Sunday, December 2, 2012

คำขอบคุณ และบทความเรื่องเพาะกายกันดีกว่า

สวัสดีครับ เพื่อนๆ ชาว DarkTallAndHandsome ทุกท่าน

   วันนี้ไม่มีอะไรจะพูดมากไปกว่าคำว่า ขอบคุณ ที่ท่านทั้งหลายได้ติดตามอ่านงานเขียนของผม มาจน มียอดการอ่าน
ปาเข้าไป 40,000 กว่าครั้งเข้าไปแล้ว ผมถือว่านี่เป็นความนิยม ที่ผมสามารถทำได้อย่างไม่คาดคิด เพราะมีหยุดเขียนไป
หลายเดือนทีเดียว แต่ยอดการอ่านบทความเดิม ก็มากขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ

    นั่นเป็นข้อสรุปว่า การรักษาสุขภาพและการออกกำลังกาย โดยเฉพาะการเพาะกาย กำลังเติบโตและเป็นที่นิยมในประเทศไทย
มากขึ้นๆ ทั้งนี้เพราะ ในเว็บของไทยตอนนี้ มีเว็บระดับคุณภาพ เช่น ของพี่ตำรวจ ท่านหนึ่ง ที่ผมเมื่อเพิ่งเริ่มเล่นกล้ามใหม่ๆ ก็
ไปอ่านข้อมูลของพี่ตำรวจท่านนี้ เป็นประจำ จนเริ่มเล่น และพอมีความรู้ เล่นมาก เล่นหนัก แต่ไม่เจ็บ ไม่ทำให้ตัวเองเสียสุขภาพ
ก็เริ่มมั่นใจว่า พอมีความรู้บ้าง ก็เลยคิดการเปิดบล็อคของตัวเองมาแชร์ประสบการณ์กัน

      ต้องขอบคุณเว็บของพี่เขามากครับ วันนี้ผมชีวิตเปลี่ยนไปมาก จากที่ กล้ามเนื้อ ที่ปล่อยไม่ดูแลจะมีอาการ เช่นเป็นตะคริวบ่อยๆ ใน
ฤดูฝน ก็ไม่เป็นแล้ว จากที่มีอาการหากไปออกกำลังมากๆ เดินมากๆ จะมีอาการปวดร้างไปทั้งตัว ก็หายขาด จากที่ ไม่สามารถทำอะไรได้ทน
ก็กลายเป็น ทนเหมือนแรด  ก็มาจากการเพาะกายทั้งนั้นครับ นี่ขนาด หยุดมา 4 เดือน ก็ยังแข็งแรง




      ผมจึงขอประกาศว่า อย่ายอมแพ้ครับ คุณอาจจะออกกำลังกาย เพาะกาย เพื่อต้องการลดความอ้วน ต้องการบึ้กขึ้น อะไรก็ตาม แต่คุณ
จะได้แน่ๆ คือ กล้ามเนื้อทั้งตัวที่เป็นสิ่งใหม่ ทำแล้วจะอยู่กับคุณ คอยพิทักษ์คุณให้มีความพร้อมในทุกเรื่อง ตลอดเวลา แม้จะไม่ได้ใหญ่แบบ
หนังฝรั่ง ไม่ผอมลงนัก แต่การเพาะกายไม่เคยให้ใครกลับไปมือเปล่า เพราะกล้ามเนื้อที่เกิดใหม่จะอยู่กับคุณ

       แน่ล่ะเล่นให้ได้อย่างที่ว่า ผมต้องขอว่า สัก 6 เดือนอย่างต่ำครับ ชีวิตคุณเปลี่ยนจริงๆ ไม่เชื่อลองครับ เอาสูตรกลางๆ ไปเล่นกันเลยคือ
  1.เล่นแล้วต้องเล่นในครบ คืออวัยวะหลักๆ ครบทุกส่วน โดยท่าหลักๆ ให้ครอบคลุมยังไม่ต้องลงลึกมากแต่ต้องครบครับ ลองหาอ่านในบทความของผม หรือหาหนังสืออ่าน แนะนำ SE-ED ให้น้องๆ ค้นหาหนังสือให้เลย
  2.เล่นแล้วมือใหม่ควรเล่นแบบ น้ำหนักน้อยๆ จาก 5 กิโลกรัม ไปถึง 10 กิโลกรัม พอแล้วครับสำหรับ 6 เดือนแรก
     แต่  "ให้เล่นจำนวนครั้งที่ยก (REP) มากๆ คือ 8-12 ครั้ง และจำนวนเซ็ท (SET) อย่างต่ำ 3 เซ็ท"
        สาวๆ ลดลงน้ำหนักลงมาเป็น 1-2 กิโลกรัม ไปถึง 5 กิโลกรัม พอแล้ว
 3.หากอยากเล่นสบายๆ นี่เลย วันเว้นวัน ให้ได้สัก 3 วันต่อสัปดาห์
 4.เล่นไปเลยอย่ากลัวครับว่า กล้ามจะป่องเร็ว ใหญ่ไป  มาเล่นก่อนจะเห็นเอง การมีกล้ามขึ้นมาใหญ่ๆ นี่ เซียน
     ที่เล่นมาสิบปี เขายังสั่งไม่ได้นะครับ จริงๆ แล้วมันยาก กว่าที่คุณคิด นอกจากคุณเป็นคนประเภท มีพันธุกรรม
     ที่ไวต่อการสร้างกล้ามเนื้อแบบนี้ อีกเรื่องหนึ่ง (เรื่องนี้มีจริงๆ ครับ)
5.ผ่าน 3 เดือนแรกได้คุณจะรักการเพาะกายไปเอง และเป็นกีฬาที่ เทพโอลิมปัส เขาฝึกกันครับ ฝรั่งเรียกการเล่นกล้ามว่า
   เป็นกีฬาของเทพเจ้าครับ เล่นแล้วใจมันนิ่ง ได้สมาธิ ได้โลกใหม่จริงๆ

ดังนั้นหันมาลองเพาะกายกันครับ มีหนังสือดีๆ สักเล่ม เล่นช้าๆ ศึกษา คุณจะพบโลกใหม่จริงๆ

สวัสดี
:0)
ปล.สนใจอาหารเสริมสำหรับนักเพาะกาย ฟิตเนส ติดต่อผมได้นะครับ
ผลิตภัณฑ์กิฟฟารีน คุณภาพเยี่ยม ผมขอแนะนำ
โพสต์ที่คอมเมนต์กันได้เลย




Wednesday, November 28, 2012

อย่าจำสูตร 30 นาที อาทิตย์ละ 4 วัน มันพาเราท้อ เราแบบนี้ดีกว่า

สวัสดีครับ

   ผมได้มีแนวคิดเรื่องการออกกำลังกายแบบใหม่นี้ขึ้น เมื่อ 2-3 สัปดาห์ก่อน จากการที่เวลามันไม่ว่างจริงๆ เสียที
และตัวผมเองก็นอนดึกบ่อยๆ เนื่องจากมีเว็บส่วนตัวที่กำลัง สร้างใหม่ๆ จนเช้าๆ นี่หมดแรง แค่มาทำงานก็ถือว่าดีแล้ว
วันหนึ่ง หลังจากผมรับประทาน สารอาหาร ที่เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (ยังไม่พูดในบทความนี้) ทำให้ผมมีเรี่ยวแรง
ในการตื่น และมีแรงพอที่จะลุกไปอาบน้ำ แต่งชุดออกกำลังกายแล้วไปออกกำลังกายที่สวน ใกล้บ้าน

   ตอนที่เดินไปที่สวนในวันนั้น ผมถามตัวเองว่า ทุกครั้งที่มาออกกำลังกาย เราต้องเดินเร็วๆ หรือวิ่งให้ได้ 30-40 นาที
ทุกครั้งไปหรือไม่ แล้วต้องทำให้ได้ 4 วันใน 1 สัปดาห์หรือไม่ ผมเริ่มได้ความคิดใหม่ๆ จากจุดนี้

  ผมว่าการคิดแบบนี้ ว่า   ต้องออกกำลังกายแบบแอโรบิค ให้ได้ 30 นาที สัปดาห์ละ 4 วันจึงมีสุขภาพดีนั้น มันมีข้อเสีย
อยู่ด้วยคือ

   1.หลายคนทำไม่ได้ เพราะเหตุผลส่วนตัว เช่นต้องรีบไปทำงาน กว่าจะกลับมาบ้านก็ 3-4 ทุ่มไปแล้ว
   2.หลายคนเห็นตัวเลข ก็ยอมแพ้ รู้สึกว่าไม่ไหว
   3.หลายคนคิดว่า หากทำไม่ถึงก็ไม่คุ้ม สู้ไม่เริ่มทำเสียเลยดีกว่า
   4.หลายคนทำได้ แต่ทำบ้างหยุดบ้าง เพราะมีตัวเลขมันคอยกระตุ้นจนเกินไป
   5.หลายคนรู้สึกว่า มันเรื่องมาก

  เอาล่ะ หลักการดังกล่าว ดีครับ ขอบอกเลย แต่สำหรับคนที่ทำได้ นะครับ ส่วนคนที่ทำไม่ได้ เราควรเปลี่ยนวิธีคิดกันใหม่
หมด อย่างไร?

   คุณเคยเห็นคนอายุ 85ปี 80ปี หรือ 75 ปี เดินเร็วปร๋อไหมครับ และยุคสมัยของท่านยังไม่มีการ รณรงค์เรื่องการวิ่ง
หรือเดินออกกำลังกายด้วยซ้ำ ตามสวนสาธารณะก็ได้ เห็น อาแปะ อาซิ่ม แก่ๆ ใหม่ แต่คล่องแคล่วกว่าเราคนหนุ่มสาวอีก
เคยฉุกคิดไหมครับว่า ทำไม คนสูงวัยเหล่านี้สุขภาพดีมาก ทั้งๆ ที่ไม่เห็นต้อง วิ่ง เดิน และต้องมีกฎเกณฑ์อะไรเกี่ยวกับ
4 หรือ ไม่ 4 วัน ต่อสัปดาห์ แต่ทำไมพวกเขาอายุยืน ทำไมๆๆๆๆ

   ผมคิดว่า ในโลกใบนี้การมีสุขภาพดีและอายุยืน ไม่ได้มีวิธีเดียวครับ มันมีมากกว่า 1 วิธีแน่นอน อย่างพระสงฆ์ของไทย
ท่านฉันข้าว 2 มื้อ และมื้อที่สองต้องก่อน เที่ยงที่เรียกว่า ฉันเพล มื้อเย็นงดเด็ดขาด สอดคล้องกับคำของพระท่านว่า
        "ผู้ไม่บริโภคยามวิกาล ย่อมอาพาธน้อย"

   แล้วเราก็เห็นว่าพระท่านในพุทธศาสนา อายุ 80 ขึ้นกันทั้งนั้นหลายๆ รูป อายุเข้าเกณฑ์ 90 ปี

 คำถามคือท่านต้องมา จ็อคกิ้ง ไหม ไม่มีครับ

  ต่อมาลัทธิเต๋า นักพรตพวกนี้ก็สุขภาพดีอายุยืน รำมวยไทเก็ก ได้สุขภาพดี ก็อายุยืนเช่นกัน

หลายชนชาติ กินมังสวิรัติ กินนมเปรี้ยว โยเกิร์ต อย่างที่ บัลกาเรีย ก็อายุยืน

  คนและท่านเหล่านี้ไม่ได้ออกกำลังกาย 30 นาทีต่อวัน สัปดาห์ละ 4 วันเลยนะครับ

   เมื่อผมไปถึงสวนพอคิดตรองดูแล้ว เอาล่ะวันนี้ คงไม่เดินให้หอบเหมือนทุกครั้ง "เดินเล่น" ดีกว่า คือเดินทอดน่องไปเรื่อยๆ
ดูนก ชมไม้ แล้วก็ไปหาที่โล่งๆ ฝึกลมปราณหายใจลึกๆ ยาวๆ  ผ่อนออก ยาวๆ ไม่ถึง 20 นาทีผมสมองโล่ง เย็นสบายๆ
ผมให้เวลาราวๆ 30 นาทีกลับมาอาบน้ำแต่งตัวไปทำงาน ปรากฎว่าวันนั้นผมสดชื่นทั้งวันเลย

   ผมจึงเสนอว่า การไปที่สวนหย่อมออกกำลังกาย สำหรับคนไม่ชอบออกแรงมาก หรือเวลาไม่พอ ก็ไป เดินเล่น ก็ยังดีครับ
ชีวิต ในสวนหย่อมเราเดินเล่น ได้ 7 วันเต็มเพราะร่างกายไม่ได้ล้าอะไร แต่เราสดชื่นได้ เต็มๆ นะครับ แถมไม่รู้สึกว่า ไปสวน
แล้วต้องเหนื่อย ทุกครั้ง ทำให้เราไปได้บ่อยๆ ดังนั้น หลักการนี้คือ
       การเดินเล่นในสวน
   1.เน้นการเดินเล่นจริงๆ หยุดที่ไหนก็ได้
   2.เน้นการหายใจยาวๆ ชมนกชมไม้
   3.เน้นไปฝึกสมาธิหรือปราณ (ไว้จะถ่ายทอดให้วันหลัง)
  4.เน้นไปได้ทุกวัน เพราะมันไม่ได้ไปเหนื่อย
  5.เสริมสร้างประจุบวกเข้าตัวเรามากๆ และเป็นทุนทางจิตและกายในการทำกิจกรรมอื่นๆ ต่อไป
       เช่นเริ่มแข็งแรงก็เริ่มออกกำลังกาย โดยการเดินบ้าง วิ่งบ้าง

แบบนี้ การคิดแบบนี้ แทนคำว่า ไปออกกำลังกาย ด้วยคำว่า ไปเดินเล่นในสวน จะทำให้เรา พาตัวเรา ไปที่สวนได้ทุกเมื่อ

ลองทบทวนดูครับ
สวัสดี
คุณบอลล์ ผมทำได้ คุณก็ทำได้ :0)

ป.ล.
อานิสงส์ในการแนะนำเรื่องดีๆ เปิดแนวคิดใหม่ๆ ให้พี่น้องได้สุขภาพดี ถ้วนหน้านี้
ขอให้ข้าพเจ้า มียอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เติบโตๆ ฮ่ะๆๆๆ ขอบคุณครับ
สนใจโพสต์ไต่ถามได้เลยครับ

