Wednesday, April 2, 2014

สติมาตัวแรกเลย กับเส้นทางการ งดอาหารของผม แบบตลกดีไหม?

สวัสดีคร้ับ

   เมื่อวานเพิ่งลงบทความ การงดอาหาร ยกเว้นเนื้อสัตว์ กินน้อยๆ ไปเพียงว้ันเดียว ว่า ควรทำให้ได้ 4 วันต่อสัปดาห์ สำหรับคนไม่ได้เจ็บป่วยอะไรนะครับ แต่ว้ันนี้ก็พลาดแล้วครับ ทั้งๆ ที่จะจัดให้งดเนื้อสัตว์ 2 วันติด 1 ครั้ง ดันพลาดเสียแล้ว อย่างไร

   เริ่มจากเช้านี้ไม่ค่อยสบายๆ ทำให้ทำงานสาย ที่ทำงานโทรมาตามเพราะต้องใช้กุญแจที่อยู่กับผม เราก็รีบทำธุระแล้วมาทำงาน ก็เคลียร์ไปจนเรียบร้อย เริ่มเหนื่อยๆ เสร็จก็แวะมาดูคอมพิวเตอร์ ที่โต๊ะทำงาน สักพัก นึกได้ว่า ลืมกินข้าว ก็ออกมากินข้าวสักหน่อย

    อ่านดีๆ ครับ

    ผมเดินไปที่ร้านอาหาร ในหัวโล่งมาก มันเหมือนมีประสาทอัตโนมัติ คิดแต่ไปกินข้าว พอถึงร้าน อาโกที่ร้าน ก็บอกว่า เหมือนเดิมไหม ผมตอบว่า เหมือนเดิม แกก็ไปสั่งกุ๊ก เราก็นั่งอ่านหนังสือพิพม์ สักพักข้าวก็มา เพิ่งจะนึกออก ว่า


         "ว้ันนี้กรู จะกินมังสวิรัติ นี่หว่า...." เป็นงั้นไป

    ดังนั้น อย่าไปคิดมากครับ จงให้อภัยตัวเอง ก่อนเลย แล้ว ก็กินๆ มันไปครับ อ้าว แบบนี้ เรียกว่า ไม่มีวิน้ัยนี่ มิได้ครับ เราเรียกว่า เผลอ ครับ จะโทษอะไร หรือใครล่ะ  ก็ให้ระวังหน่อยครับ แรกๆ จะเป็นแบบนี้ครับ เผลอได้ แต่พ้น 1 สัปดาห์ไปแล้ว อย่าพลาดครับ เพราะคราวนี้ จะเสียวินัยจริงๆ

    เลยได้กินเนื้อสัตว์จนได้ในวันนี้ แต่มาเขียนให้อ่านกันว่า มันเผลอกันได้ครับ เพราะ เป็นปีๆ เป็นสิบปีที่เรากินเนื้อ กินตามปกติมา จะให้มัน เป๊ะ เสียแต่วันแรกๆ ก็คงยาก เขาเรียกว่า เคยชินแบบนี้มาครับ :0)

    เอ้าก็มาให้กำลังใจก้ันนะครับ คนที่อ่านบทความของผม ก็ขอให้อ่านให้ครบๆ ครับ แล้วมาสุขภาพดีไปด้วยกันจ้า


สวัสดีครับ
คุณบอลล์ :0)

Tuesday, April 1, 2014

คุณเคยหิวแบบจริงๆ ครั้งล่าสุดเมื่อไร? ฟื้นฟูอวัยวะภายในกันสักหน่อยไหม พี่น้อง

สวัสดีครับ

  วันนี้ ใกล้เที่ยงก็มานั่งเขียนบทความให้ชาวเรา บล็อก เพาะกายแบบแมนๆ สไตล์ คุณบอลล์ ให้อ่านกันครับ สำหรับแนวทางการยก การหายใจ การปฏิบ้ัติตัว ก่อน ท่ามกลาง และ หลัง การเพาะกาย เชื่อว่า พี่น้องจะได้อ่านกันเยอะแล้ว จากบล็อกของผม นะครับ

   นับว่า เป็นความพากเพียรจริงๆ ที่ทำมาก็เข้าปีที่ 3 แล้วนะ เดือน พฤษภาคม ศกนี้ ครับ กับยอดเข้าชม จะ 1แสน กับ 1 หมื่น ขาดอีกไม่กี่ร้อยครั้งครับ

   วันนี้ ก็ขอนำเสนอแนวคิด ดีๆ ให้อ่านกับว่า  คุยหิวจริงๆ ครั้งล่าสุดเมื่อไร?

