน ของกินต่างๆ ถูกผลิตออกมาในถุง ห่อ ซอง กล่อง และขวด ที่มีปริมาณชัดเจน ตามหลักมาตรฐานคุณภาพ ทำให้ผู้บริโภค
ได้รับความเป็นธรรม ทุกครั้งที่ซื้อ แต่คำถามมีว่า
    1.คนที่ซื้อของพวกนี้กิน เคยอ่าน รายการสารอาหาร แคลอรี่ น้ำหนักของสารที่ก่อโรค เช่น เกลือ น้ำตาล กันบ้างไหม
    2. ซื้อมาแล้ว ส่วนมากเสียดายต้องกินให้หมด ไม่หมดก็เสียดาย

   จาก 2 ข้อนี้ ล่ะครับต่อไปจะมีคนเป็นโรคจากมาตรฐานคุณภาพกันมากขึ้น ขณะที่สมัยก่อน นมผง อยู่ที่เราว่าจะชงมาก ชงน้อยขนาดไหน แต่ตอนนี้
มีนมกล่องมาขนาดเท่าๆกันหมด เมื่อก่อน นักกีฬา เอาเกลือใส่ในน้ำอัดลม กินหลังจากอาการเพลีย เดี๋ยวนี้กลายมาเป็นน้ำเกลือแร่ เป็นขวดๆ ใหญ่บ้างเล็กบ้าง สมัยผมยังเล็กๆ สั่ง ชาเย็น คนขายไม่ได้กระหน่ำใส่นมข้นหวานแบบสมัยนี้ แต่ใส่พอกินหอมๆ อร่อยๆ จนผมสงสัยว่า เรากิน ชาเย็น ใส่นม
หรือ นม ใส่ ชากันแน่ หรือกาแฟก็เหมือนกัน เรากินกาแฟใส่นมหรือ นมใส่กาแฟกันแน่

     สิ่งที่ผมจะเสนอนี้ มาจากแนวคิดที่เคยอ่านมาจากผู้ใหญ่ ที่ท่านหมอ เฉก ที่เขียนหนังสือชื่อประมาณว่า อยู่ 100 ปี ท่านเล่าว่า ผู้ใหญ่ท่านนั้น เป็นนักชิมทีเดียว แต่อายุยืนแข็งแรง ท่านแนะนำว่า กินอะไรก็กินไป แต่ ขอให้กินอย่างละนิดละหน่อย พอรู้รส อร่อยปาก กินน้อยๆ ทุกมื้อ ซึ่งผม
ว่ามันเข้ากับหลัก กิน 6 มื้อของนักเล่นกล้ามของพวกเรา และ เมื่อนำมาประยุกต์กับเรื่องที่ผมเล่ามาข้างต้น ก็น่าจะเป็นหลักการกินน้อยๆ อีกแบบหนึ่ง
ครับ
    แนวคิดของผมก็คือ คนไทย นั้นมีน้ำหนัก สูง ต่ำ กินมาก กินน้อย ต่างๆกัน การเผาผลาญก็ต่างกัน ดังนั้น การกินอะไรหมดเป็นกล่องๆ ในปริมาณเท่าๆกันนั้น ไม่ใช่วิธีที่ดีนัก ยกตัวอย่าง ชาเขียวขวดละ 10 กว่าบาท ที่เรากินกัน ผู้หญิงซื้อไปกินหมดขวดกับผู้ชายกินหมดขวด
น่าจะมีผลการเผาผลาญต่างกัน เช่นชายเผาผลาญได้ดีกว่า ไหม บางคนไวต่อน้ำตาล กินชาเขียว เย้วๆ ตามเพื่อน แต่ทำไมอ้วนเอาๆ เพราะลืม
อ่านฉลากว่าน้ำตาลกี่กรัม แบบนี้เป็นต้น ทำอย่างไรจะลดความเสี่ยงเรื่องพวกนี้ได้ หรือได้บ้าง

