สวัสดีครับ
โพสต์ครั้งนี้ก็หลังจากครั้งก่อน เกือบๆ 1 เดือน ก็พอจะทิ้งช่วงเรื่องการอัฟเดตอาการ ของกระผมที่ไม่ถี่หรือห่างเกินไปนะครับ ผมได้ทำอะไรมาบ้าง
-ผมยังดูแลหลังของผม ประหนึ่งสิ่งเลอค่าเหมือนเช่นเดิม แม้นอาการดีขึ้นเพียงใด แต่ต่อจากนี้ไปจะไม่ลืมคำที่แม่สอน ที่ว่า นั่งหลังตรงเสมอ (เข็ดแล้วครับ) ขอแถมว่าการนั่งที่ถูกต้อง ยังต้องทำดังนี้
--นั่งหลังตรงให้ก้นไปชิดข้างหลัง หรือพนักพิงให้มากที่สุด
--หาหมอนหรืออะไรที่นุ่มๆ พบรับแรงได้ มาหนุนที่ส่วนเหนือบั้นเอวให้รับกับโค้งตัว S ของ
หลังแล้วค่อยนั่งทำงาน มันสามารถรับแรงกระทำได้ดีมาก ทำให้ระยะยาวกระดูกสันหลัง
ไม่เสื่อมไม่เจ็บหลังง่ายๆ
จำไว้ว่า ไม่นั่งหลังค่อมเด็ดขาด ไม่หลังหลังงองุ้มด้วย
-แม้อาการจะดีขึ้นเพียงใด อย่าปล่อยปละหลังของคุณ เช่นนั่งรถกระแทก พิสูจน์ว่าเราหายแล้ว หรือ เจออะไรเจ็บที่หลังก็ฝืนๆไป อย่าทำปรับท่าทันที สอนวินัยนี้ไว้ครับ
-อย่าใส่กางเกงคับ รัดเข็มขัดแน่น นั่งทำงานก็ปลดเข็มขัดสิครับ รัดรูที่หลวมๆ หรือใครตัวใหญ่มากๆ ปลดตะขอกางเกงก็ได้ครับ ฝืนเจ็บทำไม อย่าเอากระเป๋าเงินหรือพวงกุยแจใส่กระเป๋ากางเกงด้านหลังเพราะคุณจะนั่งทับและต้องเอนปรับท่านั่งทำให้ผิดธรรมชาติ หลังก็จะเสีย เผลอๆ ไปออกทีอาการกล้ามเนื้อก้นหนีบเส้นประสาทแล้วจะหาว่าไม่เตือนครับ
-หมั่นออกกำลังกาย คนที่เจ็บหลังใช่ว่าไร้วาสนา แต่จริงๆ แล้ว อาจเป็นพวกได้สิทธิ รับสัญญาณเตือนคือพอเป็นแล้ว ร้อยทั้งร้อยต้องหาวิธีให้บรรเทา ให้หายปวดหลัง เพราะมันปวดมากจริงๆ คนไม่เป็นไม่มีทางรู้ครับ ส่วนมากจะไปทาง ออกกำลังกาย ทำโยคะเบาๆ ชีกง หรือ การออกท่าออกทางบำบัด หลายคนก็ควบคุมอาหารเพราะยิ่งน้ำหนักลดลงจะลดความปวดลงได้ หลายคนเป็นแบบน้ัน
พวกเขาจะขยันทำโดย ไม่มีต้องมีใครบังคับ ยิ่งทำแล้วอาการปวดลดลงๆๆๆๆ ยิ่งหมั่นทำ เพราะปวดหลังนี่คือสิ่งที่น่าเบื่อที่สุดแล้ว น่าเบื่อกว่าการออกกำลังกายเป็นไหนๆ พอทำไปมากๆ เข้าจะพบว่า อาการดีขึ้นๆๆๆๆ และส่วนมาก หลังจากทำเป็นประจำ 2-3 เดือนขึ้นไปจะมีคนทักว่า
หน้าตาสดใสขึ้น ดูสุขภาพดีขึ้น ทุกคน