   เหตุที่ถามแบบนี้ก็เพราะว่า อยู่ๆ ก็คิดขึ้นได้ว่า ตอนเราเด็กๆ วัยรุ่น  ที่เขาว่ากันว่า พลังยังเยอะ เราจะมีช่วง หิว บ่อยมากครับ เช่น เล่นนานๆ แล้วหิว หรือ เล่นบอลกับเพื่อนๆ ตอนเย็น แล้วหิว หรือ เรียนๆ ไป เพิ่ง 11 โมง ก็หิวข้าวเที่ยงแล้ว แต่ทว่าๆ

    พอเรามาทำงาน มีเงินเดือนใช้ จะไปไหน มีเงินทองมากพอที่จะ กินเที่ยว ตามใจ อาการ เหงาก็หายไป และ อีกอาการก็หายตามไป คือ อาการหิว ตามธรรมชาติ นั่นเอง เริ่มเห็นเค้าแล้วใช่ไหมครับ

     จากการสังเกตุตัวเองนี่ล่ะ พบว่า อาการหิวแบบจริงๆ หิวจริงๆ ไม่ค่อยเกิดกับตัวผมเท่าไรแล้ว เริ่มสังเกตุชัดๆ ก็ ราวๆ 35 ขวบที่ผ่านมานานปี บางวัน เคยขนาดว่า กินมื้อเดียว เพราะเพิ่งมาหิว เอา บ่ายๆ เย็นๆ แต่ นั่นดีหรือเปล่า

     การทีเราไม่ค่อยหิว เพราะเรา กินดีอยู่ดี หรือ ว่า เรากินเกิน กินสิ่งไม่จำเป็น มากเกิน ไปหรือเปล่า
เป็นไปได้ไหม?

     เป็นไปได้ไหม ที่เรากินเกินความจำเป็น มาเป็นปีๆ จนร่างกาย ดูแลตัวเองจนเหนื่อย ของเก่ายังขจััด กากอาหารไม่หมด ซ่อมแซม อวัยวะในการย่อยไม่เสร็จ หรือ ไม่ได้พักเลย เลยไม่่มีอาหารหิว ออกมา แทนที่เราจะคิดว่า จะขาดสารอาหาร หากกินไม่ครบ 3 มื้อ เราควรปรับอะไรหน่อยไหมว่า

    ถ้าโดยส่วนใหญ่กินครบ 3 มื้อ ครบ 5 หมู่ น้ำกินถึงไม่ขาด บางวัน ด้ังนั้น หากไม่หิว ก็ไม่ต้องกิน หรือ กินเฉพาะมื้อที่ หิวจริงๆ เท่านั้น แบบนี้ได้ไหม

    หมายเหตุ: ผู้ป่วยด้วยโรคใดๆ ก็ตาม หรือ มีอาการโรคกระเพาะ  ควรปรึกษาแพทย์ ก่อนทดลองทำตามแนวทางบทความนี้

      หากเรามีร่างกายปกติดีๆ แล้วส่วนมากก็กินครบ ผมว่า บางวันเรา ควรลดปริมาณอาหารลง หรือ กินน้อยมื้อที่่สุดจะดีไหม?

       เรื่องการสังเกตุุที่ผม ว่าไว้ข้างต้นนี้ ไม่ใช่เรื่องใหม่เลยครับ มนสอดคล้องกับภูมิปัญญา โบราณ ที่มีมานานแล้ว เช่น

       -ในพุทธศาสนา จะมีบัญญัติให้ งดอาหารในยามวิกาล เช่นในไทย พระท่านจะฉัน 2 มื้อ คือ เช้ากับ เพล บางแห่ง ฉันเพียง 1 มื้อ เป็นต้น จะมีข้อยกเว้น ก็น้ำปานะในมื้อเย็น หรือ ตามคำอธิบายนี้

คำว่า “ปานะ” แปลว่า เครื่องดื่ม หรือน้ำสำหรับดื่มที่คั้นจากผลไม้ ที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตไว้ ชนิด หรือที่เรียกว่า น้ำอัฏฐบาน ได้แก่ น้ำมะม่วง, น้ำชมพู่หรือน้ำหว้า, น้ำกล้วยมีเมล็ด, น้ำกล้วยไม่มีเมล็ด, น้ำมะซางต้องเจือด้วยน้ำจึงจะควร, น้ำลูกจันทน์หรือองุ่น, น้ำเหง้าบัว และน้ำมะปรางหรือลิ้นจี่

  ขอขอบพระคุณ ต้นฉบับ โดย 
น้ำแบบไหน คือ “น้ำปานะ” 
โดย...พระมหาอดิเดช สติวโร (สุขวัฒนวดี) 
วัดเกตุมดีศรีวราราม ต.บางโทรัด อ.เมือง จ.สมุทรสาคร

   
      http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?t=44859

       -ในงานค้นคว้า ระดับโลก ก็ลองติดตามอ่าน หัวข้อ การอดอาหารเพื่อสุขภาพ ในเว็บมีมากมาย แต่ให้พิจารณา และ ค้นคว้าให้ดีๆ จากแหล่งที่เชื่อถือได้นะครับ