Sunday, November 18, 2012

สิ่งเสริมดีๆ สำหรับนักเพาะกาย

สวัสดีครับ

   ตัวผมได้พบบางสิ่งโดยบังเอิญ เพราะบางที ร่างกายมันบอกเราว่าอยากกินนั่นนี่เป็นพิเศษ ในฐานะนักเพาะกายคนหนึ่ง
ผมระยะนี้ ได้ดื่มชาเขียวมากจริงๆ ในระยะ 2 เดือนที่ผ่านมา ไม่รู้ทำไม แต่มันเบื่อเรื่อง กาแฟกับน้ำอัดลมจริงๆ ครับ
ผมรู้มาก่อนแล้วว่า สารดีๆ ในชาเขียวมันเยอะมากจริงๆ (ไปต่อยอดหาคุณประโยชน์ในชาเขียวกันเองใน google ครับ)
และยังช่วยเรื่องเผาผลาญไขมันด้วย แต่ผมตอนที่เริ่มมาดื่มชาเขียวมากๆ นี่ ผมลืมเรื่องนี้ไปแบบสนิทจริงๆ เพราะไม่ได้สนใจ
เรื่องลดน้ำหนัก คือผมเน้นเล่นกล้ามอยู่แล้ว ยังไงมันก็ลด มันก็แข็งแรงขึ้นอยู่แล้ว เพียงพากเพียรดูแลตัวเองต่อไป ไม่เห็นยาก

   ที่นี้ไอ้ความอยากดื่มชาเขียวมันเกิดอยากขึ้นมาผมก็ซัดวันละ 2 ขวดเช้าเย็น ไม่ขอบอกยี่ห้อ เพราะไม่ได้ค่าโฆษณา แต่ผม
กินแบบดั้งเดิมนะครับ ไม่ปนอย่างอื่นๆ ปรากฎว่า 2 เดือน กางเกงผมหลวมเฉยๆ ไม่ใส่เข็มขัดหลุดกองกับพื้น เอางี้แล้วกัน
จากที่ผมเป็นคนน้ำหนักมาก มีอาการเบาหวานแบบที่ 2 บ้าง แต่มันไม่ได้ลดเพราะเบาหวานแบบที่ 2 แน่ๆ เพราะหน้าตาผม
กลับเปล่งปลั่ง สดใส มีหลายคนทัก และ คนที่ทักคือคนที่ไม่ได้เห็นกัน 2 เดือนว่า ทำไมผอมลง

    ผมก็ตกใจ ที่กางเกงหลวม ก็ไม่ได้คิดอะไร แต่พอคนทักเลยคิดได้ อ้าวทำไม ลองมานึกย้อนดู อ๋อชาเขียว
เข้าใจนะครับ คนที่ไม่ได้คาดหวังเรื่องลดน้ำหนัก รู้แต่เพียงว่า ชาเขียวมีสานอาหารดีๆ มากมาย เลยกิน มาเป็น
อ้าวมันออกมาทางน้ำหนักลดเห็นชัดเลยเกิดแรงบันดาลใจ

    ผมเลยนำเรื่องนี้มาเล่าให้เพื่อนๆ อ่านกัน และขอแนะนำว่า หากท่านเล่นเพาะกาย ขอให้ดื่มชาเขียวครับ อย่าลืมนะครับ
สวัสดีครับ
คุณบอลล์ :0)

Wednesday, November 7, 2012

วันนี้กับสินค้าแนะนำ จากกิฟฟารีน ที่นักเพาะกาย ไม่ควรมองข้าม

จากที่แฟนบทความได้อ่านบทความด้านการหัดเล่นกล้ามเพาะกาย
กันมาหลายบทความ ผมตอนนี้ ก็ใช้ตัวนี้ครับ เข้าท่าทีเดียว
จากประสบการณ์จริง พวกเรารู้กันอยู่แล้ว่า แต่เวย์โปรตีนอย่างเดียวไม่พอ มันต้องมี พวก ครีเอทีนและ แอล-คาร์นิทีน เพิ่มเข้ามาอีกด้วย กิฟฟารีนจัดตรงนี้ไว้พร้อมเลยครับ และมีพวก คอลลาเจต มะเขิอเทศ พร้อมสารสกัดจากองุ่นอีกด้วย ขอแนะนำครับ ของเขาดีจริงๆ
********************************************************************************
  ต้องการซื้อสินค้า เชิญสมัครเป็นสมาชิกซื้อสินค้า ก่อนเลยครับ ที่ http://www.konthai-smart.com
กรอกรายละเอียด ที่ฟอร์มด้านล่างของเพจ ง่ายๆ ครับ เพราะอะไร เพราะคุณจะได้ลดราคาลงไปอีก
เท่าไรทราบไหมครับ ลดลงไปอีก 25% โห สุดยอดครับ  จากราคา 720 บาท จะลดลงไป 180 บาท
เหลือเพียง 540 บาท คุ้มครับทานหมดก็ซื้อ เพียง ขวดละ 540 บาทตลอดไป สมัครสมาชิกครั้งเดียว
ตลอดชีพ ไม่ต้องต่ออายุอีกครับ แล้วก็ไม่ต้องไปซื้อ เวย์ ที่ แอล-คาร์นิทีน ทีหนึ่ง แล้วต้องไปซื้อ ครีเอทีนแยกกันให้วุ่นวาย นี่เลยครับ Fitt-N-Firmm ขวดเดียวอยู่ พร้อม สารต้านอนุมูลอิสระเสริมสร้างและปกป้องเซลล์ อีก คุ้มสุดๆ แล้วครับ เชิญที่ http://www.konthai-smart.com ครับ

      ที่สำคัญ คุณสามารถไปซื้อได้ด้วยตัวเองที่ศูนย์กิฟฟารีนใกล้บ้าน หรือ สั่งซื้อผ่านเน็ตผ่านเว็บของกิฟฟารีน หรือฝากเราจัดการให้ได้เลยครับ เราพร้อมบริการสมาชิก ครับ บริการด้วยใจ :0)

Fitt-N-Firmm
ฟิตต์-เอน-เฟิร์ม

 ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ครีเอทีน โมโนไฮเดรต ผสมบรานซ์-เชน อะมิโน แอซิด เวย์โปรตีนเข้มข้น แอล-คาร์นิทีน คอลลาเจน มะเขีอเทศผง และสารสกัดจากเมล็อองุ่น ตรา กิฟฟารีน




 ส่วนประกอบสำคัญโดยประมาณใน  1 เม็ด
 ครีเอทีน โมโนไฮเดรต 500  มก.
 บรานซ์-เชน อะมิโน แอซิด 200 มก.
 เวย์โปรตีนเข้มข้น 60 มก.
 แอล-คาร์นิทีน 35 มก.
คอลลาเจนจากปลา 35 มก.
มะเขีอเทศผง 25 มก.
สารสกัดจากเมล็ดองุ่น 4 มก.

วิธีรับประทาน:
 รับประทานวันละ 3-5 เม็ด พร้อมอาหาร
ขนาด 60เม็ด รหัส 40506
 ราคาปกติ 720 บาท สมาชิกกิฟฟารีน ลด 25% เหลือเพียง 540 บาทเท่านั้น

 คำเตือนอ่านคำเตือนในฉลากก่อนบริโภค ไม่มีผลในการป้องกันหรือรักษาโรค
ฆอ. 1173/2553                                                                                                               

Friday, November 2, 2012

คนเคยขา ม้าเคยขี่ เพาะกายมา มีหรือจะเลิกไป

สวัสดีครับ

  วันนี้ขอแนะวิธีให้กับคนที่ เล่นกล้าม เพาะกายมาุก่อน แล้วเกิดอยากกลับมาเล่นใหม่ คุณจะเอาเนื้อหาอะไรมาเป็นแรงผลัก แรงกระตุ้น และกำลังใจให้กับคุณ

   สำหรับผม ผมคิดเรื่องเหล่านี้ในหัวครับ ทำให้ผมกลับมาเล่นกล้ามได้อีกแม้จะมีเรื่องให้ต้องหยุดไป ตามความจำเป็นต่างๆ ก็ตาม

 ข้อแรก  การเพาะกายพาเราออกมาจากสังคม ที่เป็นเรื่องซ้ำเดิม สร้างความกระชุ่มกระชวยให้เราเสมอ

 ข้อที่สอง  เป็นเครื่องแสดงให้เห็นว่า เราเป็นคนที่แข็งแกร่ง ทั้งกายและใจ  ใจคือคนกี่คนในโลก ที่ฝืนพาตัวเองไปยกน้ำหนัก ตามตาราฝึกได้เหมือนเรา  เอาเป็นว่าในไทย นี่คุณคิดว่า ถึง 1000 คนไหม แล้วทั่วโลกคุณคิดว่า ทั้งหมดจะเท่าไรกันเชียว

ข้อที่สาม อารมณ์ จิตใจ การเผชิญเรื่องต่างๆ หลังฝึกจริงจังสัก 8 เดือน หรือ 1 ปีไปแล้ว คุณจะพบว่า คุณกลายเป็นคนใหม่ โดยไม่ตั้งใจ จะแกร่งขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ บุคลิก จะทำให้คนเกรงใจ

ข้อที่สี่  โหงวเฮ้งจะดี เพราะพลังจะการฝึก ผมว่ามันคือ ปราณ หรือ ชี่แบบหนึ่ง มันอยู่ในตัวเรา และมันฉายออกทางใบหน้า

 ข้อที่ห้า คนเล่นกล้าม จะมีความเป็นหนุ่มสาวมากขึ้น เพราะคนมีกล้ามจะต้องมี ฮอโมนเพศชาย อะไรเกี่ยวกับความเป็นชายจะกลับมาหมด หากไม่มีฮอโมนเพศฟื้นกลับมากล้ามจะขึ้นไม่ได้ ดังนั้น มันคือ
ยิงที่เดียวได้นกหลายตัว นกข้างล่าง 555 ก็จะกลับมาด้วย ไม่เชื่อลองดูครับ

ข้อที่หก กินอาหารดีๆ ถูกต้อง โปรตีน ไขมัน คาโบไฮเดรต พืชผัก ผลไม้ และน้ำ ต้องบริโภคให้เพียงพอ ผมขอแถม ชาเขียวไปด้วย อีกหนึ่ง ว่านักเพาะกายต้องดื่มครับ คนทั่วไปก็ต้องดื่มเช่นกัน

ข้อที่เจ็ด คุมอาหารให้ได้ตามตารางฝึก ระวังน้ำตาล และกินมากเกิน รับรองยังไงก็หุ่นดี ขนาดผมอ้วนๆ เล่นได้ 8 เดือนโครงร่างผมเปลี่ยนไปเลยนะครับ แม้จะอ้วนแต่ดูแมนมากๆ เพียงแต่ด้านข้างยังหนาเกินฮ่ะๆๆๆ

ข้อที่แปด ผู้ชาย มันต้องมีกีฬาสักอย่าง คิดแบบนี้

ข้อที่เก้า ความมั่นใจ ชายเหนือชาย มันจะมาเอง

ข้อที่สิบ  ความได้เป็นเจ้าของ กล้ามเนื้อที่เราทำเอง ค่อยๆ สะสมมา มันต้องเล่นจึงจะมีได้ มันหลอกกันไม่ได้ครับ เราภูมิใจเอง


ผมคิดแบบนี้เวลากลัับไปเล่นใหม่ทุกครั้งแล้วคุณล่ะครับ

สวัสดี
:0)

Wednesday, October 24, 2012

วันแรกกับการเขียนบล็อคแบบผสมผสาน ที่หาใครในพิภพหาญกล้า กับ "องค์ 3 แห่งมหาโอกาส"

สวัสดีครับทุกท่าน

  หากคุณได้มองเคาร์เตอร์ที่ด้านขวามือ คุณจะพบว่าคนไทยไม่ธรรมดานะครับ เว็บหรือบล็อคทางด้านสุขภาพนี้ มีคนนิยมกันจริงๆ ผมเปิดบล็อคนี้ได้ไม่ถึงปี กับเพื่อนสมาชิกใน โซเชียลเน็ตเวิร์คจำนวนหนึ่งแต่กลับมียอดการเข้าชมมากถึง 36000 ครั้งเข้าไปแล้ว แน่นอนส่วนหนึ่งมาจากคุณภาพบทความที่ผมได้พากเพียรค่อยๆ เขียนมันขึ้นมา แม้ว่าผมยังไม่ได้มีหุ่นงามกล้ามใหญ่ น้ำหนักยังไม่ลดนักแต่ ผมวันนีแข็งแรงกว่า หลายปีก่อนมาก ตัวเราย่อมรู้ดี

  อย่างไรก็ตาม ตอนนี้นอกจากเพาะกายแล้ว ผมขอทำความเข้าใจว่า ผมเริ่มมองชีวิตในอนาคตของผมเช่นกัน ซึ่งข้อความต่อไปจากนี้ คือ ผมจะบอกคุณว่า ทำไมเราควรจับทำธุรกิจเครือข่ายไว้สักตัว และทำไมผมเลือก กิฟฟารีน? บอกไว้ก่อนว่า จะไม่มีเรื่องทำยังไรรวยเร็วให้อ่าน หรือคำนวณ PV อย่างนั้นอย่างนี้ขึ้นตำแหน่งเร็วอย่างนั้นอย่างนี้ จะไม่มีครับ ใครที่ไม่ชอบแนวนี้คงจะอ่านต่อได้ เพราะผมพูดในแนวของผม

   หวังว่า ผู้ติดตามงานเขียนของผมในเรื่องวิชาการ การเพาะกาย จะไม่ตำหนิผม ที่เอาธุรกิจเครือข่ายส่วนตัวมาปนกับเนื้อหาเพาะกาย เนื่องจากผมเห็นว่า เมื่อเราเพาะกายได้ เราก็ควรทำอีกเรื่องคือ "สร้างตัวอย่างเอาจริง" ไปด้วยกันได้ หากเรามีพลังทำไมใน 1 วันเราไม่ทำทั้ง 2 สิ่งนี้ไปด้วยกัน จริงไหมครับ

   ขณะที่ก่อนหน้านี้ราวๆ 2 เดือนผมกำลังสร้างเว็บไซต์หลังใหม่ เกี่ยวกับความชำนาญเฉพาะด้านที่ในเมืองไทยยังไม่เอาจริงกันนัก (ขอสงวนไว้จนเมื่อทำเสร็จแล้วค่อยมาแนะนำกัน) เมื่อทำได้มาพักใหญ่จนเว็บไซต์เป็นรูปเป็นร่าง ผมก็ได้พัฒนาโปรแกรมบนเน็ต ได้สำเร็จในหลายรูปแบบประกอบเว็บแห่งนี้ จนเริ่มจะวางใจได้ว่า ไม่อายเว็บเมืองนอกแน่นอน แต่ก็มาเอะใจ ในศักยภาพอีกอย่างหนึ่งของโลกอินเตอร์เน็ต นั่นคือ มันมีโอกาสเรื่องสร้างรายได้เสริมนี่นา