จะบอกว่า เราออกกำลังกาย ทำท่ากายภาพ ร่างกายเขาก็จะเลือดลมเดินดีครับ แล้วมันก็จะทำให้เราได้ ขับของเสีย ชำระล้างเซลล์ต่างๆ สุขภาพก็ดีขึ้น ชัวร์ๆ ยิ่งหากสามารถควบคุมอาหารได้ดีอีกด้วยจะได้ผลทางด้าน โครงสร้างด้วย คือน้ำหนักลดลงอีกต่างหาก
ดังนั้น ถ้าเราตั้งใจทำไปดีๆ เราจะหายจากเจ็บหลัง หรือเหลือปวดนิดๆ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของคนที่จะต้องมีอาการปวดเจ็บหลังบ้าง ในช่วงใดช่วงหนึ่งของชีวิต เลยกลายเป็นเรื่องปกติ และยังสุขภาพดีขึ้นทุกด้านอีกด้วย ลองทำกันนะครับ
ท่าออกกำลังกายที่เพิ่มเข้ามาใหม่ ก็เช่น
1.คุกเข่าคารวะพื้นฐาน
-นั่งคุกเข่าห่างกันเล็กน้อยโก้งโค้งลงไปจนศรีษะแตะพื้น ก้นอาจยกได้ ไม่ซีเรียส หายใจออก พยายามให้ข้อศอกและหัวเข่าชนกัน วันแรกๆ ที่ก้มลงไปทำเท่าที่ทำได้ครับ อย่าฝืน ค่อยๆทำไป
นับ 1-6 หายใจออกนะครับ วันหลังๆ เพิ่มเป็น 1-10 และ 1-15
จากนั้นเงยหน้าช้าๆ ยืดตัวไปข้างหน้าทั้งๆ ที่ยังก้มอยู่ เอาศอกตั้ง หายใจเข้าช้าๆ เอามือประสานแล้วเอานิ้วโป้งรองคางเอาไว้ หายใจช้าๆ
จากนั้นหายใจออก ก้มตัวกลับไปท่าเดิม ที่บอกว่า ศอกชนเข่าครับผม นับก็ นับ 1-6 หายใจออกนะครับ วันหลังๆ เพิ่มเป็น 1-10 และ 1-15 ตามที่ผมบอกไว้
ทำ 3 รอบครับ
2.คุกเข่ากราบขอพร
ท่าต่อไป คุกเข่าเหมือนเดิม หายใจเหมือนเดิม แต่ตอนก้มให้หน้าผากสัมผัสพื้น แล้วยืดแขนออกไปช้าๆ ด้านหน้าจนสุดให้รู้สึกหลังยืดสบายๆ หายใจออกนะครับ นับก็เหมือนท่าแรก พอเสร็จก็ ยกตัวขึ้นใช้ศอกตั้งเหมือนเดิมเงยหน้าเหมือนเดิมหายใจเข้า แล้วกลับมาท่าคุกเข่า ทำซ้ำ 3 รอบช้าๆ ครับ
มันเป็นท่าที่ผมครูพักลักจำครับ มาจากคณาจารย์บนเว็บบ้าง บล็อกบ้าง ยูทูปบ้าง ขอขอบคุณครูอาจารย์ทุกท่านครับผม
พบว่า อาการที่หลังทียังเหลือค้าง หายบ้าง ปวดบ้าง มันเริ่มหายจริงๆ ครับ ซึ่งดีใจมาก ลองนำไปทำครับ แต่ มันยังมีท่าที่เหนือกว่านี้ ที่ช่วยแก้อาการ อยู่ๆ นั่งผิดท่า หรือ ปวดหนักๆ ขึ้นมา ไว้ต่อบทความต่อไปครับ
เอาไปทำกันก่อนรับรองผลครับผม
สำหรับอาการโดยภาพรวม ผมเดินได้เร็วขึ้นมากแล้วครับ โดยไม่ปวดอีกคือ เดือนก่อนมีแบบเดินเร็วได้แต่ทุกครั้งสักพักจะปวดขึ้นมา ตอนนี้ไม่เป็นแล้ว หลังจากทำ 2 ท่าข้างต้นครับผม กำลังขายังกลับมาได้ 85 % จากนี้ไปคงต้องให้การเล่นเหวตเข้ามาช่วยบ้างแบบ น้อยมากๆ ค่อยๆ ทำไปซึ่งนั่นเป็นความชำนาญของผม และ บล็อกแห่งนี้ครับ บทความต่อๆ ไปก็คงเนื้อหาเข้มข้นแนวเพาะกายมากขึ้นเรื่อยๆ ล่ะ คุณว่าไหม...เป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ ขอบคุณมากๆ
