Saturday, May 31, 2014

การทำสมาธิรักษาโรค ช่วยกันเผยแผ่ครับ เพื่อเป็นวิทยาทาน และขออนุโทนาบุญทุกท่าน

เชิญรับฟัง

                     
 รวมเกล็ดคำสอนของ หลวงพ่อพุธ ฐานิโย รวมรวมเรียบเรียงโดย ดร.ดาราวรรณ เด่นอุดม เผยแพร่ต่อได้ ห้ามจำหน่าย

สวัสดีครับ

เชื่อไหมเจ็บหลังเฉียบพลัน ทำให้กล้ามก้น หยุดทำงานได้ และ อาจเกิดอาการ กล้ามเนื้อเกร็งหนีบเส้นประสาท สร้างความเจ็บปวด

สวัสดีครับ

   ผมมีอาการเจ็บหลัง และ พอจะหายดี มันมีอาการปวดร้าว ระทม ปวดโคตรๆ ที่สะโพกขวา ทรมานอยู่หลายวัน แต่ก็ทุเลาบรรเทามาได้ ด้วย บล็อกดีๆ แห่งหนึ่ง กับบทความเกี่ยวกับ กล้ามก้นที่คุณแอนเขียนไว้ อ่านให้ครบ 2 ตอน นะครับ และช่วยกันแชร์ ต่อๆไป เป็น วิทยาทาน เป็นกุศลสำหรับเพื่อนๆ ทุกท่านและ ผมขออนุโมทนาบุญ คุณแอน กับเพื่อนๆ ไว้ ณ. ที่นี้ครับผม

     บล็อกของคุณแอน  http://dropdeadhealthy.blogspot.com/2013/05/blog-post.html

    เชื่อผมมันมีประโยชน์มากๆ ครับ

    ใครอยากได้บทสรุปสั้นๆ ก็อ่านบทความนี้ ก่อนตามลิงค์ ไปที่บล็อกของคุณแอนครับ

   โดยสรุปคือ กล้ามเนื้อส่วนก้น นี่มันมี เล็ก กลาง ใหญ่ คลุมตั้งแต่แก้มก้นทั้งสองข้าง ออกไปทางสะโพก น้อยคนจะทราบว่า เมื่อมีอาการเจ็บหลัง ไม่ว่าจะเป็น อุบัติเหตุ ล้ม ใช้งานหนัก หรือกระทั่งหมอนรองกระดูกทับเส้น ไอ้อาการเจ็บ แรงๆ ตอนเป็นใหม่ มันจะไปทำให้ บางคน เกิดกล้ามเนื้อก้น Inactivate
คือ นิ่งทำงานไม่เต็มที่ เชื่อไหม นี่คือ หญ้าปากคอก เส้นผมบังภูเขา ครับ

     แล้วก็มีนักวิชาการฝรั่ง เขาสังเกตุและระบุไว้ในหนังสือ ว่า หากเราไม่ Activate หรือกระตุ้น กล้ามก้นบ้างหลังเจ็บหลัง มันอาจจะนอนนิ่งไปนาน เกินไป ต้อง กระตุ้นกล้ามก้นครับ

      ผมเองเริ่มจากสังเกตุว่า ทำไมพออาการเจ็บหลัง ก้น มันทุเลาแล้ว ไปทำงานได้ นั่งได้ ทั้งวัน แต่ท่าเดินเรา มันผิดไปจากเดิม ไม่มั่นคง ร้อยทั้งร้อย ไม่มีใครคิดถึงกล้ามก้นแน่ๆ  วันหนึ่งผมต้องเดินข้ามสะพานลอยพอลงมา เกิดร้อนที่แก้มก้น และลองเกร็งต่อ จะเดินได้ใกล้ปกติเลย จึงไปนั่งร้านกาแฟ แล้วค้นดูเรื่องกล้ามก้น ก็มาเจอ บทความคุณแอน   ขอบคุณมากๆ ครับ

      อ่านแล้วตะลึง กล้ามก้น มันคือ กล้ามสำคัญพอๆ กับกล้ามขา ว่ากันว่า หากกล้ามก้น แข็งแรง เราจะวิ่งเร็วกว่า เดินได้เร็วกว่า กระโดดได้ไกลกว่า คุณพ่อของผมให้สังเกตุว่า นักวิ่งฝรั่งเช่น 100 เมตร จะก้นงอนกระดกกันทุกคน จริงไหม?

