Monday, September 24, 2012

เพาะกาย น่ะเจ๋งจริงทำแล้วอยู่กับเราตลอดแต่ ต้องเหมาะสมด้วย

สวัสดีครับ คนรักสุขภาพ

   ตอนนี้ผมก็กำลังอยู่ระหว่างการเำพิ่มๆลดๆ ของน้ำหนัก เพราะให้มีเหตุหยุดเล่นเพาะกายจนได้ยาว 4 เดือนแล้ว แต่สังเกตุว่า การอ้วนขึ้นหลังเพาะกาย นั่น มันมาจากเราเองครับ แต่ผมน้ำหนักคงที่ เพราะ
ไม่ได้กินมากขึ้น คือ ระวังเรื่อง น้ำอัดลม ที่ลดลงอย่างเดียวพอ กล้ามก็ไม่ได้ หดไปไหน ไม่ใหญ่เหมือนเดิมแต่มีและยังอยู่ เช่นตามจุดใช้งาน จะอยู่เหมือนเดิมและดีเหมือนเดิม

   ผมเคยมีปัญหาที่เข่า คือ ขนาดว่า งอเข่าตอนยืนมันดัง ครึกๆ เบาๆ แล้ว แต่ก็หายมาได้ เพราะยังหนุ่ม ที่เป็นเพราะน้ำหนักตัวมาก แต่เมื่อไรที่ใช้งานเข่ามากๆ เช่นเดินทั้งวัน ก็แน่นอน อีก 3-4 วันกว่าจะหายเข่าระบม แต่เมื่อผมมาเล่น ท่า Leg press กว่า 8 เดือนในปีที่ผ่านมา ผมหายขาดครับ คือกล้ามเนื้อบริเวณ ขา แทบทุกส่วน มันแข็งแรงขึ้นเหมือนเราใส่ ชุด Iron Man เอาไว้ คือผมไม่ได้สังเกตุนัก นึกว่า
เลิกเล่นไป 4 เดือนกล้ามทั้งขาที่สร้างไว้ คงค่อยๆ หายไป ไม่ใช่ครับ เพราะพอมันสร้างไว้แบบรับอะไรหนักๆ ไว้แล้ว ขามันยังใช้ทุกวันทำให้กล้ามได้ออกกำลังทุกวัน มันเลยอย่างน้อยยังอยู่เป็นส่วนมาก เดือนนี้ ผมต้องเดิน ทั้งขึ้นบันไดบ่อยๆ แบบว่า เหนื่อยเลยแต่ขาผมไม่มีอาการอะไรเลยแม้แต่น้อย

  ทำให้ศรัทธามากๆ กับการเพาะกายครับ ผมจึงมีแนวคิดว่า นอกจาก การบำบัดแบบต่างๆ แล้ว สมมติว่าเรามีโรคอะไรก็ตาม หากเกี่ยวกับ ข้อ กระดูก น่าจะพ่วงการเพาะกาย ตามความเหมาะสมเข้าไปด้วย เพราะกล้ามเนื้อในบริเวณที่เจ็บจะเข้ามาพยุงอาการเจ็บได้ และเหมือนมีคนประคองเราไปในตัวทำให้ไอ้ที่หายไ้ด้ 80 % ก็กลับเป็นเต็ม 100 ไปได้นั่นเอง


                                               คนนี้เคยดูใน NHK ครับ น่าจะเป็นแชมป์ของญี่ปุ่น
                                               คนหนุ่มอย่า สำออย ว่าทำไม่ได้ครับ


   เอาล่ะ มาต่ออีกประเด็น เรื่องคนอ้วน เริ่มมาเล่นเพาะกาย

   สำหรับผม เอาประสบการณ์ของตัวเอง แต่ความเห็นนั้น เป็นแบบ ของใครของมัน นะครับ ลองนำไปปรับใช้ นั่นคือ ผมลองมาแล้ว 8 เดือน เพิ่งมาพบจุดอ่อนของ คนอ้วนแบบผมว่า ผมกลัวกินไม่พอ และมีเสริมนั่นนี่เข้าไปใน อาหาร 6 มือตลอด บางทีคิดว่าไม่เป็นไร อย่าง ขนมปังกรอบเคลือบน้ำตาลหน่อยๆ ทำไมทำมา กินมันทุกครั้งเลยทีเล่น อีแบบนี้มันเลยไม่ลดครับ ไขมันยังมี กล้ามก็มี แต่มันไม่เห็นครับ แต่เรารู้ว่าเรา แกร่งขึ้นมาก