   เว็บก็เว็บเรา เนื้อหาก็เป็นที่สนใจของผู้คนแบบแน่นอน ทำไมเราไม่ลองหารายได้เสริมโดยขายของบนเว็บของเราเองล่ะ? ก็เริ่มค้นหาข้อมูลสินค้า ที่คิดว่าจะขายได้บนเว็บของตัวเอง ค้นๆ ไปมันก็พบธุรกิจเครือข่ายขึ้นมา ทำให้ลองศึกษาดู ก็พบว่า ธุรกิจเครือข่าย นี่เมื่อก่อนก็ดูดีนะครับ แต่สมัยนี้  มีสิ่งเหล่านี้คือ

          ผมขอเรียกสิ่งนี้ว่า

    "องค์ 3 แห่งมหาโอกาส"

    1.อินเตอร์เน็ตความเร็วสูง
    2. เดี๋ยวนี้มีระบบอินเตอร์เน็ต ที่ช่วยให้เราได้รายชื่อผู้มุ่งหวัง อย่างไม่มีขีดจำกัด เพื่อแนะนำเครือข่าย          
         ดีๆ ให้เขาเหล่านั้น
        (ข้อมูลล่าสุด ตอนนี้คนไทยเล่นเน็ตกัน กว่า 25 ล้านคนแล้วนะครับ จากเมื่อ 5-6
       ปีก่อนมีเีพียง 10 กว่าล้าน)
    3. และสุดยอด อีก 1 อย่าง คือ การเปิดเสรี ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)
        มีหรือที่ธุรกิจเครือข่ายจะปล่อย ชิ้นปลามันชิ้นนี้ไป

 ทั้ง 3 ข้อนี้ หากเราตระหนักและรับฟังสื่อสักหน่อย จะพบว่า เริ่มคุ้นหูขึ้นมาเรื่อยๆ ไม่ต้องเป็นนักวิชาการ ชำนาญอะไรหรอกครับ พวกเราต่างรู้ดีว่า มันเป็นโอกาสจริงๆ แต่ 90% ของคนทั่วไป หมายถึงคนแบบคุณและผม จะคิดเรื่องนี้ขึ้นมา แป๊บหนึ่ง แล้วก็หยุดคิดไป ด้วยเหตุผลเดียวกัน

   "มันเป็นโอกาสจริงๆ แต่มันคงไม่ใช่คนแบบเราๆ น่าจะเป็นเหล่า บริษัท องค์กรใหญ่ๆ มากกว่า"

   ทว่า ธุรกิจเครือข่าย นี่ล่ะครับที่ทำให้เรามีสิทธิใน มหาโิิิอกาสนั้นได้จริงๆ

-คุณไม่ต้องลงทุน อะไรให้ใหญ่โต และต้องลุ้นไปเรื่อยๆ เวลาก็ใกล้เข้ามา อีก 3 ปีเขาจะเปิดเสรีแล้ว
-คุณเพียงแต่เปิดโอกาสได้ตอนนี้ ใช้ 3 ปีนี้ร่วมกับทีมงานของคุณในเครือข่ายธุรกิจ สร้าง องค์กรให้แข็งแกร็งสะสมไปเรื่อยๆ เท่านี้คุณก็จะเป็นคนหนึ่ง ในมหาโิอกาสนี้แล้ว กับขนาดเศรษฐกิจ 600 ล้านคน และต่อไปจะมี จีน ญี่ปุ่น เกาหลี อินเดีย เข้ามาร่วมอีก เฉพาะจีนกับอินเดียก็ 2000 กว่าล้่านคนเข้าไปแล้วครับ

-คุณเพียงเปิดใจ และ เริ่มทำงานเป็นหุ้นส่วนธุรกิจกับเครือข่ายธุรกิจที่เชื่อถือได้ มีชื่อเสียง มีคุณภาพจริงๆ เท่านี้ก็เรียกว่า สำเร็จไปแล้ว 50% ใช่หรือไม่

   สำหรับผมตัดสินใจร่วมเป็นหุ้นส่วนธุรกิจกับ กิฟฟารีน แล้วคุณล่ะครับ ไม่ลองสร้างโอกาสให้กับตัวบ้างหรือครับ

  สนใจและมอบโอกาสให้คุณเองด้วยตัวของคุณเอง ลงชื่อสมัครร่วมทำธุรกิจกับเรา (ไม่มีข้อผูกมัดใดๆ ทั้งสิ้น) ทำงานออนไลน์ ประสานกับ ออฟไลน์ กับเราคือ คำตอบที่ "ใช่"

                      หรืออ่านรายละเอียด เพิ่มเติม คลิกที่นี่

ชื่อ นามสกุล
เบอร์โทร:
Email:
จังหวัด:
อำเภอ/เขต:
คำถาม
(ถ้ามี):
สวัสดีและขอบคุณครับ คุณบอลล์

Monday, September 24, 2012

เพาะกาย น่ะเจ๋งจริงทำแล้วอยู่กับเราตลอดแต่ ต้องเหมาะสมด้วย

สวัสดีครับ คนรักสุขภาพ

   ตอนนี้ผมก็กำลังอยู่ระหว่างการเำพิ่มๆลดๆ ของน้ำหนัก เพราะให้มีเหตุหยุดเล่นเพาะกายจนได้ยาว 4 เดือนแล้ว แต่สังเกตุว่า การอ้วนขึ้นหลังเพาะกาย นั่น มันมาจากเราเองครับ แต่ผมน้ำหนักคงที่ เพราะ
ไม่ได้กินมากขึ้น คือ ระวังเรื่อง น้ำอัดลม ที่ลดลงอย่างเดียวพอ กล้ามก็ไม่ได้ หดไปไหน ไม่ใหญ่เหมือนเดิมแต่มีและยังอยู่ เช่นตามจุดใช้งาน จะอยู่เหมือนเดิมและดีเหมือนเดิม

   ผมเคยมีปัญหาที่เข่า คือ ขนาดว่า งอเข่าตอนยืนมันดัง ครึกๆ เบาๆ แล้ว แต่ก็หายมาได้ เพราะยังหนุ่ม ที่เป็นเพราะน้ำหนักตัวมาก แต่เมื่อไรที่ใช้งานเข่ามากๆ เช่นเดินทั้งวัน ก็แน่นอน อีก 3-4 วันกว่าจะหายเข่าระบม แต่เมื่อผมมาเล่น ท่า Leg press กว่า 8 เดือนในปีที่ผ่านมา ผมหายขาดครับ คือกล้ามเนื้อบริเวณ ขา แทบทุกส่วน มันแข็งแรงขึ้นเหมือนเราใส่ ชุด Iron Man เอาไว้ คือผมไม่ได้สังเกตุนัก นึกว่า
เลิกเล่นไป 4 เดือนกล้ามทั้งขาที่สร้างไว้ คงค่อยๆ หายไป ไม่ใช่ครับ เพราะพอมันสร้างไว้แบบรับอะไรหนักๆ ไว้แล้ว ขามันยังใช้ทุกวันทำให้กล้ามได้ออกกำลังทุกวัน มันเลยอย่างน้อยยังอยู่เป็นส่วนมาก เดือนนี้ ผมต้องเดิน ทั้งขึ้นบันไดบ่อยๆ แบบว่า เหนื่อยเลยแต่ขาผมไม่มีอาการอะไรเลยแม้แต่น้อย

  ทำให้ศรัทธามากๆ กับการเพาะกายครับ ผมจึงมีแนวคิดว่า นอกจาก การบำบัดแบบต่างๆ แล้ว สมมติว่าเรามีโรคอะไรก็ตาม หากเกี่ยวกับ ข้อ กระดูก น่าจะพ่วงการเพาะกาย ตามความเหมาะสมเข้าไปด้วย เพราะกล้ามเนื้อในบริเวณที่เจ็บจะเข้ามาพยุงอาการเจ็บได้ และเหมือนมีคนประคองเราไปในตัวทำให้ไอ้ที่หายไ้ด้ 80 % ก็กลับเป็นเต็ม 100 ไปได้นั่นเอง


                                               คนนี้เคยดูใน NHK ครับ น่าจะเป็นแชมป์ของญี่ปุ่น
                                               คนหนุ่มอย่า สำออย ว่าทำไม่ได้ครับ


   เอาล่ะ มาต่ออีกประเด็น เรื่องคนอ้วน เริ่มมาเล่นเพาะกาย

   สำหรับผม เอาประสบการณ์ของตัวเอง แต่ความเห็นนั้น เป็นแบบ ของใครของมัน นะครับ ลองนำไปปรับใช้ นั่นคือ ผมลองมาแล้ว 8 เดือน เพิ่งมาพบจุดอ่อนของ คนอ้วนแบบผมว่า ผมกลัวกินไม่พอ และมีเสริมนั่นนี่เข้าไปใน อาหาร 6 มือตลอด บางทีคิดว่าไม่เป็นไร อย่าง ขนมปังกรอบเคลือบน้ำตาลหน่อยๆ ทำไมทำมา กินมันทุกครั้งเลยทีเล่น อีแบบนี้มันเลยไม่ลดครับ ไขมันยังมี กล้ามก็มี แต่มันไม่เห็นครับ แต่เรารู้ว่าเรา แกร่งขึ้นมาก


    ทีนี้ผมเลยคิดเปลี่ยนกลยุทธ์หน่อย ผมเปลี่ยนจากเล่นหนัก มาเล่นแบบปานกลาง คือเล่นให้กล้ามยังมีและแกร่งแบบค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป โดย ไปเน้นการลดน้ำหนัก แบบธรรมชาติ จาก การเดิน ครับ ตอนนี้เดืนได้ประมาณ 2 กิโลเมตรต่อการเดิน 1 ครั้ง สัปดาห์ละ 4 วัน ครับ ต่อไปจะเป็นประมาณ 3 กม.ต่อครั้ง



     ผมเคยทำได้มาแล้วลดจนกางเกงเดิมสวมไม่ได้ ใส่แล้วหลุดกองพื้น ใน 4-5 เดือน เนื้อหนังไม่ห้อยด้วยเพราะค่อยๆ ลดลง  ผมเลยกะว่า จะเล่นกล้ามแบบประคองพอแล้ว แต่ขอลดน้ำหนักให้เห็นว่า ลงจริงๆ เพรียวลง สัก 5 เดือนก่อนครับ จากนั้นค่อยเพิ่มความเข้มขึ้นในการเพาะกายขึ้น ซึ่งข้อดีคือ

    1. เห็นผลก่อนว่าเราเพรียวลงชัดเจน เกืดกำลังใจ
    2. ไม่เหนื่อยเกินไป
    3.  มีแรงบันดาลใจสร้างกล้ามต่อไปอีก


   ได้ทั้งความสมส่วนและ กล้ามไปพร้อมๆ กันครับ

ลองนำไปประยุกต์กันดู

สวัสดีครับ







Tuesday, September 11, 2012

หันมา "ทำกินเอง" เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น

สวัสดีครับ คนรักสุขภาพทุกท่าน

   หลังจากที่เป็นเวลานานพอสมควรที่ห่างหายไปกับการเขียนบทความ ผมได้รื้อฟื้นสิ่งดีๆ บางอย่างกลับมาทำใหม่
นั่นคือ การ "ทำกินเอง" ซึ่งจากที่ทดลองเพียงวันแรก อะไรที่ลืมไปแล้วก็เห็นผล การทำกินเองสามารถทำได้ง่ายๆ
โดย การคุณ (ผมสมมติว่า พวกเราคือ ชาวคอนโด ห้องเช่า ที่อยู่ตัวคนเดียว) จัดหาอุปกรณ์ สายคาร์บ หรือ คาบอร์ไฮเดรต
มาเป็นของคุณก่อน เฉลย มันคือ หม้อหุงข้าวไฟฟ้า ทั่วไปนี่ล่ะ ราคาให้สูงหน่อย สัก 1500 บาท ขึ้นไป ลงทุนทีเดียวยาวเลย
เพราะจะได้มีเคลือบโน่นนี่ ทีตัวหม้อ ปลอดภัยอีกด้วย

   เมื่อมีหม้อหุงข้าวไฟฟ้าแล้ว เราก็ซื้อข้าวถุง เน้น ข้าวกล้อง หรือ ข้าวซ้อมมือ เป็นหลัก เห็นไหมแววสุขภาพเริ่มฉายแล้ว และ
หุงข้าว 2 ชนิดนี้กินให้ได้ ทั้งปี ครับ

    การทำกินเอง คงไม่ใช่แค่ การหุงข้าวแบบนี้ แต่สำหรับคนเร่งรีบ ไม่มีใครดูแล ที่ทางห้องหับก็ไม่ใหญ่อะไร เรายังมีโจทย์ยากอีกข้อ
คือ กับข้าว จะทำยังไง ทางเลือกสมัยก่อนของผม คือ

    หุงข้าวก่อน เสร็จแล้ว ตักลงโถ ใหญ่ๆ แล้วปิดฝาชีไว้ จากนั้น ใช้หม้อข้าวต้ม กับ หมู ปลา เป็นต้น ซึ่งพบว่า มันเสียเวลาและค่าไฟมาก
ต่อมาทดลอง ต้มมันไปพร้อมหุงข้าวเลย ปรากฎว่า Work ครับ จะเนื้ออะไรมันก็สุกพร้อม หุงข้าว เสมอ แต่ จุดสังเกตุคือ มันหุงนานเป็นพิเศษ
แต่ก็พอกล้อมแกล้ม คือ เราจะ มีข้าว และ กับข้าวกินเองแล้ว  

    ตอนนี้เท่ากับเรามีเสรีภาพในการหุงหาอาหาร ไม่ต้องไปฝากท้องกับ ร้านอาหารอีกต่อไป ขั้นต่อมา ยังต้องเติมอะไรอีก

  ขั้นต่อไปคือ ผักต่างๆ ครับ ให้ซื้อมาอย่างน้อย 2 ชนิด สำหรับทุกสัปดาห์ การกะจำนวนให้เหมาะสมคงต้องดูจาก ตัวของคุณว่ากิน จุไหม
ต้องหาจำนวนนั้นเอาเอง ของผมตัวใหญ่ เล่นกล้าม ก็กินมากหน่อยครับ

  จะเห็นว่า ผ่านขั้นตอนนี้ได้ ใครๆ ก็รู้ว่าสุขภาพย่อมดีแน่ๆ เพราะอะไร?