สวัสดีครับ
คุณบอลล์ ;0)
ขอเชิญชวนชายไทย ออกกำัลังกายโดยการเพาะกายเพื่อสร้างสรรค์สุขภาพให้ดีล้ำเลิศ
"จงจำไว้ว่า โลกชอบคนมีความพร้อม กีฬาเพาะกายสร้างความพร้อมให้คุณ สำหรับกีฬา และ การงานทุกรูปแบบ เพราะการเพาะกายคือ กีฬาของเทพเจ้า"
เปิดตัวตั้งแต่ วันที่ 24 พ.ค. 2554 (เช้า)
ดัชนีรวมท่าเพาะกายพร้อมฝึก*กระดานพูดคุย*พร้อมบทความ ด้านสุขภาพ อันน่าสนใจมากมาย โดยคุณบอลล์ :0)
Friday, August 29, 2014
Saturday, August 2, 2014
ผ่าน 100 วัน กับการออกกำลังและทำกายภาพ พร้อมความศรัทธาและกำลังใจ กับอาการเจ็บหลังของผม
สวัสดีครับ
หลังจากมีอาการเจ็บหลังมา 3 เดือนกว่า กับการตั้งใจรักษาตัวเอง และกำลังใจ ผมได้มีการพัฒนาดีขึ้นในทุกด้าน ทำไปทำมา ก่อนหลังจะหายดี มีคนเริ่มทักว่า
1.ผมหน้าตาสดชื่นกว่าเดิมมาก
2.ผมดูผอมลงเห็นชัด
3.ผมมีอาการดีขึ้นมาก
4.และผมเป็นนักสู้คนหนึ่ง กับการต้องเดินทาง ไปกลับรวมๆ แล้ววันละ ประมาณเกือบ 3 ชั่วโมง
ที่ต้องนั่งรถไกลๆ
กับการเป็นคนที่อยากมีชีวิตที่ดี และต้องดูแลตัวเอง ผมถือว่าผมเป็นนักสู้ที่ทำได้ดีที่สุดแล้ว
อาการเจ็บหลังมีข้อควรระวัง ที่คนเป็นครั้งแรก แล้วหาย มักจะไม่รู้คือ
- ห้ามกลับไปยกของหนักอีก ทำได้ตลอดชีวิตยิ่งดี
- การ ยืน เดิน นั่ง นอน อย่าเปลี่ยนท่าอย่างรวดเร็วทำช้าๆ เช่นนอนก็ค่อยๆ ลุก นั่งแป๊บก่อนลุก แล้วค่อยเดินแบบนี้ เป็นต้น
- จงหมั่นออกกำลังกล้ามเนื้อหลังเท่าที่ทำได้ และไม่มีอันตราย ทำไปตลอดชีวิต
- ระวังน้ำหนักตัว ไปทางน้อยดีกว่ามากๆ
- ไม่ละทิ้งการทำสมาธิ การสวดมนต์ ภาวนา
- การแพทย์ทางเลือก ฝึกปราณ ชี่ โยคะ
- ระวัง การสะดุด เสียหลัก หกล้ม ต้องระวัง บางทีการหัดท่า มวยจีน การสร้างความสมดุล
อาจช่วยลดการกระแทกเวลาล้มได้
- จดจำท่าทาง ที่ทำแล้วบรรเทาปวด รักษาตัวเองได้
- มีพลังใจ มั่นใจ ศรัทธา ที่จะรักษาตัวได้เสมอ ไม่ยอมแพ้ ไม่รับสภาพ ต้องสู้ๆๆๆๆๆ