      ผมมองมุมกลับหากมันมีปัญหา ทุกอย่างก็กลับด้อยลงจริงไหม ลองอ่านไป อ้าวมีพูดเรื่องปวดหลังที่ว่าไว้ เฮ้ยนี่ใช่เลย เต็มๆ เขายังว่าไปถึงอาการขาอ่อนแรง ข้อต่างๆ ที่ขาอ่อนแรงอีกต่างหาก

      เขาให้เรา กระตุ้นให้กล้ามก้นกลับมาทำงาน โดย ใช้ Mind to Muscle คือใจคุมกล้ามเนื้อ ผมลองนุกถึงกล้ามที่ก้น แล้วก็ ลองเกร็งดู ค้างไว้ 3 วินาที แล้วคลาย ทำแบบนี้ 10 ครั้ง ข้างที่ผมมีปัญหา จากนั้นสลับไปข้างขาที่เดินปกติ เท่ากัน จากนั้นทำให้ครบ ข้างละ 3 รอบ

     สรุป:   เกร็งกล้ามก้นข้างใดข้างหนึ่ง นาน 3 วินาที แล้ว คลาย ทำ 10 ครั้ง
                พักคั่น 10 วินาที
                เกร็งข้างต่อไปแบบเดียวกัน
                และ พักคั่นก่อนเปลี่ยนข้าง
                ให้ทำให้ได้ ข้างละ 3 รอบ


          มีข้อแม้ ทำแล้วเจ็บ จงหยุดทันที แสดงว่า ร่างกายยังรักษาส่วนนั้นอยู่ รอวันครับ ค่อยๆ เพิ่มจำนวนไปจนทำได้ครับ เจ็บมากก็เลิก เว้นวันได้

          ผมนั่งอ่าน ลองเกร็งกล้ามก้นซ้ายขวา จนครบ คือผมไม่เจ็บมากแล้ว นั่งอยู่ ราวๆ 2 ชั่วโมงครึ่ง ลุกกลับบ้าน คราวนี้เดินโดยใช้กล้ามก้นไปด้วย ซึ่งผมลืมใช้ หรือ ใช้น้อยมาตั้งแต่เริ่มเจ็บ คราวนี้ผมเดินคล่องมากๆ จนตกใจ และสังเกตุว่า พอจะไปเดินขึ้นบันไดคอนโด ด้านหน้า และด้านในไปขึ้นลิฟต์ ผมใช้เวลาไม่มาก และ พักรอฟื้นอาการเจ็บที่ยังมีที่หลัง น้อยลงไปอย่างเห้นได้ชัด ปกติต้องพักราวๆ 10 นาที แ่ต่พอใช้กล้ามก้นช่วย ไม่ต้องนานครับ

          แล้วผมยังอ่านเพิ่มจากบทความอื่นผมไปเจอ ท่าออกกำลังกายแบบเดียวกับของคุณแอน ที่ท่านนี้ปวดสะโพกมากๆ แล้วกล่าวถึงอาการ กล้ามเนื้อเกร็งไปหนีบเส้นประสาท แล้วเขาเจ็บที่สะโพก เมื่อนำมาประยุกต์กับการเกร็งกระตุ้นกล้ามก้น ที่มีเส้นประสาทพาดผ่านด้านล่างไปออกสะโพก คืนนั้นผมก็หายจากอาการปวดสะโพกทันที มีร้าวๆ แต่พอเป็นก็เกร็งกล้ามก้นสู้ช้าๆ นับ 3 วิ คลาย มันหายจริงๆ ครับ ผมยังเอามือ มาอังๆ บริเวณที่เจ็บไปด้วย ส่งพลังครับ

         แล้วก็บังเอิญไปเจอ จุด Trigger Point คือ กดจุดรักษาโรคนั่นล่ะ เขาว่า ราคาถูกแต่ให้ผลการรักษาเยี่ยมๆ คือลากตามเส้นกล้ามเนื้อหลังลงไป อยู่บริเวณเหนือข้อสะโพกมาทางบั้นเอว จุดนี้กดแล้วหายแทบทันที คือกดจุดบ้าง  เกร็งกล้ามก้นบ้าง   มันหายจริงๆ ครับ