1.ข้อแรก เราหันมากินข้าวซ้อมมือ หรือข้าวกล้องแทนข้าวขาว มันดีกว่าอย่างไร คุณรู้ดีอยู่แล้ว ถามว่า หากกินตามร้านมีแบบนี้ไหม หาได้น้อยมาก
แม้แต่ ร้านดังๆ ไม่ว่าจะเป็น สุกี้ อาหารญี่ปุ่น เขาก็ยังไม่เสิร์ฟ ข้าวกล้องหรือข้าวซ้อมมือนะครับ

2.ข้อสอง คุณจะได้กินผักทุกวัน ในปริมาณที่มากพอ ผมถามให้คุณตอบแบบซื่อสัตย์ ว่า คุณได้กินผักจริงๆ ครั้งสุดท้ายตอนไหน กินผักเป็นเครื่องเคียงไม่ใช่ผักในจาน ที่สั่งมากิน ซึ่งมีผักนิดเดียวไม่นับนะครับ

3.ข้อสาม รายจ่ายของคุณจะลดลงในปริมาณ มหาศาล  เพราะกินข้างนอก นี่ มื้อใน กทม. เอาให้อิ่มๆ ในย่าน ธุรกิจหน่อยนี่ 35 บาท ยังไม่แน่ว่าจะอิ่ม
ไม่นับน้ำหวานต่างๆ ก็พวกกาแฟ นั่นล่ะ แต่หากคุณทำกินเอง และนำ ไปกินที่ทำงานได้ จะประหยักขนาดไหน ลองคิดดู สมมติว่า

   1 วัน ต้องเสียเงินกินข้าว 3 มื้อ ราวๆ 130 บาท คิดแบบตัวเลขกลมๆ รวมน้ำหวานแล้ว เดือนหนึ่งทำงาน 22 วัน เป็นเงิน 2860 บาท คิดเผื่อกินเพิ่มบ้างเป็น 3000 บาท หากคุณทำกินเองได้ครบ 3 มื้อ คุณประหยัดเงินไป 3000 บาทเลยนะครับต่อเดือน คิดเป็นค่าซื้อข้าว ซื้อกับมาทำกินเอง ของผม อาจเสียค่าอาหารไปราวๆ 2000 บาท แต่ตรงๆ ไม่มีเพิ่มลด ผมยังกำไร 1000 บาท และกำไรแฝงอีก นับไม่ได้เพราะ
สุขภาพที่กลับคืนดี ได้กิน ผักปลา กับเขาบ้าง ข้าวก็ข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ มันเอาเงินล้านแลกมาไม่ได้ ต้อง ใช้ตัวเราทำเอง กินเองเท่านั้น

   ค่าไฟ ค่าน้ำ หากมีเพิ่มขี้นบ้างก็ยังคุ้มอยู่ดี

    ราว 2 วันแรกที่หันกลับมาทำกินเอง พบว่า มันทำให้ผมมีอิสระ ตื่นมาหิว ทำกินได้เลยไม่ต้องรอร้านเปิด 9 โมง สดชื่นเพราะกินผัก อาหารมึนชา ตลอดวัน หายไปเลย คงเพราะสารอาหารดีๆ จากข้าวกล้องและผัก อ้อผลไม้ก็ต้องกินประจำนะครับ การขับถ่ายดีขึ้น เพราะปริมาณออกมามากและมีคุณภาพ
ฮ่ะๆๆๆ หากพ่วงการออกกำลังกายตอนเช้าเข้าไปด้วย นอนอย่าดึกมาก คุณจะมีชีวิต อย่างราชา เลยครับ

    เพื่อสุขภาพที่ดีงาม เราต้องร่วมกันทดลองและแสวงหาทาง แห่งสุขภาพดี ร่วมกันครับ

สวัสดี
:0)

 

Tuesday, July 10, 2012

ปวดจริงหนอ หลังจากเดินออกกำลังกายวันแรก

สวัสดีครับ คนรักสุขภาพ
  มีคนมากมายที่ ยังไม่ออกกำลังกาย นั่นกลายเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว ทั้งๆ ที่มันไม่ใช่เรื่องปกติ แต่เป็นเรื่องผิดปกติครับ
ทั้งนี้เพราะว่า คนเราเกิดมาตามธรรมชาติสร้าง ต้องมีการขยับ อยู่กับกิจกรรมใดๆ สักอย่าง ไม่ใช่กินๆ นอนๆ เพราะเรา
ไม่ใช่สัตว์
   นานมาแล้ว ก่อนปี 50 ผมมักจะมีอาหาร มึนหัวหน่วงๆ ไม่หาย วันหนึ่งพ่อแม่ชวนไป ไดรฟ์กอล์ฟ เพียง 1 ถาด อาการ
มึนๆ หายเป็นปลิดทิ้ง ทำให้ผมเริ่มหันมาออกกำลังกาย แม้จะทำบ้างหยุดบ้าง ก็ไม่เคยทิ้งมัน จนเมื่อ 3 ปีก่อนผมได้เดินออกกำลังกาย
อย่างต่อเนื่อง เดินวันละประมาณ 50นาที แต่ดันไม่รู้จักพอ เดินทุกวันครับ เรียบร้อย ป่วยตัวร้อน ปวดกล้ามเนื้อ 10 วันเต็มๆ เลยเลิกยาว
เพราะกลัวไปเลย  เขาให้พัก 2-3 วันต่อสัปดาห์ ดันไม่ยอมพัก น้ำหนักตัวมาก เลยรับไม่ไหว

   ปีต่อมา ก็มีบ้างแต่ไม่เยอะ มีเล่นโยคะด้วย แต่มันก็ไม่มันส์เหมือนกับเราที่ยังหนุ่ม ยังต้องการทำอะไรที่มันส์ เช่น วิ่งหรือเดินในสวน
จนปีที่ผ่านมาผม เริ่มจับการเล่นกล้าม เพาะกายเป็นหลัก ทั้งปี ไม่มีอาการปวดตา ปวดหัว จากการใช้คอมพิวเตอร์เลย แม้จะฝึกหนัก แต่คราวนี้
เรามีความรู้มากขึ้น เลยพบว่า ที่ 2 ปีก่อนมันร้อนไปทั้งตัว น่าจะมาจาก 2 อาการนี้ ไม่ขาดแป้ง ก็เป็นเรื่องของ กล้ามเนื้อฉีกครับ ตอนนี้ผมเลย
เล่นแบบมี บันยะบันยัง ระวังตลอด ค่อยๆ ทำ ค่อยๆ เห็นตัวเองพัฒนา จนยกน้ำหนักได้มากขึ้น

    แต่เรื่องแอโรบิคมันต่างจาก การเพาะกายครับ ยังไงก็ทิ้งไม่ได้ ทำให้ตอนนี้ต้องกิจกรรมแอโรบิคมาทำอย่างผมนี่น้ำหนักตัวมากต้องเดินก่อนครับ
ตามที่เคยอ่านมา ปั่นจักรยาน มีผลต่อข้อน้อยที่สุด รับแรงน้อย การเดินรองลงมา การวิ่งรับไปเต็มๆ ไม่นับว่ายน้ำนะครับ ผมเน้นกีฬาทางบกครับฮา
ปีนี้ ก็จะเดินๆๆๆ ครับ วันไหนฝนตก เบื่อๆ อาจจะมี ปั่นจักรยานบ้าง ซื้อมานาน ตากผ้ามาตลอด ครับ

    คืนที่ผ่านมา แค่เดินออกกำลังกายวันเดียว ทำให้ผม หลับสบายขนาดนั้น ไม่อยากเชื่อเลย หากเราต้องกินยา รักษาอาการแบบนี้ แล้วได้ผลเท่ากัน
ผมเลือกออกกำลังกายดีกว่า เพราะไม่ต้องรับสารเคมีเป็นประจำครับ คือมันได้ผลทางจิตใจด้วยครับ

    เมื่อวานยังไม่นับ 1 ครับ เพราะเป็นการทดสอบร่างกายไปพลางๆ กับ 25 นาทีของการเดิน ต่อเนื่อง ความเร็วปานกลาง สำหรับคนน้ำหนักตัวมากแบบผม ผมว่าไม่ต้องไปรีบเดินเร็ว ไม่ต้องเลยก็ได้ เพราะว่า การเผาผลาญมันเพิ่มขึ้น กินเท่าเดิมหรือ
ลดแป้งลงหน่อย มันจะเอาอะไรมาเพิ่มน้ำหนักครับ ว่าไหม

    มันต้องลงครับน้ำหนักตัวยังไงก็ต้องลง ไม่มีทางขึ้น แน่นอน แต่เราน่ะ คิดดีๆ จะเลิกไวหรือเปล่า ส่วนมาก ลดละความพยายามไปอย่างน่าเสียดายครับ
ผมจะเริ่มนับ 1 ในวันนี้ เพราะจะต้องเดินครบอย่างน้อย 30 นาที เป็นอย่างน้อยเพื่อจะนับเป็น 1 วัน เป้าหมาย 365 วัน จะเริ่มแล้วครับ

สวัสดี

10 กรกฎาคม พ.ศ.2555 เริ่มออกกำลังกาย แนวแอโรบิค เสริมเพิ่มเติมการเพาะกาย

สวัสดีครับ คนรักสุขภาพ

    วันนี้จะเริ่มเปลี่ยนแนวนิดๆ โดยการนำการออกกำลังกายแนวแอโรบิคเข้ามาเพิ่มในวันที่เว้นจากการเพาะกาย หรือ อาจเพาะกายเช้าแล้ว เดินออกกำลังกายเบาๆ เย็นๆ ครับ ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรบ้างไว้ลงตัวแล้วผมจะนำสูตรมาเผยแพร่ให้ได้อ่านกันเหมือนเช่นเคย ว่าไปแล้วการออกกำลังกายทำให้เรามีชีวิตที่แตกต่างออกไปนะครับ ยังไงต้องดีขึ้นแน่ๆ เพราะ

  เป้าหมายในครั้งนี้

 * เดินออกกำลังกายให้ครบ 365 วันแรกให้ได้ ในไม่เกิน  18 เดือน

หมายเหตุ: ไม่จำเป็นต้องเดินแบบเคร่งครัดทุกวันติดกัน แต่จะพยายามให้ได้ 4 วันต่อสัปดาห์ และ ครั้งละไม่ต่ำกว่า 30 นาทีครับผม สู้ๆ ทุกท่าน สุขภาพดีรอท่านอยู่


     "ไม่มีสิ่งใดที่ทำแล้วเสียเปล่า"

     ครับผม

คุณคิดว่า ทำไมสถานออกกำลังกายบางแห่ง ล้มละลาย

สวัสดีครับ

  กระแสข่าวตามหัวข้อ คงทราบกันหมดแล้วนะครับ สำหรับเรื่องการล้มละลาย จากการวิเคราะห์เล่นๆ ของผม คิดว่า มาจากสิ่งเหล่านี้

  1.ค่านิยมที่บอกต่อกันมานาน ของเรา เช่น การไปวิ่ง ไปออกกำลังกาย ที่ สวนสาธารณะ ซึ่ง ประเทศไทยเรามี จำนวนมากพอ
 2. ค่านิยมการถ่ายทอด ในไทยตามสวนออกกำลังกายต่างๆ มี กูรู หลายรุ่น มาสอนนำ เช่น มวยจีน มวยไทย กระบองเพื่อสุขภาพ และอื่นๆ บางที่ มีเต้นลีลาศด้วย ฟรีๆ หรือ คิดเงินเพียงค่าสมาชิกมาบำรุง เอกสาร ค่าน้ำเล็กน้อย
3. ความเชื่อ เรื่อง ฟิตเนส กับ การเล่นกล้ามเพาะกายยังสับสน
4. หลายคนยังเล่นกล้ามที่บ้าน เพราะตำรา เพียงดัมเบลล์ก็สร้างกล้ามได้ ทั้งตัว มีขายอยู่
5.คนไทยยังไม่มีเว็บที่มีเนื้อหาลึกๆ เรื่องสุขภาพไว้อ่านกัน
6.ค่าสมาชิก อาจแพงไปสำหรับคนส่วนใหญ่ของประเทศ หากลดจากหลักหมื่นมาเป็น ปลายๆ พันจะกินระยะยาวกว่านี้
7.ขาดการประชาสัมพันธ์ ในสื่อ ยังไม่ตรงจริงๆ

 ผมว่า 7 ข้อเป็นอย่างน้อย ที่ทำให้เกิดกระแสข่าวดังกล่าว
ขอเป็นกำลังใจให้ครับ
สวัสดี

Monday, June 18, 2012

เคยรู้สึกไหม เหมือนถูกข่มโดยไม่ทราบสาเหตุ และจะอึดอัดมาก

สวัสดีครับ

   มนุษย์ถือเป็นสัตว์ชนิดหนึ่ง ดังนั้นบางอย่างที่อธิบายไม่ได้ มีความเป็นไปได้ว่ามาจากเรื่อง ชีวเคมีครับ เช่นพวกฮอโมนน์ ต่างๆเป็นต้น เคยไหมครับ
บางทีเราไปที่ไหนก็ตาม อยู่ๆ รู้สึกว่า มีใครคนหนึ่ง มีอำนาจเหนือเราขึ้นมา เหมือนเขาแข็งแกร่งกว่าเรา ทำให้เราอึดอัด ยิ่งที่แคบๆ นี่ทำให้อาการนี้มีมากขึ้นอย่างประหลาด อีกด้วย ซึ่งเป็นไปได้ตามที่ผม เดาไว้ เนื้อที่น้อยสารเคมีที่ออกมาก็จะรับกันได้เร็วขึ้น เป็นต้น

   ผมเคยเป็นบ้างบางครั้ง แต่นิสัยส่วนตัวไม่กลัวคนครับ เห็นว่า เราและเขาคนเหมือนกัน แต่ไม่ชอบให้ใครมาข่มแบบชัดๆ ผ่านได้ก็ผ่าน แต่อาการนักเลงแบบนี้หายไปเกือบหมด เมื่อ ผมมาเล่นกล้าม เพราะอะไร