   วิธีของผมคือ ไม่ยากก็เจือจางมันเสียก็สิ้นเรื่อง ซื้อมาจะขวดเล็กใหญ่ อย่ากินจากขวดครับ  ขอให้พี่น้องรินใส่แก้วครับ อาจจะดูเรื่องมาก
ผมไม่ลงลึกนะครับว่าท่านจะเสียเวลาหาแก้วที่ไหน นั่นมันชีวิตของท่านนะครับ ฮ่ะๆๆๆ รินน้ำอะไร ก็ตามที่ว่าดีในตลาดตอนนี้ใส่แก้ว เริ่ม
จากครึ่งแก้วก่อน แล้วพอ ทำอะไรต่อครับ ก็เติมน้ำดื่มลงไปครับ ครึ่งหนึ่ง แล้วก็คน จบครับ เจือจางแล้วใช่ไหม สิ่งที่ทันได้คือ ดับกระหาย
ได้แน่นอน และน่าจะดีกว่า เพราะในโลกนี้น้ำดับกระหายได้ดีที่สุดในโลก ขณะที่ยังได้สารอาหาร ตามที่แต่ละผลิตภัณฑ์สุดจะอ้างกัน เช่น
ชาเขียว ท่านก็ได้พวกเทนนิน ทำให้นอนสบายอะไรพวกนี้ แต่ท่านก็ดับกระหายจากน้ำไปด้วย ขณะที่คนไทยขนาดมาตรฐาน รินกินแบบคน
ให้เจือจางก็ไม่น่าจะกินได้เกิน 2 แก้ว ก็อิ่มน้ำแล้วใช่ไหม ท่านยังลดการกินเครื่องดิ่มผสมน้ำตาลพวกนี้ไปได้ อย่างน้อย 50 % ในการดื่ม
พวกมันแต่ละขวด ที่เหลือก็ปิดฝาแช่ตู้เย็นไว้ค่อยกินก็ไม่น่าจะเสียนะครับ

    เห็นไหม นี่ล่ะครับ กินน้อย กินแบบเจือจาง อย่ากินแบบเป็นล็อตๆ เพราะเราเป็นคน ไม่ใช่ ปศุสัตว์นะครับ เลือกคิดเลือกปรับ เลือกเจือจางได้
เราเป็นคนครับ ก็จงกิน และ ดื่มแบบคนๆ ดีกว่าว่าไหม ลองนำหลักการนี้ไปทดลองทำดูครับ ศาสตร์การเจือจางนี้ มีมาแต่บางบรรพแล้วเช่น ข้าวต้ม
ไงครับ หากนักเล่นกล้าม คนทั่วไป กินข้าวต้มก็ เลิกกังวลเรื่อง แป้งเกินไปได้เลย จริงไหมๆ คนโบราณไม่ได้กินข้าวต้มเพราะไม่มีกินอย่างเดียวนะครับ
แต่พวกเขา รู้เก็บรู้กินต่างหาก ข้าวต้มกินยังไงก็อิ่ม แปลกที่มีน้ำมาเกี่ยวอีกเช่นเคย หากคุณกินข้าวต้มแบบข้าวซ้อมมือ ข้าวกล้องล่ะ โหสุดยอดล่ะครับว่าไหม ลดแป้งได้แน่นอน ลองนึกดู ผู้ป่วยเบาหวานหันมากินข้าวต้ม ปัญหาเรื่องแป้งเกินน่าจะหายสิ้นนะครับ :0)

     ในชีวิตคนเราหลักการ เจือจาง ยังเอาไปใช้ได้อีกมากมาย ลองเอาไปเล่า ไปทำกันครับ

สวัสดีครับ
คุณบอลล์ :0)



Tuesday, August 16, 2011

วันแรกหลังอาการป่วย เล่นกล้ามอย่างไร

สวัสดีครับ

  นักกล้ามมิใช่ มนุษย์อมตะ เจ็บป้วยได้และเราต้องระมัดระวังด้วย อย่าไประเริงใจว่า เราแกร่งกล้ามโต ไม่เป็นไร
ผมมีเพื่อนคนหนึ่ง เกือบตายเพราะคิดแบบนี้ ปกติเขาเป็นคน อึดมากๆ แต่มาเสียทีท้องเสียรุนแรงเข้า 3 วันเต็มๆ
แต่ด้วยความเซ็งจากอาการท้องเสีย วันต่อมาเขาก็ไปเล่นกล้าม แล้วไม่เกิน 20 นาทีก็มีอาการ แปลกๆ เหนื่อยลงเรื่อยๆ
จนไม่ไหวกลับไม่ถึงบ้านเพื่อนบ้านรีบพาส่งโรงพยาบาลแล้วก็รอดมาได้ หมอบอกว่า คุณขาดเกลือแร่จากท้องเสีย
คุณจะเอาอะไรไปเล่นกล้าม ระวังนะครับ