        ลองค้นดูนะครับ Trigger Point กับกล้ามก้น หรือ ปวดสะโพก ประมาณนี้ จะได้ตำแหน่งที่ชัดเจนขึ้น

        จากนั้นวันไหนเดิน ก็อย่าไปคาดหวังก่อนว่า จะดีมากๆ กว่าเดิม เอาเป็นว่า ทรงอาการแล้วทำไปสัก 1-2 วัน มีคนทักผมมากเลยว่า พี่ๆ พี่เดินดีกว่าเดิมมาก แบบนี้ครับ

        จำไว้นะครับ ทำแล้ว เจ็บ มีผลข้างเคียง มีอาการแปลกๆ เลิกก่อน เว้นสัก 1 - 2 วันค่อยมาทำใหม่ๆ และจงทำท่ายืดเส้นสำหรับคนปวดหลัง ประจำ เช้า หรือ เย็น ช้าๆ ท่าใดทำแล้วดี สะสมไว้ แต่วันใดทำแล้วมันเจ็บ เลิกและเว้นไปก่อน อย่าลืมว่า ร่างกายของเราก็กำลังรักษาตัวเอง อย่าไปทำซ้อนกันครับ
ลุกๆ นั่งๆ เดินๆ บ้าง ทุกๆ 2 ชั่วโมง อย่านั่งจม ครับ

         หากอาการมีข้อ ขา อ่อนแรง ก็ลองค้นการทำกายภาพบำบัด ข้อเท้าอ่อนแรง ขาอ่อนแรง ต้องฝึก-ขยับข้อไว้เสมอ ช้าๆ บ่อยๆ ครับ ลองดูครับ

         ยังมีคลิปของหมอสุวัฒน์ เชียงใหม่อีก ลองตามไปดูครับ สำหรับโรคนี้โดยตรงครับ
 
                                             ขออนุโมทนาบุญคุณหมอ สุวัฒน์ ไว้นะที่นี้ครับ
                                              ขอให้ช่วยกันแชร์เพื่อเป็นวิทยาทานครับ


        เราต้อง มีศรัทธา  มีมานะ และมีวินัยครับผม   ใครอ้วน อย่าคิดมาก ลดให้ได้เดือนละ 2 กิโลกรัม ทำไปเรื่อยๆ ปีหนึ่งไม่ต่ำกว่า 10 กิโลกรัมแน่ๆ ง่ายๆ คือ งดข้าวมื้อเย็น ทานผลไม้ น้ำมากๆ เอาให้ครบ 5 หมู่ต่อวันก็แล้วกันครับ

          ขอให้ทุกท่านสุขภาพดีถ้วนหน้าครับ  อ้ออย่าลืมตามลิงค์ข้างบนไปอ่านบล็อกต้นฉบันของคุณแอนด้วยนะครับ

สวัสดีครับ
คุณบอลล์ :0)

Saturday, May 24, 2014

การเพาะกาย กับคุณูปการทางตรง และทางอ้อม ยามเจ็บไข้ได้ป่วย (ปวดหลัง)

สวัสดีครับ

   คนที่เคยปฏิบัติมา หมายถึงทางด้าน สมถะหรือวิปัสนากรรมฐาน คงไม่มีใครไม่เคยได้ยินคำว่า
มรณานุสติ อันหมายถึง ทุกคนมีที่หมายคือ ต้องตายกันทั้งนั้น เป็นการมีสติ เตือน ตัวเอง ตลอดเวลา ทำให้ มีสติทำให้สิ่งอันควร นี่พื้นๆ หากเป็นผู้ปฏิบัติจริงจัง สามารถทำให้เข้าใจเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดและ เบื่อในการเกิดได้จริงๆ ข้อนี้ เป็นวิปัสนา