หลังจากออกกำลังกาย กับทำกายภาพมาอย่างต่อเนื่อง อาจมีพักบ้าง แต่ไม่เกิน 2 วันในสัปดาห์ ผมก็พบว่า อาการปวดทุเลาไปเรื่อยๆ ปวดมากผมก็ลางานครับ เพราะไม่อยากเป็นฮีโร่จอมปลอม อย่าให้งานเราเสียเป็นพอ ทำให้ดีที่สุด จนเราหายดีขึ้น แต่อย่าได้ประมาท ตอนผมเป็นใหม่ๆ ราวๆ 3 สัปดาห์หลังมีอาการ ผมกินยาแก้ปวดจากหมอ ยามันหลอกครับว่า เหมือนจะหายแล้ว
ทำให้เราหลงคิดไปเองว่า หายล่ะ ลุกเดิน เพราะมันอยากหายจริงๆ เดินวันนี้ 100 ก้าว อีกวัน 200 อีกวัน 300 แล้วก็เรียบร้อย เกิดอาการ ขาตึง และ แย่ลง ในวันหลังๆ ตกใจ มากๆ พอยาหมดฤทธิ์ มันเริ่มเจ็บกันเห็นๆ และเราก็เริ่มเข้าใจ เจ็บต้องพักฟื้น ผมต้องโทรไปขอ ฝ่ายบุคคลเพื่อเลื่อนกำหนดการย้ายที่ทำงานไปอีก 1 สัปดาห์ จนอาการเริ่มดีขึ้น
มาถึงวันที่ต้องไปรายงานตัว ชีวิตผมในวันนั้น กลับสงบ และ ปลง ไม่ไปวันนี้คงไม่ดี เราต้องไป ใจมันถามว่า กรูจะขึ้นรถไหวไหม ใจหนึ่งบอกว่า เอ้าหากก้าวขึ้นไม่ไหว ค่อยถอยแล้วเดินกลับที่พัก เออ มันคิดได้เอง ก็เลยคว้าไม้เท้า ค่อยๆ เดินไป ผมตอนนี้เกิดสิ่งหนึ่งในใจคือ เห็นใจ คนพิการ และทุพพลภาพอย่างสุดใจ เพราะเราในวันนั้น ก็คล้ายๆ แล้วครับ จากคนที่เดินคล่อง ต้องค่อยๆ ไปกับไม้เท้า....ทีละก้าวๆๆ
ต้องไปรอที่ตึกของสถาบันเพื่อดูอาการว่าต้องเข้าห้องน้ำหรือไม่ เพราะอาการปวดหลังส่วนล่างกับอาการปวดห้องน้ำมันใกล้ๆ กัน หลายคนที่เป็นใหม่ๆ แยกไม่ออกครับ นั่งจนมั่นใจ เข้าห้องน้ำเสร็จก็ต้องเดินข้ามถนนกว้างๆ ดีที่มีคนคอยโบกให้
ไปถึงสถาบัน ผมก็ต้องเดินเข้าไปอีกไกลพอดู พบน้ำใจของเพื่อนๆ มากมาย ทำให้เรามีกำลังใจขึ้นมา
และค่อยๆ ไปทำงานจนผ่านมาแล้ว 3 เดือนกว่า และผ่านการต่อสู้ ค้นข้อมูล สร้างกำลังใจ และ อื่นๆ อีกมาก ขอขอบคุณ พ่อแม่ น้องชาย แฟนผม และ ทุกคน และ สิ่งศักดิ์สิทธิ ที่คอยดูแลผม จนมาถึงวันนี้ได้
ผมต่อสู้แบบ เพื่อตัวเอง เพื่อคนที่เรารัก และจะทำประโยชน์ในสังคมและโลกในอนาคต คิดแบบนี้ทำให้มีกำลังใจครับ และตอบตัวเองได้ว่า เราจะต่อสู้เพื่ออะไร
จากคนที่ต้องใช้ไม้เท้า ผมเริ่มปล่อยไม้เท้าเดิน ได้เมื่อ 3 สัปดาห์ก่อน เดินที่สวนของสถาบันได้ 2 รอบขณะที่เสาร์ที่ผ่านมา ผมเดินได้แล้ว 3 รอบ เป้าหมาย คือ 4 รอบ ใน 30 นาทีครับ