  1.เราเชื่อว่าคนที่เล่นกล้ามแบบจริงจังต้องใจถึง ครับ ไม่มีวินัย เล่นไม่ได้เด็ดขาด
  2.ต้องอดทนต่อความเจ็บปวดได้ดี
  3.กล้ามเนื้อ ประสบการณ์ที่ได้ ชั่วโมง เป็น ร้อยชั่วโมง เป็นพันชั่วโมง มีอะไรเพิ่มความมั่นใจได้ดีกว่านี้อีก
  4.สารเคมีในตัว อย่างที่รู้กัน ฮอร์โมนเพศชายจะโตตามกล้ามครับ เหมือนไก่กับไข่ มันต้องมาด้วยกัน ไม่มีกล้ามขึ้นไม่ได้
  5.ความสบายใจ จากการออกกำลังกาย

5 ข้อเท่านี้ล่ะครับที่มันทำให้เรา เปลี่ยนไป ทางกายภาพ คนเห็นเราจะรู้ทันที ว่า เราแข็งแรงกว่าเขา เราอาจไม่รู้ตัว แต่แขนขา โครงร่าง โครงสร้างมันเปลี่ยนไป เหมือนคนดูปราดเดียวรู้ว่า นี่นักกีฬา นักมวยประมาณนั้น คนปกติจะไม่ค่อยยุ่งกับคนที่แข็งแรงกว่า สารเคมีที่ออกมา
จากกลิ่นกาย ลมหายใจเหงื่อและอื่นๆ มันจะมีข้อมูลบอกว่า ไอ้คนนี้มันแข็งแรง อย่าไปยุ่ง
  รวมทั้งความสบายใจ ความภาคภูมิใจ เมื่อหลายๆ อย่างประกอบเข้าด้วยกัน มันก็จะสร้างคุณคนใหม่ขึ้น
ดังนั้น คุณไม่ต้องไปทำอะไร ให้มีวินัย และฝึกฝนต่อไปครับ ใน 5 ปีรับรองคุณเป็นคนใหม่ โดยไม่ต้องไป ใช้พวก คอสเมติกอะไรเลย
ใช้เพาะกายนี่ล่ะครับ เชื่อผมวันนี้ หันไปเพาะกายอย่างมีวินัย ครับ

    ให้ถือแบบนี้ ศึลธรรมจรรยา คือ พ่อ ใช้เป็นเส้นทางที่จะก้าวตามไป
              ส่วน วินัย คือ แม่ ผู้สร้างความสง่างามให้เรา ในทุกสิ่งเมื่อมีวินัย บ้านสะอาด นั่นเพราะวินัยของแม่ ใช่ไหม หรือใครเถียง

สวัสดีครับ

 

ช่างน้ำหนักมาหมาดๆ ลดจริงไม่ใช้่สลิง ไปร่วม 5 กิโลกรัม

สวัสดีครับ

   ครบปีไปแล้วกับการเล่นกล้าม เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานี่เอง ผมเริ่มเล่นร่าวๆ 10 พ.ค. ปีก่อนครับ 3-4 เดือนหลังเว้นๆ ไปมากแต่รู้ว่าร่างกายยังเผาผลาญ เพราะน้ำหนักกลับลดครับ ไอ้ทีเวลา เล่นกล้ามตามตารางฝึกมันไม่ลดเว้ยเฮ้ย พอหยุด มันคงถือโอกาสรีบซ่อมแซมร่างกาย จนใช้พลังงาน
ผลาญจนน้ำหนักลดลงล่ะครับ

   ผมเพิ่งชั่งน้ำหนักเช้านี้ ไม่แปลกที่กางเกงที่ตัดมาผิดขนาดสำหรับคนอ้วนๆ อย่างผม มันหลวมเฉยๆ ตอนนี้ผมหนัก ราวๆ 122 กิโลกรัมครับ จากปีก่อน
127 กิโลกรัม บางคนว่า ไอ้บ้า จะโม้ทำไม ยังเป็นหมูอ้วนอยู่เลย เอ้าคนหนักขนาดผมมันไม่ได้ลดกันง่ายๆ นะครับ ลดแบบโครงสร้างเปลี่ยนด้วยนะ อกผายไหล่ผึ่ง อีกต่างหาก แผนหลังอันอวบนูนของผม ที่บ้านฝากชมมาว่า หายไปเลยครับ ไม่หายได้ไง ก็ท่าออกกำลังกายหลัง มันมีในเพาะกายเป็นการเฉพาะ เล่น 4 ท่า ท่าละ 3 เซ็ท เซ็ทละ 12 เร็ป เป็นอย่างน้อย ไขมันอยู่ไม่ได้ครับ

   ตอนนี้ผมก็อ้วนแบบแปลกๆ ครับ คืออ้วนแบบหนาๆ ไม่ย้วยแล้ว

  ก่อเกิดกำลังใจอีกมา สัปดาห์นี้จะเริ่มเล่นตามตารางแล้วครับ สัปดาห์ละ 3 วัน ผมเล่นเอาสะดวกนะ ไม่เร่งกล้าม เอารูปร่างดี เดี๋ยวกล้ามมาเอง เล่นแบบวันเว้นวันครับ จันทร์ พุธ ศุกร์ นี่ล่ะ แต่ปีนี้ปีที่ 2 ผมจะเพิ่ม ปั่นจักรยาน หรือ เดินออกกำลังกายเข้าไปในวันที่ว่างจากเล่นกล้าม แล้วค่อยๆ ทำวันเดียวกัน คือ เล่นกล้ามแล้วตามด้วยปั่นจักรยาน ต้องสร้างกำลังก่อนสัก 2 เดือนไม่งั้นคงไม่ไหว

   เพราะเล่นกลามยุคใหม่ เขาเน้น เพาะกาย + แอโรบิคครับ ดังนี้

  1. ก่อนเล่นกล้าม 30 นาที ต้องมี แป้งพวกโฮลวีทเข้าไป กินน้ำ และ โปรตีนด้วย กาแฟสักแก้วยังได้
  2. เสร็จพัก สัก 20 นาที กินโปรตีน เช่นนม และน้ำ
  3. เล่นแอโรบิค ต่ออีก 30 นาที

 แล้วกิน 6 มื้อ ไม่ผอมให้ถีบครับ แต่เล่นวันเว้นวันนะครับ คือสัปดาห์หนึ่งอย่าให้เกิน 4 วันพอ ให้ร่างกายพักยาวๆ ครับ

 มาดูกันว่า จะลงได้อีกเท่าใด ขอปีละ 5 กิโลกรัม ไม่โลภ 5 ปี 25 กิโลกรัม เนื้อไม่ย้วย แน่นๆ สุขภาพดีตลอดไป ผมรอได้ ครับ

สวัสดี

Tuesday, June 5, 2012

เมื่อรูปร่างผมเปลี่ยนไป อย่างรวดเร็วจนตกใจ

สวัสดีครับคนรักการเพาะกายทุกท่าน

     ตอนนี้ผมได้ข้อสังเกตุบางประการนั่นคือ ตอนที่เล่นกล้ามน้อยลง สัปดาห์ละ 1 ครัง หรือไม่ได้เล่นเลย ใน 2 เดือนหลังๆ หลังจากที่เล่นมาต่อเนื่อง 8 เดือนผมเริ่มเห็นว่า กางเกงผมหลวมอย่างประหลาด บังเอิญเป็นคนน้ำหนักตัวเยอะทำให้ต้องตัดกางเกง แล้วมีตัวหนึ่งมันคับมาก ตอนนี้ใส่หลวมครับ ผมไปเห็นตัวเองในลิฟต์ติดกระจก ของที่ทำงาน ซึ่งตึกนี้ผมไม่ได้ไปใช้งานเป็นปี เห็นตัวเองตกใจครับ เพระว่า ผมผอมลงไปมาก ความตุ้ยนุ้ยภายใต้เสื้อหายไปเยอะมาก ทำให้นึกถึงคำที่ ที่บ้านบอกว่า สงกรานต์ที่ผ่านมา เห็นชัดว่า ผมผอมลง ซึ่งผอมไม่รู้ตัว และก่อนไขมันที่หลัง หายไปเยอะเลย อันนี้ที่บ้านบอกครับ

     ผมคิดว่าน่าจะมาจากการที่กล้ามเนื้อถูกสอนให้บริโภคพลังงาน แรงๆ มาหลายเดือน ส่วนหนึ่ง และได้มีโอกาสรักษาตัวเต็มทีเป็นเดือนๆ ทำให้แม้กินมากหน่อยก็ยังผลาญไขมันด้วย ทำให้ตรงนี้มันผอมลงได้ แต่จากที่เคยอ่านมา สักพักจะเข้าจุดสมดุลครับ การเผาผลาญเพื่อรักษาตัวจากการเล่นกล้าม
ควรจะหยุดลง ทำให้คนที่ยังกินต่อไปมากๆ เหมือนตอนเล่นก็จะอ้วนจริงๆ ล่ะ แต่มีหรือเราจะหลงกล

    วันนี้กลับบ้านก็จะโซโล่กันต่อครับ เพื่อศึกษาการลดน้ำหนักและการเล่นกล้ามกันต่อไป เริ่มเห็นผลก็มีกำลังใจมากโขเลยครับ

 สวัสดีครับ


Tuesday, April 24, 2012

แรงบันดาลใจ #1. ไม่มีอะไรที่ทำแล้วเสียเปล่า

เธอกำลังออกกำลังกายหลังส่วนปีก ทำไมไม่ใช่คุณ?

เล่นกล้ามต้องใจเย็น และ มีเป้าหมาย

สวัสดีครับคนรักสุขภาพทุกท่าน

   นานแล้วที่ผมได้อ่านบทความเกี่ยวกับ การเพาะกาย ที่สอนให้เราต้องใจเย็นๆ ผมคิดว่าน่าจะนำมาแบ่งปันให้อ่านกัน การเพาะกายที่ดีนั้น ค่อยๆ ทำดีที่สุดนั่นคือ เริ่มจากน้อยๆ ไปสู่มากๆ เริ่มจากวันแรก ก่อนจะมีหลายวัน เริ่มจากช้าๆ ไปสู่ความเร็วที่มากขึ้น แต่ที่ควรใช้ความช้ามากที่สุดคือ ก่อนจะเล่นหยุด อ่านค้นคว้าหาข้อมูลจากเว็บดีๆ กันเสียก่อนจะดีที่สุด
                   
                                พระเอกหนังอินเดีย ยังหันมาเล่นกล้ามกันแล้วยุคนี้

    ตัวผมเองเคยเล่นมาก่อนเป็นสิบปีแล้ว แล้วเลิกไปยังค่อยๆ อ่านหาความรู้ร่วมเดือนนะครับกว่าจะเริ่มลงมือ เพาะกายด้วยตนเอง เพราะยามที่หาครูไม่ได้ เรานี่ล่ะที่ต้องพึ่งตนเอง จนในที่สุดผมก็เริ่มเล่นแล้วก็นี่ผมเล่นมาได้ 11 เดือนแล้วครับ แม้จะขาดหายไปบ้างราวๆ 4 เดือนแต่นี่เป็นกีฬาที่ผมอยู่กับมันนานที่สุด ชนิดหนึ่ง พอพื้นฐานความรู้ความเข้าใจมี เราก็เล่นอย่างปลอดภัย เจ็บน้อยก็เป็นไม่เจ็บคือมีแต่ดีๆๆๆ

     ปีที่แล้วจุดอ่อนของผม เหมือนเส้นผมบังภูเขานั่นคือเรื่อง เป้าหมาย ผมวางไว้ตอนต้นๆ แต่สักพัก ความเหนื่อย ความมันส์จากการเพาะกายทำให้ผมลืมมันไปเสียหมด ปีนี้เอาใหม่ มาเริ่มตั้งเป้าหมายกับผมสิครับ ปีที่ผ่านมา ตกลงผมหากมองเรื่องน้ำหนักตัวผมลงไปราวๆ 3-5 kg. เท่านั้น
ถามว่าคุ้มไหม คุ้มครับ เพราะกายเพาะกายไม่ได้ให้แค่เรื่องลดน้ำหนัก แต่มันให้เรื่องชีวิตในอนาคต ของเราด้วย ความแข็งแกร่ง และอื่นๆ สำคัญเล่นเพาะกายมันไม่ได้ มานั่งอดๆ อยากๆ คุมโน่นนี่มากมาย

     ผมเล่นเพาะกาย ผมกิน ตั้ง 6 มื้อ ใครว่าอด ก็ บ้าแล้วครับ ว่าไหม แต่เป็น 6 มื้อคุณภาพ วันไหนเล่นกล้าม ผมไม่กินน้ำอัดลมเลย เด็ดขาด
เพราะเป็นที่รู้กันมันทำลายการสร้างกล้ามเนื้อ ขืนยังกินก็เรียกว่า ไอ้โง่ ดังนั้นเฉพาะวันพักเท่านั้น ที่มีดื่มบ้าง แต่วันฝึกผมไม่แตะเด็ดขาด ปีนี้ผมตั้งเป้าเอาไว้ 3 ระยะ มาดูกันว่ามันจะออกหัวหรือก้อย

ระยะแรก   ถึงกรกฎาคม ศกนี้ คือ  3 เดือนจากนี้ ลด 5 กิโลกรัม เนื่องจากติดงานและภาระเยอะไม่ตั้งไว้สูง
ระยะที่สอง อีก 3 เดือน ต่อไป คือ ตุลาคม จะลดอีกไม่ต่ำกว่า 5 กิโลกรัม   รวมลดได้ 10 กิโลกรัม
ระยะที่สาม อีก 2 เดือน  ปลายปี ลดให้ได้ 3 กิโลกรัม รวมเป็น 13 กิโลกรัม

  นี่ล่ะเป้าหมายของผม พร้อมยังได้มัดกล้ามทั่วตัวแมนสมชาย มาดูกันว่าผมจะทำได้ไหม
ถือว่าลดไม่เยอะนะครับ เพราะฝรั่งเขาใช้เวลา 16-18 เดือนลดได้มากกว่าผม ตั้งหลายเท่า แต่ผมเอาค่อยๆ ทำครับ คือเรากลัว
ผิวหนังมันย้อย น่าเกลียด เหมือนพวกที่ไปฟิตเนส อย่างเดียว มันย้อยเป็นถุงกาแฟเลย บางคนตั้งใจมากย้อยทั้งตัวต้องไปให้หมอ
เฉือนเนื้อออกแล้วเย็บ ไม่เอาดีกว่า สู้ลงทุนลดสัก 2 ปี สัก 25- 30 กิโลกรัมไปเรื่อยๆ เนื้อค่อยๆ กระชับตัวตามธรรมชาติดีกว่า
กลัวครับ