  การหายป่วยใหม่ๆ ก็เช่นกันสำหรับผมขอให้คุณย้อนหลังกลับไปเล่นน้ำหนักก่อนที่จะเล่นในตอนนี้อย่างน้อย 1-2 ระดับ
อย่าไปอายครับ เอาชัวร์ ให้กล้ามเนื้อปรับตัวสัก 1 สัปดาห์ก่อนค่อยกลับมาลุยกันเหมือนเดิม วันนี้ขอ ที่ 5 กิโลกรัมก่อนครับ
แล้วเล่นนี่เซ็ทละ น้อยครั้งไปก่อนค่อยๆ เพิ่ม จำไว้นะครับ เล่นถูกต้อง วันละ 20-30 นาทีพอครับ ที่มันเกินส่วนมากเพลินกับ
พวก แมชชีนและเคเบิ้ลมากกว่าครับ

   ที่สำคัญน้ำถึง นะครับอย่าให้ขาด สำหรับแอโรบิค คาร์ดิโอ ที่ต้องทำด้วยก็ละไว้ก่อน ไว้สัปดาห์ต่อไปค่อยว่ากันครับ
เอาล่ะเดี๋ยวเตรียมไปเล่นกล้ามก่อนครับ

สวัสดี
คุณบอลล์ :0)

Friday, August 5, 2011

การเล่นเพื่อ รักษาสภาพ ในยามที่ต้องขาดการฝึกจริงๆ

สวัสดีครับ
   จากประสบการณ์ของผม การหยุดเล่นพักใหญ่ ไม่ได้ทำลายกล้ามเนื้ออะไรนัก แน่ล่ะมันไม่เพิ่มขึ้น แต่ของเก่าที่ต้องเพิ่มจากการพักฟื้นยังไงก็ได้เพิ่มครับ
จากที่เรารู้ว่า กล้ามเนื้อสร้างตัวยามที่เราพักใช่ไหม นี่เลยครับ ดังนั้นหากอยู่ๆ ต้องหยุดไป 1-2 สัปดาห์ อย่าเพิ่งตกใจ เผลอๆ คุณจะเห็นว่า กล้ามมันโตขึ้นด้วยซ้ำ โดยมีเงื่อนไขว่า เล่นอย่างน้อย สัปดาห์ละ 1 วันในช่วงที่หยุดครับ เพื่อรักษาสภาพไว้ ผมแนะนำให้เล่นกลางสัปดาห์เช่น วันพุธ ขณะที่ทุกวัน ก็กินเหมือนเดิม อาจจะลดสัดส่วนบ้าง แต่ต้องกินครับ ผมก็กิน 6 มื้อเช่นเดิม เพียงแต่แทนที่จะสรรหาอะไรๆ ใน 6 มื้อผมก็เปลี่ยนมาเป็น กินนม อย่างเดียวครับ
   ผมก็ไม่เห็นว่ากล้ามเนื้อของผมจะเหี่ยวไปไหน จากประสบการณ์นี้และเห็นเพื่อนของผม หุ่นก็ยังดี เพราะเขายังรักษาสภาพ เล่นสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งครับรายนี้ หยุดโปรแกรมนะครับ ยังรักษาสภาพได้
    อย่างไรก็ตาม เมื่อหวนกลับมาเริ่มตามโปรแกรมฝึกใหม่ๆ หลังพักมานาน ผมขอเสนอให้เล่นแบบวันเว้นวันก่อนเสมอ เพื่อปรับกล้ามเนื้อ จากนั้นสัก 1-2 สัปดาห์ ค่อย กลับไปว่าตามโปรแกรมของท่านกันตามสบาย จากที่ผมลองเล่นมา ได้ตอนที่เล่นสม่ำเสมอปวดแค่ไหน เช้าๆ หายได้หมด แต่พอพักไปนานๆ กลับมาเล่น มันปวดระบมมาก ต้องระวังนะครับ บางคนจับไข้เลย

ลองนำไปทำกันดู
สวัสดีครับ
คุณบอลล์ :0)

Monday, August 1, 2011

การปรับโปรแกรมฝึก สำหรับคนทำงาน ได้ทีเดียว 3 ต่อ

สวัสดีครับ
    ผมกำลังจะปรับโปรแกรมฝึกของตัวเอง จาก เล่น 3 พัก 1 มาเป็น เล่น จันทร์ พุธ ศุกร์  สาเหตุนั้นมาจาก สิ่งแวดล้อมและธรรมชาติของการทำงาน
ที่เรามีแตกต่างกัน จากที่ผมสังเกตุมาได้ระยะหนึ่งพบว่า ธรรมชาติของผม แม้มีธุระวันว่าง ยาว กล้ามเนื้อก็มิได้ ลดถอยลง นั่นอาจจะเพราะ ผมยังรักษา
การกิน 6 มื้อไว้ตลอดเวลา กินของมีประโยชน์ และพบว่า กล้ามเนื้อมีความสดชื่นมากขึ้น