    ตัวผมเองมีความรู้เพียง หางอึ่งพอได้ศึกษามาบ้างก็พบว่า ยังไม่ต้องคิดเรื่องตายหรอกครับ เพียงได้เจ็บหนักๆ แรงๆ ก็พอจะเห็นภาพและได้สติในหลายๆ เรื่องว่า ชีวิตนี้มีค่านัก จงเร่งทำความดีเถิด และ ซาบซึ้งในพระคุณของพ่อและแม่ อย่างสูงยิ่ง

    ยามที่เรายังแข็งแรง เราน้อยนักจะเห็นความสำคัญของเพื่อนรัก คือ ร่างกายของเรา เพราะมันเป็นของตาย และอยู่กับเรามาแสนนาน จนวันที่เราบาดเจ็บหนัก ป่วยแรง และเต็มไปด้วยคำถามมากมาย เราจะทราบดีว่า พระคุณ พ่อแม่ นั้น สูงส่งเพียงใด

     เอาแบบพีื้นฐานที่สุด หยาบๆ พระคุณพ่อแม่มองได้จากที่ไหน   สำหรับผม มองเห็นได้จากร่างกาย ของเรา ที่ กินได้ นอนหลับ ตื่นขึ้นมา ลุกนั่งสบาย มีแรงกายไปทำงาน และเพียง ลุก นั่ง ยืน เดิน และ นอน ได้อย่างสบายๆ ไม่มี อาการเจ็บปวดใดๆ เราจะบอกว่า นี่เราโชคดี จริงๆ ไม่ใช่แค่นั้น

    ต้องคิดต่อไปว่า อะไรคือต้นเหตุแห่งความโชคดีนี้ล่ะ

     คำตอบคือ พ่อแม่ ที่ให้ร่างกายและจิตใจของเรามา  คุณภาพชีวิตที่อยู่มาได้อย่างไม่เจ็บป่วย หรือ ปวด คือ ชีวิตที่พ่อแม่ให้


      จนวันที่เราเจ็บป่วยเราจึงรู้ค่าว่า ร่างกายนี้สิคือ ของขวัญชิ้นสำคัญที่พ่อแม่มอบให้  และคนเราต้องมี พลังศรัทธา ในการรักษาตัวเอง โดยมีหลักส่วนตัวดังนี้

หลักในการรักษาตัวเอง จงอย่ายอมแพ้

1. มีศรัทธาในการรักษาตัว ปรับใจลงมากลางๆ แล้วตั้งใจว่า ต้องรักษาตัวเองให้ดีที่สุด
     +การแพทย์ปัจจุบัน
     +การบำบัด, กายภาพบำบัด
     +การแพทย์ทางเลือกต่างๆ
     + การรักษาโดยพลัง เช่น ชี่กง โยคะ และอ่ืนๆ

2. เข้าหาผู้ใหญ่ พูดคุยแบ่งปัน อย่าเก็บปัญหาไว้คนเดียว

3. พูดคุยกับญาติ หรือ เพื่อน กำลังใจสำคัญ

4. จงต่อสู้ และ คนรอบข้างจะร่วมสู้กับคุณ

5. ยามว่าง ต้องหาความบันเทิงใจ ที่ไม่ทำให้อาการคุณกำเริบ ของผม ฟังเพลง ดูหนังที่ห้อง
    แต่ต้องไม่มากเกินไป

6. หลวงพ่อจรัล วันอัมพวัน สิงห์บุรี ท่่านว่า  สวดมนต์เป็นยาทา  วิปัสนาเป็นยากิน ทั้งกินทั้งทา ย่อมดีแน่
    จะป่วยหนัก ป่วยไม่หนัก ทำข้อ 6.นี้รับรอง มีแต่ได้กับได้ และมีผู้ป่วยจำนวนมาก หายขาด อย่างไม่น่า     เชื่อ ด้วยข้อ 6. นี้

ึ7. งดอบายมุขทุกชนิด เพื่อป้องกัน ทุกข์ใหม่ๆ ขจัดทุกข์เก่า

8. เชื่อว่า เราต้องทำได้ มีศรัทธา เสมอ และ เจริญอิทธิบาท 4 ธรรมแห่งความสำเร็จ พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ว่าเป็น ธรรมะแห่งความสำเร็จ พุทธพจน์เป็นคำจริง ดังนั้น เจริญมากๆ เราหายเจ็บป่วยได้แน่นอน