คุณล่ะตั้งเป้าหมายหรือยัง

สวัสดีครับ

Thursday, April 19, 2012

การกลับมาเล่นกล้าม หลังหยุดยาว อีกรอบ

สวัสดีครับ

  วันนี้เช้าเลยผมเริ่มกลับมาเล่นกล้ามอีกครั้ง พบว่าเลือดลมเดินดีมากๆ เพราะอย่างนี้ ถึงอยากลองเปลี่ยนมาเล่นตอนเช้าบ้าง การหยุดยาวของผมราวๆ 1 เดือนมาจากงานการ อิรุงตุงนังไปหมดทำให้จำใจต้องหยุดบ้าง แต่เรามีวินัยครับ ยังกลับมาเล่นกล้ามเหมือนเดิม

  ครั้งนี้เปลี่ยนเป็นเล่นเช้า เพราะเน้นความกระชุ่มกระชวยที่จะเกิดในตอนเช้า ยังเป็นแรงเสริมผลักดันให้เรากระปรี้กระเปร่าอีกด้วย จะพบว่า เช้าใดที่เราเล่น เราจะสำผัสกับผู้คนอย่างสบายใจ อารมณ์ดีเป็นพิเศษครับ

   เช้านี้แม้จะยกน้ำหนักมากๆ ไหวอยู่แล้วก็ยังไม่ประมาท โดยการเริ่มจากน้ำหนักน้อยๆ เลยครับ 3kg. และเซ็ท น้อยๆ 3 เซ็ท * 6-8 ครั้ง เพื่อเป็นการกระตุ้นเตือนกล้ามเนื้อกันก่อน ผมจะทำแบบนี้สัก 2-3 วันแล้วค่อยๆ ไต่ไปยังน้ำหนักเดิมก่อนหยุดเล่น ตัวเรา เราควบคุมเองครับ

   วันนี้เล่นเช้าเสร็จ ยังทาน 6 มื้อไม่ได้ เพราะไม่ได้เตรียมการมา ทำให้ต้องกินให้ถึงไว้ก่อน ยังไม่ได้คัดสรร ว่า โปรตีนเท่าไร ไขมันเท่าไร หรือ แป้งเท่าไร วันพรุ่งนี้ ก็โอเคได้การล่ะ เตรียมพร้อมแล้ว หากนับปีนับว่าผมใกล้จะเล่นเหวตครบปี แล้วนะครับ พฤษภาคมนี้ครบ 1 ปี แรกของการเล่นเหวตครับ คนที่ติดตามผมมาก็คงจะทราบกันดี

    เรื่องน่าทึ่ง 1 เรื่องคือ ตัวผมตอนนี้ ใครๆ ก็ทักว่าผอมลง ผมก็งง เลิกเล่นไป 1 เดือนเอาอะไรมาผอม แล้วหลักวิชาการเพาะกายก็ทำให้จำได้ว่า  กล้ามเนื้อจะเผาผลาญตลอดน่ะครับ แม่เว้นไปไม่ได้เล่นบ้างมันก็ยัง ต้องการพลังงานเข้าไป ทีนี้การพัก 1 เดือนนี่มันก็คือ การที่ร่างกายได้ปรับตัวนั่นเอง

    ปีที่ผ่านมาน้ำหนักโดยรวมยังลดน้อยมาก แต่โครงสร้างร่างกายเปลี่ยนไปมาก ผมยืนหน้ากระจก ตกใจเพราะจำตัวเองไม่ได้ หมายถึงกระจกที่บ้านต่างจังหวัด นานๆ จะกลับที จากคนตัวอ้วน ดูอุ้ยอ้ายกลายเป็น ไหล่กว้าง มีเหลี่ยมมุมกล้ามตามตัว แม้จะไม่ชัด แต่เห็นเลย มันคนละคน กับก่อนเล่น
แน่นอน 1 ล้าน% ทำให้ผมมีกำลังใจขึ้นมาก เพราะว่า


         



                               
            ชายคนนี้ลดได้ 150 kg ครับ ใช้เวลา 3 ปี กับ 6 เดือน คุณว่า มันคุ้มไหม


    นับเดือนเล่นจริงจังผมเล่นราวๆ 7-8 เดือนเท่านั้น ขณะที่ 4-5 เดือนที่เหลือ ผมเล่นบ้าง ติดงานบ้าง แล้วยังมีหยุดเป็นเดือนนี่อีกล่าสุด ได้ขนาดนี้ นับว่าฟ้ายังปราณี ในความตั้งใจของเรา ผมเคยเห็นในเว็บแรงบันดาลใจฝรั่ง เขาต้องเล่นติดกันต่อเนื่อง 12-18 เดือนครับ แล้วเขาเอารูป Before และ After มาเทียบกันอีกที เอาล่ะปีนี้ จะเริ่มล่ะนะ ต่อเนื่องกันเลยดีกว่าครับ ความตั้งใจผมคือ




    "จะเป็นคนไทยคนแรกที่ได้ลงรูป Before กับ After ในเว็บฝรั่งแห่งนั้นให้ได้"

    แล้วเรามาดูกันครับ

สวัสดีครับ

Sunday, April 8, 2012

แอ่นแอ๊น...บล็อคเพาะกายแบบแมนๆ จะไต่เต้าอัฟเกรดเป็นเว็บไซต์แล้วนะคร้าบ

สวัสดีครับ แฟนๆ

   สำหรับผมแล้วอยากทำเว็บไซต์หลายอย่างมาก  แต่ตอนนี้ได้จับของถนัดและรักมัน คือ การเพาะกาย ทำให้พบแนวที่ตัวเองชอบครับ ก็เลยว่าจะทำเว็บเพาะกาย กันเสียเลย ข้อดีคือ มันจะได้ทำอะไรเสริมเพิ่มเติมเข้าไปได้มากขึ้น โดยทำคล้ายๆ แนวไลฟ์สไตล์ สบายๆ ครับ แต่สไตล์ผมนี่คือ เอาจริง หมายความว่า เล่นจริง ด้วยไม่ใช่ เปิดเว็บมานั่งเขียนๆ ไม่ได้ๆ

   เพื่อนๆ ในวงการออกกำลังกาย ทั้ง สูง เตี้ย ขาว ดำ อ้วน (ผมคือหนึ่งในนั้น) ผอม สวย หล่อ ทั้งหลายครับ ขอให้ตามไปที่เว็บกันด้วยและหมั่นไปอัฟเดตข่าวการเพาะกายและออกกำลังกายให้บ่อยๆ ครับ ใครมีแนวคิดอะไรดีๆ ช่วย ส่งอีเมล์แนะนำด่วน ที่ konthaihappy@y ahoo.com ขอบคุณครับ

สวัสดี ;)

Monday, April 2, 2012

จนได้ ต้องเล่นที่บ้าน กับการสร้างกล้ามต่อเนื่อง 555

สวัสดีครับ


  "สู้ต่อไปพวกเรา" 


  วันนี้ก็ใกล้สงกรานต์เข้ามา ทุกทีแล้วนะครับ ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับวันหยุดยาวล่ะครับ ปีนี้ มีวันหยุดยาวที่ยาวจริงๆ อีกด้วย
ก็ขอให้ทุกท่านเดินทางโดยสวัสดิภาพนะครับ  สำหรับช่วงเทศกาลวันหยุดยาวแบบนี้ แน่นอน เราไม่สามารถเอา โรงยิมฝึกกล้ามไปกับเราได้
แต่เราก็สามารถเล่นได้ หากมีการเตรียมการที่ดีพอ สำหรับผม ได้มีการซื้อดัมบ์เบลเอาไว้ที่บ้าน ต่างจังหวัด มานานแล้วครับ ตั้งแต่ เดือน
สิงหาคม ปีก่อน นั่นแสดงว่า เวลากลับไปเยี่ยมบ้าน ผมยังสามารถออกกำลังกายได้ครับ ไม่ขาดตอน
 
               

    อย่างไรก็ตาม ที่ที่พักของผมก็มีดัมบ์เบล 8 กิโลกรัมรออยู่ แก้ขัดได้เสมอ ที่ต้องเล่นที่หอพักเพราะว่า ตอนนี้ เย็นๆ มันก็ยังร้อน ไม่อยากไปยิมครับ
กลับบ้าน เล่นเย็นๆ ร่มๆ เป็นส่วนตัวดีกว่า ทำให้ผม ก็ยังเล่นได้ที่บ้านครับ



    ดังนั้นสมควรอย่างยิ่งหากเราจะมีน้ำหนัก ไว้ที่บ้าน ที่บ้านต่างจังหวัด เพื่อไม่ให้การออกกำลังกายขาดตอนไป แต่หากต้องไปตามโรงแรม หากจ่ายแพง
หน่อย ก็น่าจะลงทุนนะครับ ให้ได้เล่นกล้าม มีที่ให้เล่นก็น่าจะดีกว่าไม่ได้เล่นเลย ครับผม

    ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับการเพาะกายครับผม

สวัสดีครับ
:0)
 

Tuesday, January 24, 2012

การอดอาหารเพื่อสุขภาพ กับการลงมือทำครั้งแรก

สวัสดีครับ

หมายเหตุ: ต้องดื่มน้ำให้พอนะครับ อาจจะมากหน่อยในวันแรก

  วันจันทร์และวันอังคารที่ผ่านมานี้ ผมได้ทดลองอดอาหาร โดยกินแค่ ผลไม้ล้วนๆ เช่นกล้วย มะละกอ ชมพู่ และแอ็ปเปิ้ลเท่านั้น พบว่า มันสบายมาก และสิ่งที่ผมได้พบคือ

   เช้ามื้อแรกหลังกินผลไม้ ผมไม่ค่อยรู้สึกหิวมากนัก เพราะผมได้เตรียมจิตใจไว้พร้อมแล้ว และผมเชื่อว่ามันจะทำให้ผมสุขภาพดี พอใกล้ๆ เที่ยงเริ่มหิวมาก ทำให้ผม ต้องกินผลไม้เที่ยง ตอนราวๆ 11.00 น. จากนั้นก็นอนดูโทรทัศน์ไปเรื่อย แล้วหลับประมาณ 2 ชั่วโมง ตื่นมาก็สบายดี ดื่มน้ำ แล้วก็หาหนังสือมาอ่านผ่อนคลาย ระหว่างนี้ผมจะ ปัสสาวะบ่อย ทั้งๆ ที่ไม่ได้ดื่มน้ำมากมายอะไรจากปกติ ผมเชื่อเองว่านี่คือกลไกขับพิษแบบหนึ่ง

    จากที่ดูโทรทัศน์มาทั้งวันและใช้สายตามากมายในปีที่ผ่านมาผมเริ่มมีอาการปวดกระบอกตา และดวงตารวมทั้งปวดหัวมากขึ้นๆ ผมเข้าสู่อาหารเย็นผลไม้เช่นเดิม คืนนั้นนอนหลับไปพร้อมกับอาการปวดตา ผมเชื่อว่าเป็นการรักษาตัวเองของร่างกาย ทำไม? เดี๋ยวมาดูวันที่ 2

   เช้่าวันที่ 2 ไม่ได้หิวอะไรมาก ก็กินมื้อผลไม้ ที่ 4 แล้วก็นั่งๆ นอนๆ ผมเริ่มเห็นว่าอาการปวดตาคลายลง และมันคลายลงไปมากในตอนเย็น ผ่านมื้อเที่ยงและเย็น เข้าค่ำคืนที่ 2 สิ่งที่ผมพบคือ ผมตื่นมาเข้าห้องน้ำเพียง 2 ครั้ง ปกติจะมากกว่านี้ เพราะผมกินเยอะ ดื่มน้ำเยอะ มาตลอด นี่ล่ะ ทำให้ผมได้พบผมคนเดิม ที่ ตื่นมาแล้ว สดชื่น เบาสบาย นานมากแล้วที่ไม่ได้เป็นแบบนี้

  ดังนั้นการอดอาหารครั้งที่ 1. ของผม สรุปว่า

 1.วันแรก คิดว่าเป็นวันล้างและขับพิษ
 2.วันที่สอง รักษาอาการ และฟื้นฟู

   แนวคิด: ผมมีความเชื่อส่วนตัวว่า อาการทางกายต่างๆ ในวันนี้ คือผลจากการ กิน ดื่มและใช้ชีวิต
                 ของเมื่อ 2 วันก่อนเป็นอย่างมาก เมื่อพิจารณาในช่วงวันต่อวัน แต่หากมองตัวคุณในวันนี้
                 มันคือ บทสุดท้ายที่คุณตัดสินใจจะเป็น เมื่อสักระยะนานมาแล้ว

 3. เช้าวันที่ 3 ตื่นมา เบาสบาย  จิบน้ำมะนาว ประมาณ 1 ลิตรไปเรื่อยๆ จนหมด
    แล้วเริ่มกินข้าวเบาๆ
 4.ผมมองที่จานผลไม้ แล้วได้คิดว่า แบบนี้ เพิ่มเนื้อสัตว์นิดหน่อยเราก็กินแบบปกติไปเลยได้นี่หว่า
 5.ผมเชื่อแล้วว่า มันบำบัดร่างกายได้จริงๆ เพราะอาการปวดหน่วงๆ ที่ตาของผม มันหายเป็นปลิดทิ้ง


 ดังนั้น จากที่ได้ลองมาด้วยต้นเอง ผมเชื่ออย่างมั่นใจ 1000 % ว่ามันช่วยให้ร่างกาย อวัยวะ และจิตใจ
ได้พักฟื้นจริงๆ และยังบำบัดตัวเองไปในตัว หากมีเวลา ให้ทำสักเดือนละ 4 ครั้ง อย่างน้อยคุณจะได้บำบัดกันทุกสัปดาห์ครับ ผมตั้งเป้า เดือนละ 8 ครั้งครับ ต้องทดลองกันต่อไป

   วันนี้คุณทดลองอดอาหารเพื่อสุขภาพแล้วหรือยัง

สวัสดี

Friday, January 20, 2012

หลักการอื่นๆ ที่นำมาสร้างเสริมสุขภาพที่ดีพร้อมๆ กับการเพาะกาย

สวัสดีครับ

  วันนี้ผมขอนำหลักการดีๆ มาแนะนำให้ทำพร้อมกันไปกับการเพาะกาย ซึ่งวันนี้ ผมยังไม่ลงในรายละเอียดแต่ผมเชื่อว่าทำตามแนวทางนี้ น่าจะดีกว่าไม่ทำอะไรครับ

  สำหรับคนทั่วไป ผมขอให้ถอนความคิดแบบสุดเดช บางอย่างเช่นว่า
 เบาหวานรักษาไม่หาย อันนี้หายไม่ได้ต้องเป็นตลอดไป อันนี้เป็นแล้วไม่หาย

 เพราะคำพูดข้างต้น ทำให้มีส่วนให้คนที่เป็นอาการต่างๆ ในแบบแพทย์ตะวันตกยุคเก่า หมดกำลังใจและคิดว่า ตรูจะทำอะไรๆ ไปทำไม ก็หมอมันบอกว่าไม่หาย
สังเกตุนะครับผมเรียก แพทย์ตะวันตกยุคเก่า ไม่ได้พูดว่า แพทย์ตะวันคกเฉยๆ แพทย์ใหม่ๆ สมัยๆ นี้เขาเอาเรื่อง การทำสมาธิ การทำโยคะ การบำบัดกลุ่ม เข้ามาเป็นการแพทย์ทางเลือกของทางตะวันตกกันนานแล้ว โน่น ตั้งแตปี 1960 แล้วหมอไทยเราทำอะไรบ้าง?