   ประกอบกับการที่ โรงยิมของที่ทำงานมีเวลาปิดที่กระชั้นชิดทำให้ผมมีปัญหาเรื่องการทำคาร์ดิโอหลังการเพาะกาย บางวันต้องลุ้นว่าทันเวลาปิดหรือไม่
และทำให้เริ่มมีความบ่อย จากภาระงานที่ทำให้ โปรแกรมฝึกไม่ครบ หากปล่อยนานๆ ไป คิดว่าไม่ดี ผมจึงได้คิดเปลี่ยนมันเสียใหม่ เพราะผมไม่ได้รีบร้อนอะไร ในการฝึกกล้ามผมมีแน่ๆ อยู่แล้วครับ
    จาก เล่น 3 พัก 1 ผมได้เปลี่ยนเป็น   เล่น วันเว้นวัน

ข้อดี คือ ผมซึ่งหลังๆ เล่นหนักขึ้นในแต่ละวัน จากที่เล่น 30 นาทีมาเป็น ราวๆ 1 ชั่วโมงครึ่ง การเว้นวัน จะทำให้กล้ามเนื้อผมได้พักฟื้น และ สดชื่นขึ้น           ได้เร็วกว่าเดิม ที่เล่นมากขึ้นเพราะติดใจกับ เครื่องแมชชีนและเคเบิ้ล ที่ใช้ประกอบการฝึก จากการค้นคว้าจากนิตยสารต่างๆ ครับ

ข้อดีต่อมา ผมจะประกันได้ว่า ทุกสัปดาห์ผมจะเล่นครบอย่างน้อย ทั้งตัว โดยไม่เหลาะแหละ

ข้อดีต่อมา ผมจะดำรงการเพะกายได้ระยะยาวต่อไป

    หากเราสามารถทำได้ดังนี้ หากต้องการเพิ่มความแข็งแกร่ง ในภาพรวม ยังสามารถเพิ่มท่าฝึกแบบองค์รวมแถมเข้าไปอีกวันได้ตามชอบ ที่เรียกว่า
Systemic เข้าไปอีก ไว้จะเขียนให้อ่านกันครับ นั่นแปลว่า เราฝึกได้ 4 วันต่อสัปดาห์เลยทีเดียว

      การเล่นกล้าม สิ่งที่เน้นมากๆ คือ การกินให้ถูกต้อง คือ 70-80 % ของความก้าวหน้า การหายใจ และ ท่าฝึก คือสิ่งสำคัญต่อมา การใส่ใจในกล้ามเนื้อเพ่งสมาธิ และการยกไม่เร็วหรือช้าเเกินไป ตลอดจนเทคนิค ทั้งหมดนี้ มีน้ำหนักมากกว่า วันฝึกต่อสัปดาห์แน่นอนในทัศนะของผม
แต่ต้องทำประกอบไปด้วยกัน อย่างมีสมดุล

   ลองนำไปทำกันครับ
สวัสดี
คุณบอลล์ :0)
   
   

แนวทางสำหรับ คนอ้วนที่เล่นเพาะกาย สบายๆ ปรับไปเรื่อยๆ

สวัสดีครับ
   สำหรับคนอ้วน ที่มาเพาะกาย คุณคือเพื่อนสนิทของผม เพราะว่า ผมก็อ้วน ทำให้ผมได้พบอะไรมาก็เอามาแบ่งปันกัน ตัวผมนั้น หลังจาก ที่
เพาะกายอย่างจริงจังและกินตามตำรา 6 มื้อก็พบว่า มันไม่ได้ ลดเลยเจ้าน้ำหนัก กลับเท่าเดิม มันไม่เพิ่มแต่เท่าเดิม ล่วงเข้าจะครบ 2 เดือนคือ
ราวๆ 40 กว่าวันก็ยังไม่ลด จริงๆ ไม่รีบ ก็ควบคุมแป้งเรียบร้อย แต่ได้ทำอะไรบางอย่างเผื่อเหนียวไว้ด้วยและคิดว่าน่าจะเหมาะสม
นั่นคือ การผสมผสาน การเพาะกายและแอโรบิคเข้าด้วยกัน จากคำถามที่มีกับตัวเองว่า ทำไมจะทำด้วยกันไม่ได้