ถือว่าเป็นการเดินเพื่อฟื้นฟูกำลังกายกำลังใจของตัวเอง ขณะที่ในการทำงาน การใช้ชีวิตอาจต้องใช้ไม้เท้าไปก่อน เพราะมีสิ่งที่ต้องระวังคือ ถนนลื่น และ บันได ครับ เราต้องไม่ประมาท จนแข็งแรงจริงๆ จึงจะค่อยปล่อยไม้เท้าครับ อย่างไรก็ตามที่สวน ผมจะปล่อยไม้เท้าเดินครับ จาก 4 รอบ จะเป็น 10 รอบให้จงได้
เราต้องสู้ต่อไปครับ
ขอเป็นกำลังใจให้คนที่เจ็บหลังทุกคน ครับผม
สวัสดีครับ
คุณบอลล์
:0)
หลังจากมีอาการเจ็บหลังมา 3 เดือนกว่า กับการตั้งใจรักษาตัวเอง และกำลังใจ ผมได้มีการพัฒนาดีขึ้นในทุกด้าน ทำไปทำมา ก่อนหลังจะหายดี มีคนเริ่มทักว่า
1.ผมหน้าตาสดชื่นกว่าเดิมมาก
2.ผมดูผอมลงเห็นชัด
3.ผมมีอาการดีขึ้นมาก
4.และผมเป็นนักสู้คนหนึ่ง กับการต้องเดินทาง ไปกลับรวมๆ แล้ววันละ ประมาณเกือบ 3 ชั่วโมง
ที่ต้องนั่งรถไกลๆ
กับการเป็นคนที่อยากมีชีวิตที่ดี และต้องดูแลตัวเอง ผมถือว่าผมเป็นนักสู้ที่ทำได้ดีที่สุดแล้ว
อาการเจ็บหลังมีข้อควรระวัง ที่คนเป็นครั้งแรก แล้วหาย มักจะไม่รู้คือ
- ห้ามกลับไปยกของหนักอีก ทำได้ตลอดชีวิตยิ่งดี
- การ ยืน เดิน นั่ง นอน อย่าเปลี่ยนท่าอย่างรวดเร็วทำช้าๆ เช่นนอนก็ค่อยๆ ลุก นั่งแป๊บก่อนลุก แล้วค่อยเดินแบบนี้ เป็นต้น
- จงหมั่นออกกำลังกล้ามเนื้อหลังเท่าที่ทำได้ และไม่มีอันตราย ทำไปตลอดชีวิต
- ระวังน้ำหนักตัว ไปทางน้อยดีกว่ามากๆ
- ไม่ละทิ้งการทำสมาธิ การสวดมนต์ ภาวนา
- การแพทย์ทางเลือก ฝึกปราณ ชี่ โยคะ
- ระวัง การสะดุด เสียหลัก หกล้ม ต้องระวัง บางทีการหัดท่า มวยจีน การสร้างความสมดุล
อาจช่วยลดการกระแทกเวลาล้มได้
- จดจำท่าทาง ที่ทำแล้วบรรเทาปวด รักษาตัวเองได้
- มีพลังใจ มั่นใจ ศรัทธา ที่จะรักษาตัวได้เสมอ ไม่ยอมแพ้ ไม่รับสภาพ ต้องสู้ๆๆๆๆๆ
หลังจากออกกำลังกาย กับทำกายภาพมาอย่างต่อเนื่อง อาจมีพักบ้าง แต่ไม่เกิน 2 วันในสัปดาห์ ผมก็พบว่า อาการปวดทุเลาไปเรื่อยๆ ปวดมากผมก็ลางานครับ เพราะไม่อยากเป็นฮีโร่จอมปลอม อย่าให้งานเราเสียเป็นพอ ทำให้ดีที่สุด จนเราหายดีขึ้น แต่อย่าได้ประมาท ตอนผมเป็นใหม่ๆ ราวๆ 3 สัปดาห์หลังมีอาการ ผมกินยาแก้ปวดจากหมอ ยามันหลอกครับว่า เหมือนจะหายแล้ว