  ผมมีคร่าวๆ 8 ข้อนี้

 เอ้าวันนี้พาเข้าหัวข้อก่อนครับ สำหรับคนที่เจ็บหลัง และต้องใช้ไม้เท้า จะเป็นแบบในรูป หัวกลม แบบมือจับ หรือแบบใดก็ตาม มันคือการใช้ไม้เท้า พวกเราเป็นนักเพาะกายแน่ละ มวลกล้ามเนื้อมากกว่าคนทั่วไป นั่นคือ น้ำหนักตัวย่อมมากกว่า ระดับถัวเฉลี่ย ยามไม่เจ็บหลัง ไม่มีทางรู้ว่า น้ำหนักที่มากกว่า ยามที่ต้องใช้ไม้เท้า มันมีผลต่อมือข้างที่ใช้ไม้เท้า อย่างไม่น่าเชื่อครับ มันคืออะไร?

                                                              มันคืออาการ กลุ่มที่เรา รู้จักดี
                                                                       นิ้วล็อค นั่่นเองกั



    ที่ผมว่า พวกเรานักเพาะกายรู้จัก อาการนิ้วล็อคกันดี เพราะนิ้วล็อค เกิดมาจากการ ยกของหนัก และผมขอแถมคือ การที่ฝ่ามือต้องยันกับวัตถุเดิมๆ ซ้ำ อีกด้วย โดยมีน้ำหนักกดลงมาจากลำตัวและแขนมาที่ฝ่ามือโดยผิดธรรมชาติ ในที่นี้ คือการใช้ไม้เท้า นั่นเอง

    นักเพาะกายจำนวนหนึ่งจะมีอาการนิ้วล็อค หลังจากฝืกได้ไม่นาน แต่คนที่อ่านบล็อกนี้ของผม จะไม่กลัวนักเพราะผมเคยเขียนบทความไว้แล้วว่า เรารักษาตัวเองได้ และได้จริงๆ ขณะที่เพิ่งเริ่มเป็น ซึ่งลองตามหาอ่านนะครับในบทความเก่าๆ สาเหตุจากนิ้วล็อค มาจาก วงแหวนของเอ็นนิ้วมือ มันอักเสบครับ ทางการแพทย์ เขาจะเข้าไปตัดมัน ง่ายๆ แต่หากเพิ่งเริ่มเป็น รักษาได้ครับ เพราะผมรักษาตัวเองมาแล้วและหายขาดมาก่อนๆ เอ้าบอกคร่าวๆ เน้นคนเพิ่งเริ่มมีอาการนะครับ เช่น ตื่นมาตอนเช้า มีนิ้วหนึ่ง งอเป็นมุมฉาก ไม่ยอมยืดเหมือนเพ่ือนๆ  หากลองดัดเบาๆ ลองกำมือ สักพัก เขาคลาย ก็ให้ทำดังนี้

     -เอามือข้างที่เป็น มาจับข้อมืออีกด้านโดย วางนิ้งโป้งขนานไปกับท่อนแขน อย่าไปกำ 
     - นิ้วที่เหลือ กำท่อนแขนเหนือข้อมือไว้ แล้ว ให้ดึงเนื้อที่กำไว้ถอยออกมา แล้วกดปลายนิ้วทั้ง 4 ลงไป จะได้ยินเสียง ครึ้ก รู้สึกไปถึงโคนทุกนิ้ว นั่นล่ะ ทำสัก 2-3 ครั้ง
     - จากนั้น ทาพวก แซมบัค ที่ โดนนิ้ว หรือทั้งฝ่ามือ เรียบร้อย
   ให้เลิกเล่นเหวต สัก 7-10 วัน รับรองหายครับ จากนั้นเวลากลับมาเล่น จงใส่ถุงมือเสมอ ครับ

   จากความรู้เดิมข้างต้น ผมเจ็บหลังและใช้ไม้เท้ามาราวๆ เกือบเดือน เช้าวันหนึ่ง ตื่นมา มือระบมครับ และมีอาการนิ้วล็อค ผมก็เฉยๆ เราเล่นเหวตมาเรารู้จักอาการนี้ดี  ก็ทำเหมือนที่บอก และ ผมพิสูจน์ว่า ผมทำได้จริงๆ 2 วันอาการปวดแปล็บๆ ทั้งฝ่ามือหายและนิ้วล็อคก็หาย ทำไม?