    ผมได้เพิ่ม การออกกำลังกายแอโรบิคเข้ามาในช่วงเช้า คือ การปั่นจักรยาน ไม่ได้เน้นอะไรมาก แต่ขอให้มีการออกแรงแบบแอโรบิคคือ มีการออกกำลังกายต่อเนื่อง มีการหายใจต่อเนื่อง ในเวลามากกว่า  30 นาที โดยค่อยๆ เริ่มช้าๆ ผมปรับความหนืด เป็นน้อยที่สุด หรือไม่มีเลย
จากนั้นปั่นไปจนให้ครบ 40 นาที เราไม่ได้เน้นกล้ามเนื้อ ไม่จำเป็นต้องให้หนืด กล้ามขาไปเอาจากท่า squat หรือ Leg Press เอาก็ได้
แต่เน้น 40 นาทีเพราะว่า ไหนๆ ทำแล้วจะต้องมั่นใจว่ามันเป็นแอโรบิคจริงๆ ไม่ใช่เผลอๆทำไปแล้วเลิก แนวคิดคือ จากปริมาณการกินแบบคุมแป้ง
ของผม ที่กิน แต่กินน้อยลง ประมาณ 200 - 250 กรัมต่อวัน แทนที่จะเป็น 300 -350 กรัมแบบนักเพาะกายผอมๆ ที่ต้องทำน้ำหนัก เมื่อคุมแป้งแล้ว กินอย่างอื่น โปรตีน ผักผลไม้ ตามอาหารหลัก 5 หมู่ น้ำ มีครบ กิน 6 มื้อ เท่าเดิม แต่ผมเพิ่ม แอโรบิค ช่วงเช้าเข้ามา 1 อย่าง เมื่ออาหาร
เท่าเดิม คุมแล้ว ตามหลักวิชาเพาะกาย แต่เราผลาญแคลอรี่เพิ่ม ทุกเช้า ทำ สัปดาห์ละ 4-5 วัน วันละ 40 นาที ผมเชื่อว่า ไม่ต้องใช้ด็อกเตอร์ทางด้าน
อาหารมาบอก ก็รู้กันแน่นอนว่า ผมน้ำหนัก ลดลงแน่ๆ ครับ เป้าหมาย เดือนละ 2-3 กิโลกรัม หากมากกว่านั้นคือกำไร แต่ผมไม่รีบ ผมต้องการมีทั้ง
กล้ามเนื้อ สวยๆ และ ร่างกายทีน้ำหนักลดลง ผิวหนังกระชับไม่หย่อนยานไปพร้อมๆกัน ซึ่งเชื่อว่าผมทำได้แน่นอน

    ดังนั้นผมเริ่มวันนี้ ปลายเดือนสิงหาคม จึงเป็นการชั่งน้ำหนักครั้งแรกของผม สำหรับการทดลองลดน้ำหนักและเพาะกายในครั้งนี้ ซึ่งเชื่อว่าได้ผลแน่นอน หลักการง่ายๆ คือ เผาผลาญมากขึ้น กินเท่าเดิม น้ำหนักย่อมลดลงแน่นอน :0)

    สาเหตุที่ผมต้องปรับโปรแกรมโดยการเสริมแอโรบิคเข้ามาก็เพราะว่า ได้เห็นโปรแกรมฝึกของนักกล้าม ฝรั่ง ที่กล้ามสวยงาม แต่เช้าทำแอโรบิค ทุกวันฝึก ก็ไม่ได้ทำให้กล้ามของเขาลีบเล็กลง ซึ่งสังเกตุว่า เป็นการเว้นช่วงห่างกัน คือ แอโรบิค เช้า   และ เพาะกายช่วงเย็น ผมเลยลองนำมาใช้บ้าง
จุดนี้ ผมก็น่าจะทำได้เช่นกัน

    คนที่เพาะกายอยู่ แต่ว่ามีปัญหาว่า น้ำหนักจะลงไหม ทำแอโรบิคไปเลยครับ ขอให้ ทิ้งระยะห่าง ดังที่ผมทำ ผมเชื่อว่าไม่มีปัญหากับกล้ามเนื้อ
แต่ ก่อนการทำแอโรบิค นั้น ให้กิน ขนมปังโฮลวีท สัก 2 แผ่น ตามด้วยนมสัก 1 แก้ว ก็จะพร้อมทั้ง แป้งและโปรตีน แป้งจะทำให้หยุดการยับยั้ง
การสลายกล้ามเนื้อมาเป็นพลังงานในช่วงเช้า ได้เป็นอย่างดี ขณะที่โปรตีน ที่เข้ามาจะเป็นสิ่งที่นำมาเป็นพลังงานร่วมกับแป้งในการ ทำแอโรบิคได้เป็นอย่างดี ซึ่งไม่น่ามีปัญหาแต่อย่างใดต่อมัดกล้ามของคุณ

    ลองนำไปทำกันครับ

สวัสดีครับ
คุณบอลล์ :0)