    อย่างอาการของคนเป็นโรคหัวใจ มีรายงานนะครับว่า คนที่ทำโยคะ และสมาธิ ประกอบกับการรักษาไปด้วย หลอดเลือดที่ว่า ตีบมันกลับมาใช้งานได้อีกและไหลเวียนเลือดได้ดี แน่ล่ะตามหลักวิชา มันไม่มีใครเชื่อว่าทำได้ ต้องสวนโน่น ทำนี่ หรือผ่าหัวใจ แต่มันมีรายงานจากทางตะวันตกเองว่า มันกลับคืนดีได้ครับ
แบบนี้เป็นต้น

    เรื่องของเบาหวาน ก็เหมือนกัน หลายคนใช้แนวทางของตะวันออกผสมตะวันตก หายนะครับ ไม่ใช่ไม่หาย แต่มันยังไม่มีงานรองรับมากพอให้ออกมาเป็นวิชาการเรียนการสอนก็เท่านั้นเอง คำถามของผมนะครับ บางคนเขานับอาการไต ที่มีผลมาจากเบาหวานบ้างล่ะ อาการอืนๆ บ้างล่ะว่า คนปกติ ตลอดวันและคืน จะฉี่ไม่เกินเท่านั้นครั้ง ท่ามากกว่านั้นไตจะเสื่อมเร็ว และจะแทงว่าไตมีอาการเสื่อมก็เริ่มที่ต้องใช้การไม่ได้ราวๆ 70 % เกินครึ่งไปแล้วหลายคนเลยแก้ไม่ทัน คำถามคื

    หากคนที่ไตเสื่อมคนนั้น ลดโปรตีนได้ ลดแป้งลงได้ กินอาหารธรรมชาติ ทำสมาธิ เล่นโยคะ แล้ว ฉี่น้อยลง แล้วไตดีขึ้น แบบนี้เรียกว่า ไม่หายหรือครับ
ที่ผมแปลกใจคือ คนโดนอุบัติเหตุร้ายแรงแทบตาย แต่ร่างกายเรายังทำให้รักษาตัวจนหายได้ โดยมีเครื่องมีอแพทย์พยุงเอาไว้ พลังแบบนี้มันไม่มีมารักษาหัวใจ
ตับ ม้าม ตับอ่อน ที่เสียหายเป็นส่วนๆ แบบนี้เชียวหรือ  นี่คือคำถาม

   ดังนั้น หากเราพึ่งแต่ยาเคมี และการผ่าตัดเพียงอย่างเดียว ผมว่าน่ากลัวนะครับ

  ผมจึงคิดว่า คนที่ยังแข็งแรง เราป้องกันไว้ก่อนดีไหม ให้เหมือน พระนาคเสนท่านตอบพญามิลินทร์ ว่า การป้องกันเหตุร้ายในอนาคตทำได้ แม้ไม่เห็น ไม่รู้ ท่านพญามิลินทร์ก็ถามว่า ไม่เห็นไม่รู้แล้วป้องกันได้อย่างไร  ท่านตอบอย่างฉลาดว่า การสร้างเมือง ต้องมีกำแพงเมือง ต้องมีคูน้ำกันข้าศึกรอบเมืองมิใช่หรือ
พญามิลินทร์ตอบว่า ใช่ ต้องมี  แล้วพระองค์สร้างตอนที่ข้าศึกมารุกรานหรือ   ท่านตรัสว่า หามิได้ เราต้องสร้างไว้แต่ต้นๆ สิ

   นี่ล่ะครับถึงต้องเขียนบทความนี้ขึ้นมา จงสนุกไปครับ เที่ยวไป กินไป กลางคืนขยันเที่ยวกันดีนัก การซ่อมแซมร่างกายปั่นป่วนหมดแล้ว เพราะไม่ได้พัก
กินเหล้า กินเบียร์ ตับโดนทำลายไปวันแล้ววันเล่า ไอ้ที่อ้วนก็อ้วนไป สนุกปากกินไปๆ (ด่าผมเอง) แต่เราต้องคิดสร้างกำแพงและคูน้ำกันข้าศึกไว้เสียแต่ตอนนี้
อย่าโง่ เป็นควาย จบการสูงๆ ยังไม่รู้จักสร้างกำแพงสุขภาพและคูน้ำ สุขภาพ ก็จงเป็น ควายไปเสีย ต้องด่าแรงๆ แบบนี้จะได้ จำผมได้ และจำบทความนี้ได้

    ขั้นตอนไม่ให้เป็นควาย คือดังนี้

  1.สร้างความเชื่อใหม่ว่า ร่างกายของคนเรามีพลังในการดูแลและรักษาตัวเองสูงมาก เรามีโอกาสฟื้นฟูกลับไปเป็นคนแข็งแรงได้
  2.เริ่มออกกำลังกาย เอาสักอย่างที่ทำได้ ตลอดไป ผมเอาง่ายๆ เดินหรือวิ่ง กับเพาะกาย คุณจะเอาแบบอื่นก็แล้วแต่
  3.คิดว่าการออกกำลังกายได้สุขภาพจริงๆ แต่การปิดปาก เพียงคุมกล้ามเนื้อขากรรไกรไม่ให้เปิดคุณก็ไม่กินพร่ำเพรื่อแล้ว
     จะกินน้อยลงมากและไม่ต้องออกแรงใด ๆ ง่ายๆ แต่คนเราตายเพราะกล้ามเนื้อชุดนี้มามากแล้วคือ ตามใจปาก
  4.จงหยุด และ เคลื่อนไหว เป็นระยะๆ คือ
     การพักฟื้นร่างกาย ผมแนะนำให้ ทำการอดอาหารแบบถูกวิธี สัปดาห์ ละ 2 วันครับ ไว้วันหลังจะมาเขียนให้อ่านกัน
    ไม่ใช่ เสาร์อาทิตย์ที กระหน่ำ กินแที่ยวกันเละเทะ นี่ล่ะควายครับ
  5.จงทำโยคะ ผมแนะเพราะผมทำแล้ว ดี สดชื่น อย่างประหลาดใจ
  6.จงทำสมาธิ เพราะสมาธิฝรั่งวิจัยแล้วช่วยในการรักษาโรคและป้องกันได้จริงๆ อายเขาไหม มันเอาของเราไปแท้ๆ
     จริงๆ สังเกตุจากเกจิอาจารย์ของไทยก็ได้ แต่ละท่าน 85-100 ปีกันเป็นส่วนมาก ท่านฉันท์ 2 มื้อ และ ทำสมาธิ สวดมนต์
     กุญแจมีที่เราแต่เราไขไม่เป็น
  7.กินเนื้อสัตว์ใหญ่น้อยมากๆ หรือไม่กินเลย นี่ก็ของตะวันออก

 ลองทำให้ได้ 7 ข้อนี้ ครับ ผมว่าเราจะเปลี่ยนชีวิตได้ครับ

สวัสดี

Wednesday, January 18, 2012

ก้นกับพุงหายไปเยอะ กล้ามเนื้อมันเผาเองครับ

สวัสดีครับ

   วันนี้ผมกล้ายืนยันกับตัวเองว่า แม้เกงกางตัวเดียวกันกับปีก่อนมันยังใส่พอดีแต่โครงสร้างของพุงและก้อนของผม รวมทั้ง นม ที่มีออกมาตามประสาคนอ้วน
มันหายไปเยอะครับ เพิ่งสังเกตุจากการพบว่า เนื้อส่วนสีข้างมันยุบหายไปเกือบหมด ทั้งๆ ที่เมื่อก่อน จับได้เป็นบ้องๆ  นมที่ออกมาตามประสาคนอ้วน ก็ยุบไปเยอะ ท้องกับก้น แม้จะยังมีอยู่แต่โครงมันเปลี่ยนครับ ดูเป็นเหลี่ยมมากกว่า วงกลม ที่เมื่อก่อนทั้งๆ ที่น้ำหนักเท่ากัน ผมเดินไปนี่ ก้นกระดกเลย
พุงก็ยื่น แต่ตอนนี้มันเหมือน ปรับโครงสร้างแล้ว หลังผมนี่ใครเห็นต้องขยาด เพราะหนาและกว้าง

    แน่ล่ะผมยังไม่ขนาดหุ่นนักกล้ามแต่ผมว่าผม เฟิร์มขึ้นมาดังนั้น แม้ผมจะหยุดๆ ไปบ้างราวๆ 2 เดือน ผมก็ยังเป็นนักกล้าม เพียงผมไม่กิน 5มื้อ น้ำหนักก็ไม่ขึ้นครับ เพราะว่า กล้ามที่สร้างมาราวๆ 5 เดือนมันเผาผลาญให้ทุกวัน เอา 5 ตั้ง สู้กับ 2 เดือน มันต้องเผาอะไร ที่เป็นไขมันบ้างล่ะ นี่คือ
ที่มาของการสังเกตุเห็นว่า แม้จะหยุดเล่นไปยาวๆ แต่ร่างกายกลับเฟิร์มมากกว่าเดิมครับ

   แต่หากต้องการหุ่นแบบมีกล้ามก็ย่อมจำเป็นต้องกิน 5 มื้อตามหลักโภชนาการ และเล่นกล้ามไปเรื่อยๆ ตอนนี้ผมจะลองประยุกต์ดังนี้ เล่นกล้าม 3 สัปดาห์แล้วพัก 1 สัปดาห์ มีข้อสังเกตุว่า มันมีการเผาผลาญไขมันเห็นๆ ครับ

  โดย
   1.ช่วงที่เล่น มื้อก่อนนอนต้องกินแบบ ระวังที่สุด ไม่ตามใจปาก แป้งพอเหมาะ โปรตีนพอเหมาะ น้ำต้องพอ
   2.มื้อระหว่างวันไม่เป็นพร่ำเพรื่อ
   3.สัปดาห์ที่พัก กินปกติ ไม่กินมาก และมื้อเย็นน้อยๆ เพิ่มการวิ่งหรือเดิน ออกกำลังกาย 3-4 วัน

 ผมเชือว่า ร่างกายผมจะตอบรับและลดน้ำหนักลงได้ครับ
ตอนนี้ผมยังได้วางแผนที่จะ อดอาหาร เป็นครั้งคราวเพื่อล้างพิษปรับร่างกายอีกด้วย ไว้ค่อยมาเขียนให้อ่านกัน ขอลองทำก่อนครับ
ตอนนี้ผมวางไว้ ดังนี้

    1. ทำตามที่เขียนไว้ข้างต้น
    2.อดอาหารเป็นวาระ เดือนละ 2-3 ครั้ง
   3.งดกินสัตว์ใหญ่ตลอดชีวิต โดยเน้นปลา ผัก และ เต้าหู้
   4.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
   5.ทำสมาธิ

 ผมไม่หวังอะไรมาก อายุสัก 100 ปีเป็นอย่างน้อย แบบยังคล่องแคล่วทั้งกายและใจ และเตะปี๊บได้ไม่อั้น สบายครับ
:0) ไว้จะเขียนให้อ่านกันทีละส่วนครับ

สวัสดี

Tuesday, January 17, 2012

การเพาะกายกับการนอนดึกไม่เข้ากัน

สวัสดีครับ
   ผมเล่นเหวตมาประมาณ 5 เดือน เริ่มรู้สึกว่ากล้ามเนื้อต่างๆเริ่มเข้ารูปเข้าทรง และแข็งแรงมากขึ้น วันนี้ตัวผมเชื่อมั่นว่าตัวเองแข็งแรงกว่าเมื่อก่อน
แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมคิดว่า การฝึกยังไม่ได้ผล 100 % คือการนอนนี่เองครับ หลังๆ มามีบ้างที่เผลอไปนอนราวๆ เที่ยงคืนติดๆ กันหลายๆวัน ทำให้
รู้สึกมีอาการเพลียที่หาสาเหตุไม่ได้ แต่พอลองค้นๆ ดูก็พบว่าการนอนนี่เองครับที่ผมพลาดประจำ

   หลังจากมีอาการเพลียมาเป็นเดือนๆ ในที่สุดก็พบสาเหตุและลองนอนแต่หัวค่ำก็พบว่า คืนสองคืนแรกมันไม่ได้เห็นผลอะไรมาก แต่พอคืนต่อมา คืนที่ 3 เช้ารุ่งขึ้นเริ่มเห็นผล คือมันสดชื่นขึ้น กลับมากระปรี่กระเปร่าเช่นเคย ทำให้เรารู้ว่า การนอนคือ ยาวิเศษของคนเรา ไม่เฉพาะนักกล้ามแต่คนธรรมดาก็เช่นกัน
สำหรับนักกล้ามนั้น เราต้องนอนให้มากเข้าไว้ เพราะการนอนนั้น จะทำให้การซ่อมแซมอะไรต่างๆ เป็นไปด้วยดี หากได้นมสักแก้ว ก่อนนอนจะดีมาก เพราะเอาไปช่วยในการซ่อมแซมกล้ามเนื้อสร้างกล้ามเนื้อใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และฮอร์โมนต่างๆ ที่ช่วยในการสร้างกล้ามเนื้อ ก็ยังทำให้ได้เต็มที่ อีกด้วย