       -ในอิสลาม เช่น ช่วงเดือนแห่งการถือศีลอด    เป็นต้น


   เราจะเห็นว่า การอดอาหารบ้าง จึงเป็นเรื่องที่ คนโบราณ เห็นมานานแล้วครับ ถามว่า หากเรามีสุขภาพแห่งแรงดีๆ จะทดลองอดอาหารบ้าง ทำอย่างไร

   แนวทางที่ผมเคยทำมาแล้ว มีดังนี้

หมายเหตุ: ขณะที่อดอาหารครั้งนี้ ซึ่งทานแต่ผลไม้กับน้ำ ผมแทบไม่ได้ทำอะไรเลย ดูทีวี นอนพัก นี่คือ
                 ข้อมูลเสริมเพราะพักร้อน พอดีครับ

     1. ผมกินแต่ผลไม้ ครับ 3 มื้อ ติดต่อกัน 3 วัน โดยขอให้คุณแม่ ช่วยเตรียมผลไม้แต่ละมื้อให้ ก็เป็นปริมาณที่ไม่น้อยในแต่ละมื้อ คือ เช่น มะละกอ แตงโม เป็นต้น ใส่ใน 1 จานข้าว อันนี้กะกันให้เหมาะกับตัวเอง ผลไม้ ก็ลองค้นคว้ากันไม่จำเป็นต้องแบบผม แต่จำไว้ให้ดีว่า

      ต้องดื่มน้ำให้เพียงพอ ห้าม กระหายเด็ดขาดนะครับ


   2.เข้าวันที่ 2 อาการฉี่บ่อย มึนๆ เพลียๆ  หายเป็นปลิดทิ้ง ร่างกายเริ่มเบาๆ และตื่นมาสดชื่น ทานผลไม้ 3 มื้อ น้ำตามต้องการต่อไป

   3. วันนี้ทำเหมือนเมื่อวาน

    4. เช้าวันที่ 4. ค่อยๆ เลิกจากการอดอาหาร แบบค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป โดย ดื่มน้ำมะนาว ที่คุณแม่ทำให้ ผสมน้ำ ราวๆ 1 โถพลาสติก สูงราวๆ 1 ฟุด น่าจะ ราวๆ 1 ลิตร และ ให้ค่อยๆ จิบ นะครับ ย้ำนะครับ ค่อยๆ จิบไป ผมตั้งเกณฑ์ ไว้ไม่ให้เร็วเกินไป ก็คือ  ห้ามจิบหมด ก่อน 1 ชั่วโมง หากได้  1 ชั่วโมงครึ่งยิ่งดี หลังจากนั้น มันจะมีอาการต้องการถ่ายหนัก ก็เข้าห้องน้ำตามปกติครับ แล้ว ก็ทานอาหารเช้า เว้นสักพัก เอามื้อเล็กๆ ก่อนครับ


     การทดลองครั้งนั้น น่าจะ 2 ปีก่อน พบว่าได้ผลดีมากครับ อาการอ่อนอ้า เพลีย สะสม หายไปเลย แต่หลังจากนั้น ก็ไม่ได้ทำอีกเลย จน สัปดาห์นี้ เริ่มรู้สึกว่า เราทานเยอะไปจริงๆ เลยลอง กลับมาอดอาหารดู ก็ พบว่าเกิดอาการ หิวมากๆ ซึ่งหายไปนานกลับมาครับ คือ

    1. เปลี่ยนจาก ข้าวราดแกง + กับข้าว 2 อย่าง + กาแฟเย็น 1 แก้ว น้ำ อีก 2 แก้วใหญ่

 มาเป็น

    กล้วยทับ 2 ไม้ ราดน้ำเชือมนิดๆ พอได้รสชาติ กับ ชาเขียว 1 แก้ว

  เท่านั้นล่ะ เข้าเที่ยงนี่ อย่างหิวครับ จ๊อกๆ เลย ท้องผม แต่ผมก็ดีใจนะ เพราะ ตอนนี้ร่างกายย่อมเอาพลังงานจากไขมันในร่างกายไปเผาผลาญล่ะ

    แม้มื้อนี้จะไปทางแป้งหน่อยๆ แต่ก็ได้สารอาหารเพียบนะครับ ชาเขียว มีสารอาหารอะไรในตัวเขา คนรักสุขภาพย่อมรู้ ส่วนกล้วยนั้น ก็ไม่ต้องห่วงเลย