   ที่ผมหายนิ้วล็อคอีกแล้ว ก็เพราะมันคืออาการเดียวกับ การยกน้ำหนักนั่นล่ะ จนผมสรุปได้เองว่า หากมีน้ำหนักกระทำกับมือแบบผิดธรรมชาติ มันจะเป็น ดังนั้น ผมก็รักษาตามวิธีของผม และเอา ถุงมือเพาะกายมาสวม ดังรูป แล้วผมก็ไม่เขินอาย ผมสวมมันเวลาใช้ไม้เท้าไปข้างนอก แล้วมันก็หายขาด ครับ จริงๆ มันเท่อีกต่างหาก คุณว่าไหม 



       ภาพตอนสวม เป็นถุงมือที่ผมเคยเขียนบทความสมัยก่อน ยังสภาพดีมาก ซื้อหาได้ที่แผนกกีฬาตามห้างครับ ผมซื้อที่ The Mall ครับ 3 ปีแล้ว เป็นแบบรัดที่ข้อมือ เป็นแถบติดกันดีเสียอีก เวลาย้ำน้ำหนักลงไปมันคอยเซฟข้อมือให้เราอีกด้วย แล้วเวลาขึ้นรถ หรือ อะไร เราจะคว้าจับ ก็ยังแน่นไม่ลื่นอีกต่างหาก ลดภาระมือของเราไปได้ มากโข นี่ล่ะที่ว่าประโยชน์ทางอ้อมของการเพาะกาย เรามีอุปกรณ์พวกนี้ในห้องในบ้าน ไม่ต้องไปหาซื้อที่ไหนให้เมื่อยครับ บวก ความรู้จากบล็อกนี้เรื่องนิ้วล็อคทำให้เรารักษาตัวเองได้อีกต่างหาก

ภาพขณะสวมถุงมือและจับไม้เท้า ตามที่คนเราถนัด

   อย่างไรก็ตามประโยชน์อีกข้อของการเพาะกายคือ การรู้ว่า การใช้ท่าออกกำลังที่ถูกต้อง จะทำให้ชีวิตเราสบายขึ้น ไม่อันตราย รูปข้างต้นคือ การจับที่สวมวันแรก เพราะมันยังเจ็บๆ แปล็บๆ หากสวมถุงมือแล้วยังเจ็บให้จับแบบ ดัชนี้ชี้พื้น คือ ยืดนิ้วชี้ลงไปตามความยาวของไม้เท้า และ มีนิ้วโป้งประคองยืดเช่นกัน ขณะใช้ฝ่ามือเป็นเสมือนเป้าคลุมหัวไม้เท้าไว้ คุณจะพบว่า รับน้ำหนักได้ดี และ ไม่เจ็บมือครับ คนที่อาการเจ็บหลังทุเลาแล้ว จับท่านี้ก็ยังไหวครับ


ภาพแสดงให้เห็นมิติต่างๆ ของมือ ถุงมือ และ หัวไม้เท้า

   ขอให้ท่านจดจำสิ่งที่ผมเขียนเผยแผ่นี้ไว้ เป็นวิทยาทานครับ สำหรับคนใช้ไม้เท้า คนเจ็บหลัง การสวมถุงมือสามารถช่วยคุณจาก อาการนิ้วล็อคได้ ซึ่งหากเราไม่รักษามันจะเป็นการ ซ้ำเติมอาการ ที่จะใช้ไม้เท้าก็ยังใช้ไม่ได้ เพราะเจ็บมือ นิ้วล็อค นี่เป็นวิทยาทาน เป็นกุศลแรง ขอให้เรามาช่วยกัน แชร์ไปนะครับเพื่อเป็นวิทยาทาน สืบไป
  
   เล่าจากประสบการณ์จริง สวัสดีครับ

 สวัสดีครับ
คุณบอลล์ :0)