    นักกล้ามหลายคนคงพบว่า เมื่อเล่นกล้ามไปนานๆ แล้ว เราจะทนต่อการนอนดึกได้เป็นอย่างดี ทำให้อาจจะคิดว่าเรานั้นแข็งแรงมากแล้ว คือเล่นกล้ามก็ไม่ได้ทำให้ง่วงเพลียเหมือนเมื่อก่อน ก็กลับมาใช้ชีวิตปกติ นอนดึกเหมือนเดิม แบบนี้ไม่ได้นะครับ เพราะกลไกในการซ่อมแซม สร้างเสริมต่างๆ ใน กระดูก เส้นเอ็น และกล้ามเนื้อจะเสียหมด ดังนั้นจงเตือนตัวเอง ว่าให้นอนให้พอตลอดเวลาครับ

    การนอนที่ดีในการเพาะกายนั้นไม่ยากเลยขอให้อาบน้ำก่อนเป็นใช้ได้ แล้วก็กินนมสัก 1 แก้ว จากนั้น ก็สักพักก็นอน สิ่งที่ผมพบก็คือ หากเป็นจังหวะที่ดีๆ นะครับ นอนไป 1 ชั่วโมง ก็สามารถทำให้เราสดชื่นได้ในทันที สดชื่นเกือบจะคล้ายๆ ตื่นนอนตอนเช้าเลย แปลกมากๆ ที่รู้เพราะ เราตื่นไปเข้าห้องน้ำ ตอนนั้นพอดี พอรุ่งเช้า จะสดชืนกว่าวันที่นอนดึกอย่างเห็นได้ชัด แต่อาจจจะมีอาการหิวมากๆ บ้าง ก็รีบจัดมื้อเช้าให้เร็วๆ ก็หมดเรื่อง

    อย่างไรการกิน อาหารแป้ง เนื้อและไขมันให้ถูกตามส่วน และครบ 5 หมู่นั้นจำเป็นมาก ขอให้ทำตามหลักวิชาการเพาะกายให้เคร่งครัดครับ
ลองหาอ่านจากบทความก่อนๆ ของผมกันดูครับ

 สวัสดี

Sunday, January 15, 2012

ผลจากการเพาะกายสำหรับคนเจ้าเนื้อ

สวัสดีครับ

  หลังจากผ่านไป 8เดือน ในการเพาะกาย มีการออกกำลังกายจริงจัง ราวๆ 5 เดือน ส่วนอีก 3 เดือนนับจากวันที่เจ็บและต้องหยุด 1 เดือน เจองานรุมเร้าหยุดไปอีก 2เดือน ผมได้พบอะไรบ้าง

  สิ่งหนึ่งที่เห็นชัดคือ ยิ่งเราออกกำลังกาย เรากลับแข็งแกร็งขึ้น ทั้งทางกายและทางใจ โดยมันเป็นเรื่องเหลือเชื่อสำหรับผม นั่นเพราะ ผมกลับทำงานได้ดีมาก และทำได้มากกว่าเดิม ทั้งๆ ที่ผมเหนื่อยมาจากการเพาะกาย ซึ่งมันทำให้ชีวิตของผมดีขึ้นมามาก และได้พบขอบเขตใหม่ๆ ของตัวเองนั่นคือ เราทำอะไรได้มากกว่าที่เราคิดเสียอีก

  สิ่งหนึ่งที่ผมคงไม่ขยายความก็คือ การเพาะกายเป็นกีฬาของเทพเจ้า ขณะที่ เทพเจ้านั้นพลังมหาศาลที่ท่านมีนั้น เกิดมาเฉยๆ หรือ เพราะท่านได้ลงแรงลงพลังไปกับอะไรบางอย่างหรือไม่ เมื่อเป็นดังนั้น หรือว่ามันมีกฎธรรมชาติที่ว่า ยิ่งลงพลังลงไปมาก นั่นแปลว่า เราจะได้พลังมากคืนกลับมาเช่นกัน แล้วพลังนั้น เราเอาไปทำอะไรได้ไหม...คงต้องขอให้ตีความกันเอง

   จาก 5 เดือนที่ออกแรงไปกับลูกน้ำหนัก นับไม่ถ้วน ผมที่ได้มาทางกายคือ ตอนปีใหม่ ผมต้องเดินเยอะมาก น้ำหนักเกิน 100 แบบผม เดินทั้งวัน และตลอด 4 วัน ผมต้องเดินลงบันได้ที่ชันมากและต้องเดินชมสถานที่ ราว เกือบ 2 ชั่วโมง แล้วต้องปีนบันไดกลับขึ้นมา ซึ่งถ้าเป็นเมื่อปีก่อน เป็นที่รู้กันในเย็นวันนั้น ผมต้องเข่าบวกระบม จากนั้นต้องรักษาตัวเองไปอีก อย่างน้อย 7 วันกว่าจะหาย แต่ปีนี้ มีอาการปวดเข่าเล็กน้อย นอนคืนเดียวหายครับ

   นี่คือพลังของการเพาะกาย แม้น้ำหนักผมยังไม่ลด แต่กล้ามเนื้อผมสร้างได้ดั่งใจ ผมต้องขอบคุณท่า Leg Press ที่เพียรทำมาตลอด 5 เดือนแบบช้าๆ ทำไปเรื่อย ทำให้เข่าผมมีกล้ามเนื้อเกิดขึ้น โดยรอบ ย้ำนะครับ ท่านี้ทำช้าๆ อาการปวดเอวหลัง สะโพก ที่เป็นนานๆ ก็เป็นน้อยลงอย่างมาก เพราะการเพาะกายแท้ๆ ครับ

    ผมจึงขอยืนยันว่า การเพาะกายมีประโยชน์จริงๆ ครับ

สวัสดีครับ

Tuesday, January 10, 2012

ฺิBody Building ต้องไปพร้อมกับ Mind Building สบายๆ

สวัสดีครับ
   วันนี้อยู่ดีๆ ผมก็ได้คิดว่า ที่ทุ่มเทเล่นกล้ามมาได้หลายเดือนนั้น ยังไม่ค่อยเห็นน้ำหนักที่ลดลง แม้ได้กล้ามมามากโข นั่นเพราะ Input คือ ภาคการกินมันมากกว่าภาคการออกกำลังกายนั่นเอง ผมเลยลองนึกต่อไปว่าทำไม คำตอบคือ การไม่สำรวมในการบริโภค กินเสียเกินความเป็นจริง
แรกๆ กินเพราะกลัวว่า ไม่พอสร้างกล้าม แต่นานๆ ไป กินเอามันส์ มันเลยเพิ่มไขมันที่หน้าท้อง

   ผมคิดต่อไปว่า การเล่นกล้ามนี่ยากไหม คำตอบ ยากอย่างแรง เพราะต้องพาตัวเราไปยิม แล้วก็ต้องศึกษาอะไรหลายอย่าง ต้องยกให้ดีๆ ไม่ผิดท่า
บางทีเจ็บก็ต้องพักรักษาตัว ยกแต่ละครั้งเจ็บปวดไปหมด แต่ทำไมทำได้ เพราะมันเห็นผล จากตัวเราที่แข็งแรงและกระฉับกระเฉงขึ้น มีปัญหา มีการวัดใจมากไป
ในการเล่นกล้าม และนี่คือ Body Building

   ทีนี้การกินตามใจปากนี่ มันเป็นอะไรที่ไม่ง่ายไม่ยาก ผมคิด เล่นกล้ามนี่ต้องใช้ทั้งตัว แต่การหยุดกินตามใจปาก เพียงปิดปากทุกอย่างก็จบครับ ปิดปากอย่างเดียวกับการมีสติครับ เท่านี้จริงๆ ไม่ต้องไปยิม ไม่ต้องอะไรเลย ปิดปาก แล้วคิดว่า กูไม่กินๆๆๆๆ เท่านี้เอง ไม่กินจุบจิบหรือตามใจปากนะครับ
หากทำแบบนี้มันจะเกิดนิสัยใหม่ในตัวเราในไม่ช้า ผมเรียกว่า การสร้างใจเราเสียใหม่ หรือ Mind Building นั่นเอง

   บางคนกินเพราะเครียด ให้คิดว่า เครียดในใจไม่แรงเท่าเครียดทางกายเท่าที่เราไปเล่นกล้ามหรอก เท่านี้เราก็ไม่กินมากแล้ว
    กินเพราะจะหมดแรง คนอื่นกินไม่มากเขาอยู่ได้ เราก็ต้องทำได้ (ยกเว้นพวกเรานักกล้ามกินวันละ 6 มื้อนะครับ กินตามนั้นแต่อย่าแถม อย่ามากกว่านั้น กินตามหลักวิชาการครับ)
 
 คุณทุ่มเทพลังแรงกายแรงใจมาเป็น ครึ่งปี คุณยังยืนหยัดในการเล่นกล้ามมาได้ ทั้งๆ ที่ทรมานพอควร ทำไมกับการหยุดกล้ามที่ขากรรไกร ไม่ยอมเปิดปากกินของจุบจิบ คุณจะทำมันไม่ได้ ลองสิครับ ทำการบริหารกล้ามที่ขากรรไกร ไปพร้อมๆ กับการเล่นกล้ามในอีก 6 เดือนข้างหน้า
เชื่อผม เราจะมีหุ่นแมน หล่อ ไม่อ้วน ไขมันหายกันทุกคนครับ

  สร้าง Mind Building ชนะใจตัวเองให้ได้ พิชิตการกินจุบจิบวันนี้ เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น

สวัสดีครับ

เหล้าเบียร์ของคนอ้วน สิ่งที่บั่นทอนทำลายร่างกายคนน้ำหนักเกินทั้งหลาย

สวัสดีครับ

  บทความนี้ได้มาจากวาบความคิด ที่ว่า เราคงมองสุราเมรัย ในศีลข้อที่ 5 เพียงแค่ เหล้ายา เบียร์ สิ่งมึนเมาที่รู้จักกันไม่ได้เสียแล้ว ที่สำคัญถ้าเราเป็นคนที่น้ำหนักเกิน หรือ อ้วน ยิ่งไปกันใหญ่ สิ่งนั้นคืออะไร อะไรที่เราเรียกว่า สุราของคนอ้วน สิ่งนั้นคือ เครื่องดื่มพวกน้ำอัดลม หรือที่มีรสหวานต่างๆ นั้นเอง
หากเราทบทวน เรื่องศีลข้อ 5. ดีๆ จะมีข้อที่ทำให้ มัวเมาอยู่ด้วย ผมจึงคิดว่าอะไรก็ตามที่กินแล้วติดในรส มัวเมากินไม่เลิก นับว่า เป็นสุราเมรัยได้เช่นกัน
คนปกติ กินเหล้า ก็จะสุขภาพเสื่อม ตับแข็ง แก่เร็ว คนอ้วนกินพวกน้ำอัดลม ชา กาแฟ ที่หวานๆ มันก็ทำให้เป็นโรคเบาหวาน น้ำตาลในเลือดสูง พาลไปเป็นโรคต่างๆ ได้ทั้งตัวและทุกอวัยวะเช่นกัน

  เช่นนี้ เราอย่าเอาแต่ไปด่าคนที่กินเหล้าเมายา คนปกติ คนอ้วนที่กินน้ำอัดลม น้ำหวานแบบต่างๆ ก็ถือว่าผิดศีลข้อ 5. ตลอดเวลาเช่นกัน เพราะเรามัวเมาในรสหวานนั่นเอง ดังนั้นใครก็ตามที่ยึดศีล 5 มาตลอด แต่คุณตะลุยกินของหวานๆ เสพติดมัน จนอ้วนใหญ่ หยุดไม่ได้ คุณมีศีลไม่สมบูรณ์ ทำได้อย่างมาก
4 ข้อ ไม่ใช่ 5 ข้อ

  หากคิดได้แบบข้างต้น จะพบว่า คนที่ถือศีลจริงจัง จะระงับการกินของหวาน น้ำอัดลม ชากาแฟหวานๆ ได้ในทันที ก็เหมือนที่คุณไม่กินเหล้าตลอดชีวิต คุณก็ทำได้ใช่ไหม เท่านั้นเอง

   เมื่อน้ำอัดลมพวกนี้มันเป็นเหล้ายาของคนอ้วน ทำอย่างไรจะทดแทนมันได้ ในเบื้องต้น ความกระหายยังมีอยู่ ตัดไปเลยอาจจะเกิด โยโย่ เอฟเฟ็กต์ คือ กลับมากินเหมือนหรือมากกว่าเดิม ดังนั้น ผมขอเสนอสูตรที่ผมเคยลองมาบ้างแล้วดังนี้

    1.ทำน้ำผลไม้กินเองเสียให้หมดเรื่อง สำหรับผม ง่ายที่สุด น้ำมะนาวครับ ที่คั้นน้ำมะนาว 1 ชุด, เหยือกน้ำ, น้ำ ใช้มะนาว 2 ลูก เปรี้ยวสุดครับ หากต้องการเย็นก็น้ำแข็ง 1 ถุง เท่านี้ก็สบายแล้วครับ กินแทน น้ำอัดลม เครื่องดื่มหวานๆ ได้อย่างสบายใจ

    2. คนไม่ค่อยมีเวลานะครับ เครื่องดื่มพวกนี้ มันเด่นที่ความเย็น คุณน่าจะติดความเย็นมานานแล้ว ซื้อน้ำแข็งมา 1 ถุง กินกับน้ำดื่มแล้วรับความหวานจากผลไม้ ครับ ซื้อผลไม้มาสัก 2 ถุง 20-30 บาท เท่านี้ก็สุดยอดแล้วครับ

  หมายเหตุ กินแล้วก็อย่าทีเดียวเป็นลิตรนะครับ จิบๆ ดื่มๆ ไปเรื่อยๆ เอาสบายตัวครับ น้ำอะไรก็ตามกินเข้าไปมากเกินไป ไตวายได้ครบ

  หากยังหิว ตบท้ายด้วย ถั่วครับ 1 ถุงเล็กๆ ซื้อแบบที่ขายถุงละ 10 บาทในร้านสะดวกซื้อก็ได้ ทำไมต้องกินถั่ว มีงานวิจัยบอกว่าการกินถั่วจะทำให้เรารู้สึกอิ่มครับ ผมลองทีไรอิ่มจริงๆ

   เท่านี้เราก็ยังสดชื่นกับการดื่มเครื่องดื่มได้ ไม่มีคาเฟอีน อีกด้วย ต้องลองดูครับ

 สวัสดี