   ถามว่ามันจะได้อะไร สำหรับผมนะครับ   ผมเป็นคนอ้วน ที่มีกล้ามเนื้อ เพราะผมฝึกเพาะกายด้วย แต่ผมหวังเรื่อง ได้ซ่อมแซม และ ให้อวัยวะภายในได้พักบ้างครับ กับชีวิต เป็นหลายสิบปี ที่ผ่านมา ก็จึงต้องงดเนื้อสัตว์ งดแป้งขาว กันแบบหักดิบแบบนี้ครัับ

   แผนการงดอาหารของผม สไตล์คุณบอลล์ มีรายละเอียดดังนี้

(โปรแกรมนี้ออกแบบมาขณะที่ผม กำลังเน้น เดินเพื่อสุขภาพ และฝึกชี่กง ไม่ได้เล่นเหวตใดๆ ในช่วงนี้นะครับ และไม่ได้เน้นเรื่องลดน้ำหนัก แต่เน้นเรื่อง การฟื้นฟูอวัยวะภายใน ครับ)

หมายเหตุ: ผู้ป่วยด้วยอาการใดๆ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำตามวิธีการเหล่านี้ ระวังนะครับ

1. งดอาหาร ไม่กินเนื้อสัตว์ และไม่เน้นแป้งขาวๆ เช่น ข้าว แบบหักดิบ โดย เน้นว่า ทำให้ได้ 4 วันต่อสัปดาห์ แปลว่า กินตามปกติ ที่ต้องควบคุมด้วย เพียง 3 วัน

2. ดื่มน้ำให้เพียงพอ

3. จิตใจเน้นแจ่มใส

4. มีการบริหารจัดการ อย่างเป็นรูปธรรม โดยการจดบันทึก ทุกวัน ว่า กินอะไรในแต่ละมื้อ
     ย้ำว่า ต้องจดบันทึกการกินอาหารทุกวัน 3 มื้อ ครับ ทั้งวันที่ งด และ ไม่งดอาหาร

5. รายการอาหารในวันงดอาหาร

     -ผลไม้ ที่พอต่อความหิว

     -น้ำ
 
     -โปรตีนจากถั่วเหลือง เต้าหู้, นมถั่วเหลือง งดเต้าหู้ผสมไข่พราะเราเน้นให้เป็นมังสวิรัติ ไม่เอาแม้กระทั่ง มังสวิรัติแบบกินไข่ได้

     -เพื่อความชื่นใจ สามารถ ดื่ม น้ำชาเขียว น้ำมะนาว ระหว่างวันได้ ครับ จริงๆ แล้ว แบบร้อนสำหรับชาเขียว จะดีกว่า แต่ก็ลองปรับใช้กันครับ

 6. ไม่จัดวันงดอาหาร ดังกล่าว ทั้ง 5 ข้อข้างต้น แบบติดๆ กัน ผมเน้น เว้นวันครับ เช่น

                2 วันแรก เป็น จันทร์ อังคาร

                 1 วันต่อมา เป็น วัน พฤหัสบดี
                 
                  อีก 1 วัน เป็น วัน เสาร์       แบบนี้ รวมแล้ว ได้ 4 วันพอดี

    ที่ต้องเป็น 4 วันเพราะ มันจะได้เกิน 50% ครับ คือราวๆ 57.14% ชีวิตเราย่อมต้องเปลี่ยนไปในทางที่เราเน้นย้ำ และ ใส่ใจ จริงไหมครับ

7. ให้มองว่า การงดอาหารแบบนี้ เป็น จุดยืน พันธสัญญา หรือ ศีล อีกข้อ ที่เราจะยึดถือ เพื่อชีวิตที่ดีกว่า เช่น หากคุณเป็น ชาวพุทธ คุณ ก็คิดว่า นี่เป็น ศีลข้อที่ 6. ที่คุณขอเพิ่มเข้ามาเอง ปฏิบัติต่อศีลข้อนี้ด้วยความเคารพ ให้เหมือนกับการที่ คุณ ถือศีล 5 ประมาณ นี้ แบบนี้ คุณจะทำได้แน่นอน เพราะไม่ได้ไปมองว่า   กรูต้องทำๆๆๆ แบบนี้ มันฝืนครับ จริงไหม

   อีก 3 วันที่เหลือ ก็ตามสบาย ครับ แต่กินให้น้อยลง และ ครบหมู่ น้ำเพียงพอ ยังไงๆ สุขภาพต้องดีขึ้นแน่ เพราะผมจำได้ว่า

      ความสวยของคนเราเริ่มจากภายใน ครับ

   ก็ในเมื่ออวัยวะภายในได้ฟักฟื้น ฟื้นฟูเป็นประจำ มันก็กลับมาทำงานได้ดี อะไรๆ ก็จะดีขึ้นจริงไหมครับ


สวัสดีครับ
คุณบอลล์ :0)