ทำให้เราหลงคิดไปเองว่า หายล่ะ ลุกเดิน เพราะมันอยากหายจริงๆ เดินวันนี้ 100 ก้าว อีกวัน 200 อีกวัน 300 แล้วก็เรียบร้อย เกิดอาการ ขาตึง และ แย่ลง ในวันหลังๆ ตกใจ มากๆ พอยาหมดฤทธิ์ มันเริ่มเจ็บกันเห็นๆ และเราก็เริ่มเข้าใจ เจ็บต้องพักฟื้น ผมต้องโทรไปขอ ฝ่ายบุคคลเพื่อเลื่อนกำหนดการย้ายที่ทำงานไปอีก 1 สัปดาห์ จนอาการเริ่มดีขึ้น
มาถึงวันที่ต้องไปรายงานตัว ชีวิตผมในวันนั้น กลับสงบ และ ปลง ไม่ไปวันนี้คงไม่ดี เราต้องไป ใจมันถามว่า กรูจะขึ้นรถไหวไหม ใจหนึ่งบอกว่า เอ้าหากก้าวขึ้นไม่ไหว ค่อยถอยแล้วเดินกลับที่พัก เออ มันคิดได้เอง ก็เลยคว้าไม้เท้า ค่อยๆ เดินไป ผมตอนนี้เกิดสิ่งหนึ่งในใจคือ เห็นใจ คนพิการ และทุพพลภาพอย่างสุดใจ เพราะเราในวันนั้น ก็คล้ายๆ แล้วครับ จากคนที่เดินคล่อง ต้องค่อยๆ ไปกับไม้เท้า....ทีละก้าวๆๆ
ต้องไปรอที่ตึกของสถาบันเพื่อดูอาการว่าต้องเข้าห้องน้ำหรือไม่ เพราะอาการปวดหลังส่วนล่างกับอาการปวดห้องน้ำมันใกล้ๆ กัน หลายคนที่เป็นใหม่ๆ แยกไม่ออกครับ นั่งจนมั่นใจ เข้าห้องน้ำเสร็จก็ต้องเดินข้ามถนนกว้างๆ ดีที่มีคนคอยโบกให้
ไปถึงสถาบัน ผมก็ต้องเดินเข้าไปอีกไกลพอดู พบน้ำใจของเพื่อนๆ มากมาย ทำให้เรามีกำลังใจขึ้นมา
และค่อยๆ ไปทำงานจนผ่านมาแล้ว 3 เดือนกว่า และผ่านการต่อสู้ ค้นข้อมูล สร้างกำลังใจ และ อื่นๆ อีกมาก ขอขอบคุณ พ่อแม่ น้องชาย แฟนผม และ ทุกคน และ สิ่งศักดิ์สิทธิ ที่คอยดูแลผม จนมาถึงวันนี้ได้
ผมต่อสู้แบบ เพื่อตัวเอง เพื่อคนที่เรารัก และจะทำประโยชน์ในสังคมและโลกในอนาคต คิดแบบนี้ทำให้มีกำลังใจครับ และตอบตัวเองได้ว่า เราจะต่อสู้เพื่ออะไร
จากคนที่ต้องใช้ไม้เท้า ผมเริ่มปล่อยไม้เท้าเดิน ได้เมื่อ 3 สัปดาห์ก่อน เดินที่สวนของสถาบันได้ 2 รอบขณะที่เสาร์ที่ผ่านมา ผมเดินได้แล้ว 3 รอบ เป้าหมาย คือ 4 รอบ ใน 30 นาทีครับ
ถือว่าเป็นการเดินเพื่อฟื้นฟูกำลังกายกำลังใจของตัวเอง ขณะที่ในการทำงาน การใช้ชีวิตอาจต้องใช้ไม้เท้าไปก่อน เพราะมีสิ่งที่ต้องระวังคือ ถนนลื่น และ บันได ครับ เราต้องไม่ประมาท จนแข็งแรงจริงๆ จึงจะค่อยปล่อยไม้เท้าครับ อย่างไรก็ตามที่สวน ผมจะปล่อยไม้เท้าเดินครับ จาก 4 รอบ จะเป็น 10 รอบให้จงได้
เราต้องสู้ต่อไปครับ
ขอเป็นกำลังใจให้คนที่เจ็บหลังทุกคน ครับผม
สวัสดีครับ
คุณบอลล์
:0)
Subscribe to:
Posts (Atom)