Sunday, May 18, 2014

ข้อสังเกตุ นักเพาะกายที่ กลายมาเป็นคนป่วยชั่วคราว อ่านกันครับ

สวัสดีครับ

    กายเพาะกายนั้น สร้างคุณูปการ ให้กับนักเพาะกาย มากมายจริงๆ เพราะกล้ามเนื้อ ฟ้องให้คนรอบข้างได้รับรู้ว่า เราแข็งแรง แกร่งเพียงใด ไม่ต้องแสร็งทำ หรือ กร่างไม่เข้าท่า กล้ามเนื้อมันบอกได้ชัดครับ ไม่ต้องไปสร้างภาพใดๆ

    ประโยชน์อีกข้อคือ หากเราหัดมาพอสมควร เราอาจพร้อมรับความเจ็บไข้ได้ป่วยได้ดี กว่าที่เราจะคาดคิด ตัวผมเองตอนนี้ เป็นโรคเจ็บหลัง ไม่ได้มาจากเพาะกายนะครับ แต่มาจากวิถีชีวิต ที่ ดันไปนั่งหลังค่อม จนติดเป็นนิสัย แล้ววันหนึ่งอาการเจ็บหลังเฉียบพลันก็เกิดขึ้น

     แต่แม้จะเจ็บร้าวอยู่ราวๆ 3 วันก็ยังทนอยู่ได้ กับการกินพารา เป็นระยะๆ (ตัวอย่างที่ไม่ดี จริงๆ แล้วหาหมอก่อนดีกว่าครับ) คราวนี้มันให้ความรู้ผมเรื่องการเจ็บหลังมากพอควร ครับ

     วันที่ 3 น่ะ ผมสามารถฝืนเดินไปซื้อเสบียงที่ 7-11 ได้ด้วยตนเอง แปลกใจว่า ขามันพาไปไหวได้อย่างไร นั่นเพราะ ผมเคยเล่นเพาะกายขา มาอย่างหนักครับ เช่น Leg Press เป็นต้น

    การเดินลงไปจากคอนโดแม้จะมีลิฟต์แต่บันได ทีหลายแห่งผ่านได้ เพราะ ขาเราเคยเพาะกายมา นั่นเอง ผมยังคิดว่า หากเป็นสมัยก่อน ป่านนี้ คงเดินยากล่ะ

    หลังจากเป็นได้ `4` วันก็พบหมอ คุณหมอก็ดูแลอาการให้ยา และ เจลมาทา ก็พอบรรเทา และอาการปวดแรงๆ หายไปมาก แต่ อาการ ขาอ่อนแรงตามมา แต่เชื่อไหม ขนาดนั้น ผมก็ยังเดินได้ แม้จะช้าลง
จงสร้างกล้ามเนื้อไว้ครับ เพราะหากมีเรื่องฉุกเฉิน คุณยีงช่วยเหลือตัวเองได้บ้างแบบผม

    ขอให้ฝึกเพาะกายกันไว้บ้าง เพื่อช่วยพยุงรักษาร่างกายคุณในอนาคต และในยามที่ต้องการ

เท่านี้ก่อน

สวัสดีครับ
คุณบอลล์
:0)

Thursday, May 1, 2014

กล้ามเนื้อหลััง และ กล้ามเนื้อหลังส่วนล่าง กับการนั่งหลังตรง

สวัสดีครับ

    ผมเคยมีประสบการณ์ เป็นโรคเจ็บหลัง และ ขอนำเรื่องนี้มาเล่าให้อ่านกัน

กรณีการเจ็บหลังมีได้หลายสาเหตุ แต่ปัจจุบัน การเป็นคนที่เจ็บหลังกลับอายุน้อยลงทุกที วัยทำงานส่วนมาก เริ่มตรงนี้ก่อนเลย เพราะการทำงาน มันบังคับให้เรานั่ง อย่าไปไหน จริงไหม

  การนั่งตลอดวัน มันผิดธรรมชาติของคนอยู่แล้วครับ แล้วยังนั่งหลังไม่ตรงอีก แรงดันรับน้ำหนักมันไปลงที่กระดูกสันหลัง ส่วนล่างเยอะมาก เคยเห็นคนเขียนไว้ว่า น้ำหนักตัวุคุณ ต้านกับแรงต้านของเก่้าอี้เลยนะครับ นี่ล่ะน่ากลัว ท่านั่งคือท่าที่รับน้ำหนักมากที่สุดครับ ระวังๆ

