Thursday, January 29, 2015

ความคล้ายคลึง ของศาสตร์แห่งปราณ และ การเพาะกาย

สวัสดีครับ

      พวกเราที่เล่นเพาะกายกันเป็นประจำ ย่อมคุ้นชินกับเรื่องของ การควบคุมลมหายใจ กันเป็นแน่แท้ เพราะว่าหากไม่ควบคุมให้ดีอาจทำให้ เกิดการบาดเจ็บได้ หรือ ทำลายสุขภาพกันได้เลย

       พอผมได้มาฝึกทางด้าน ปราณ หรือ จีนเรียกว่าพลังชี่ ก็ได้มีโอกาสอ่านข้อมูลมากมาย และผมเจ็บหลังทำให้ได้นำมาใช้ และช่วยเรื่องอาการบาดเจ็บได้เป็นอย่างดี จึงนำมาเขียนให้แฟนๆ คอลัมน์ได้อ่านกันครับ

      เริ่มจากทางฝั่งปราณกันก่อน ปราณ ที่ผมเริ่มฝึกในทีแรก เป็นของจีน ผมศึกษาจาก Youtube นี่ล่ะ เพราะตอนนั้น กำลังเจ็บใหม่ๆ อะไรที่ว่าดี เอาหมดครับ โยคะ ก็ทำ ยืดเส้นก็ทำ ท่าบำบัดดีๆ ก็ค้นหา ด้วยความเพียรจน พบของดีเป็นท่าต่างๆ ที่เขียนไว้ในบทความก่อนๆ ลองหาอ่านเอานะครับ คนที่ปวดและเจ็บหลัง

       ตอนนั้นจำได้ เป็นลมปราณของ บู๊ตึ๊ง ที่คนมีชื่อเสียงของไทย ทำแล้วได้ผล และเผยแผ่เป็นวิทยาทานผ่านรายการโทรทัศน์ ซึ่งก็ราวๆ ยุดปี 2540 นานมาก ดีที่มีคนเอามาเผยแผ่ได้บน Youtube ซึ่งหากไม่มีอะไรแบบนี้ เราคงแย่ เพราะของดี ก็หายไปกับกาลเวลา

       ผมได้ดูคลิป ลมปราณบู๊ตึ๊งก็พบว่า นี่ล่ะหนทางที่จะทำให้เราหายดีขึ้น ก็ลองทำอยู่ 2-3 เดือน ได้ผลครับ อาการต่างๆ ลดลงไปเห็นชัด กำลังวังชาเพิ่มขึ้น ก่อนหน้านั้นผมฝึกลมปราณ ของ กวนอิมจื้อไจ้กง น่าจะใช่ ของ อาจารย์หยาง ก็เอามาจาก Youtube เช่นกัน และลองเอามาทำตอนเจ็บหลัง ปรากฎว่า ยืนไม่ไหวครับ ต้องเลิกไปก่อน การแกว่งแขน ก็ต้องเลิก เพราะต้องยืนทั้งนั้น

       สำหรับลมปราณบู๊ตึ๊ง ผมลองนั่งทำ ก็พอไหวครับ และทำต่อเนื่อง ก็มีความประทับใจเรื่อง ชี่ และ ลมปราณ อยู่ในใจเพราะมันดีจริงๆ ผมฝึกปราณไปพร้อมๆ กับ ท่าโยคะต่างๆ แล้วอาการที่ไม่คาดว่าจะดีขึ้นก็ ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งๆ ที่น้ำหนักตัวของเราก็มาก

        หลักง่ายๆ ที่สรุปออกมา หลังผ่านไป 9 เดือนคือ จงคล้อยตามร่างกายของคุณ อย่าฝืน พักมาก และ มองหาวิธีรักษาตัวเองนั่นเอง

       ตัวแปรอีกอย่างที่ทำให้หายดีมากขึ้นคือ   กำลังใจ ให้คิดแบบนี้ว่า

       ไม่กลัววันที่ท้อแท้ และหมดหวังที่สุดจะมาถึง เพราะหากมีวันนั้นเกิดขึ้น 
          เราจะเริ่มนับ 1 ใหม่ทันที ไม่ยอมจมอยู่กับ เลข 0 เด็ดขาด

บทความพิเศษ: ธรรมะสะกิดใจ ลองนับแต้มความดี เพื่อเป็นพลังใจให้ชีวิต ครับผม

อนุญาต ให้แชร์ต่อๆ กันไปได้ ครับผม :0)
____________________________________________________

ที่มา: เคยได้ยินไหม คนจำนวนหนึ่ง เคยบ่นให้เราฟังกันว่า ทำดี ไม่เห็นได้ดี
แล้วก็ร่าย บทสวดส่วนตัว อันน่ากลัว นรกจะกินหัว คือว่า...
ทำดี ได้ดี มีที่ไหน... ทำชั่ว ได้ดี มีถมไป

      ซึ่ง ปริมาณของคน ทำให้ความหลากหลายของ เวรกรรม ทั้งดี และ ร้าย เกิด ถี่ยิบเกินไป ไม่ถี่ได้ไง ประชากรโลก ประมาณ 7 พันล้านเข้าไปแล้ว นักคณิตศาสตร์ เขารู้เลยว่า โอกาส จะเกิดอะไร มันจะมากขึ้น ตามหลัก สถิติ ง่ายๆ
พอ คนไม่ดี ได้ดี ให้เห็นเข้า บ่อยๆ คนก็ท้อใจ แต่ ลืมไปว่า ธรรมชาติ ข้อหนึ่งของคนเราคือ มักลืมความดีงามที่คนทำให้ตน และคิดถึงตน มากเกิน จนใครมาทำอะไรไม่ดี จะจำกันข้ามภพทีเดียว พอเจอสิ่งเลวร้ายมากๆ ก็จะ พูดว่า

ทำดี ได้ดี มีที่ไหน... ทำชั่ว ได้ดี มีถมไป

ทุกเจนเนอเรชั่น มันจะคิดได้เอง

       ทว่าพระสังฆราช สมเด็จพระญาณสังวร ผู้ล่วงลับ ท่านได้ ตรัสไว้ใน หนังสือเล่มเล็ก "ชีวิตนี้สำคัญนัก" เอาไว้ ประมาณนี้ว่า

..เวรกรรม ดี ร้าย ที่ทำมาในอดีตชาตินั้น ไม่สามารถประมาณได้ หลายภพชาติ
มันเหมือนกับการ เขียนหนังสือ ลงไปบนกระดาษแผ่นเดียวซ้ำๆ สักรอบสองรอบ ยังพออ่านได้ แต่พอซ้ำลงไปหลายๆ รอบ สิ่งที่เห็นคือ รอยหมึกที่ทับกัน ยุบยับซับซนอ่านไม่ออก...จึงเป็นของยากของคน ทั่วไป ที่จะรู้ได้ ถึง กุศลกรรม หรือ อกุศลกรรมที่ส่งผลให้เรา ว่ามาจากที่ไหน ตอนไหนอย่างไร ...
ท่านยังตรัสต่อไปว่า