   ดังนั้น คุณก็แก้ง่าย ๆทำเป็นลุกไปคุยงาน ไปห้องน้ำ ไป ปรึกษาหัวหน้า งัดออกมาครับ ทุก 2-3ชั่วโมงให้ได้ลุกเดินจะดีที่สุด และ

   จงไปหาท่าออกกำลังที่สร้าง หรือ บริหาร กล้ามเนื้อหลัง บน กลาง ล่าง มาทำเป็นประจำ คุณก็จะป้องกันอาการปวดหลังได้ ครับ เพราะกล้ามเนื้อจะคอยช่วยพยุงอีกแรง

หมายเหตุ: ข้างต้นคือ สำหรับคนที่ยังไม่เป็นนะครับ คนที่เป็นแล้วให้ปรึกษาหมอก่อน ว่าออกกำลังกายแบบไหนได้บ้างครับผม


   ที่สำคัญ จงนั่งหลังตรงเสมอ จำไว้นะครับ อย่าลุกเร็ว นั่งเร็ว ตอนนี้ไม่เป็นไร แต่พออายุมากขึ้น มันปวดหลังได้

    มีอาการปวดหลังไม่ไหวก็อย่าฝืน ไม้เท้าครับ จะทำให้อาการหายเร็วขึ้น โดยพื้นฐานที่ผมลองมา ปวดข้างไหนมาก ไม้เท้าไว้ข้างนั้นครับ โดยวิธีเดิน ด้วยไม้เท้า ที่ผมใช้คือ

   สมมุติว่า เจ็บหลังซ้าย  ไม้เท้า ไปหน้าก่อน นับ หนึ่ง ลงพื้น แล้วขาซ้ายตาม จากนั้น ดันไม้เท้าไปด้านหลัง นับ 2 3 หรือ 4 ไม้เท้าเป็นภูมิปัญญาโบราณครับ ใช้ไม้เท้า ผมว่าจะหายเร็วกว่าไม่ใช้ครับ

   แม้จะดีขึ้น ก็ให้พกไม้เท้าไว้ก่อน จนโอเคจริงๆ ค่อยเลิกครับ

    คุณควรทำประกันชีวิต หรือ ประกันภัยไว้ เพราะอาการปวดหลังมักจะ ดูกัน มากรอบ หมอจะนัด จะได้ช่วยให้ค่ารักษา ฟรี ครับ ทำไว้เถอะครับ

  ยังมีอีกเรื่องคือ หลายปีก่อน ฝรั่งพบว่า เรื่องจิต สมาธิ ลดอาการปวดหลังได้ครับ โดยให้คุณทำสมาธิสัก 15 นาที แล้วตั้งจิตเพ่งไปที่บริเวณที่ปวด แล้วคิดว่า ให้หายดีเป็นปกติ เอามือลูบได้แต่อย่าไปนวดนะครับ

   ขอให้ทุกคนหายดีครับ

ปล. ถ้ากำลังเป็น อย่ามัวรอ ไปหาหมอครับ เขาซักคุณไม่นาน ก็เรียบร้อย อาจมีต้องเอ็กซ์เร ก็ครั้งแรกน่ะครับ ให้บอกหมออย่างละเอียด อย่าอาย แต่ต้องสุภาพ ท่านจะได้วินิจฉัยได้ตรง ครั้งต่อๆไป หากตรวจต่อเนื่อง จะง่ายแล้ว เพราะหมอก็ถามอาการ ครับ น้อยๆ ก็กินยา เป็นแค่กล้ามเนื้อ หากมากกว่านั้น ก็ดึงหลังอะไรไป ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านครับผม  อย่ามัวรอให้เจ็บหลัง เป็นแล้ว ไม่ยอมหายรีบไปหาหมอครับ ให้นับวันที่เริ่มมีอาการวันแรก ไปบอกหมอด้วยครับ
     

สวัสดีครับ
คุณบอลล์ :0)