    ทีนี้ผมเลยคิดเปลี่ยนกลยุทธ์หน่อย ผมเปลี่ยนจากเล่นหนัก มาเล่นแบบปานกลาง คือเล่นให้กล้ามยังมีและแกร่งแบบค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป โดย ไปเน้นการลดน้ำหนัก แบบธรรมชาติ จาก การเดิน ครับ ตอนนี้เดืนได้ประมาณ 2 กิโลเมตรต่อการเดิน 1 ครั้ง สัปดาห์ละ 4 วัน ครับ ต่อไปจะเป็นประมาณ 3 กม.ต่อครั้ง



     ผมเคยทำได้มาแล้วลดจนกางเกงเดิมสวมไม่ได้ ใส่แล้วหลุดกองพื้น ใน 4-5 เดือน เนื้อหนังไม่ห้อยด้วยเพราะค่อยๆ ลดลง  ผมเลยกะว่า จะเล่นกล้ามแบบประคองพอแล้ว แต่ขอลดน้ำหนักให้เห็นว่า ลงจริงๆ เพรียวลง สัก 5 เดือนก่อนครับ จากนั้นค่อยเพิ่มความเข้มขึ้นในการเพาะกายขึ้น ซึ่งข้อดีคือ

    1. เห็นผลก่อนว่าเราเพรียวลงชัดเจน เกืดกำลังใจ
    2. ไม่เหนื่อยเกินไป
    3.  มีแรงบันดาลใจสร้างกล้ามต่อไปอีก


   ได้ทั้งความสมส่วนและ กล้ามไปพร้อมๆ กันครับ

ลองนำไปประยุกต์กันดู

สวัสดีครับ







Tuesday, September 11, 2012

หันมา "ทำกินเอง" เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น

สวัสดีครับ คนรักสุขภาพทุกท่าน

   หลังจากที่เป็นเวลานานพอสมควรที่ห่างหายไปกับการเขียนบทความ ผมได้รื้อฟื้นสิ่งดีๆ บางอย่างกลับมาทำใหม่
นั่นคือ การ "ทำกินเอง" ซึ่งจากที่ทดลองเพียงวันแรก อะไรที่ลืมไปแล้วก็เห็นผล การทำกินเองสามารถทำได้ง่ายๆ
โดย การคุณ (ผมสมมติว่า พวกเราคือ ชาวคอนโด ห้องเช่า ที่อยู่ตัวคนเดียว) จัดหาอุปกรณ์ สายคาร์บ หรือ คาบอร์ไฮเดรต
มาเป็นของคุณก่อน เฉลย มันคือ หม้อหุงข้าวไฟฟ้า ทั่วไปนี่ล่ะ ราคาให้สูงหน่อย สัก 1500 บาท ขึ้นไป ลงทุนทีเดียวยาวเลย
เพราะจะได้มีเคลือบโน่นนี่ ทีตัวหม้อ ปลอดภัยอีกด้วย

   เมื่อมีหม้อหุงข้าวไฟฟ้าแล้ว เราก็ซื้อข้าวถุง เน้น ข้าวกล้อง หรือ ข้าวซ้อมมือ เป็นหลัก เห็นไหมแววสุขภาพเริ่มฉายแล้ว และ
หุงข้าว 2 ชนิดนี้กินให้ได้ ทั้งปี ครับ

    การทำกินเอง คงไม่ใช่แค่ การหุงข้าวแบบนี้ แต่สำหรับคนเร่งรีบ ไม่มีใครดูแล ที่ทางห้องหับก็ไม่ใหญ่อะไร เรายังมีโจทย์ยากอีกข้อ
คือ กับข้าว จะทำยังไง ทางเลือกสมัยก่อนของผม คือ

    หุงข้าวก่อน เสร็จแล้ว ตักลงโถ ใหญ่ๆ แล้วปิดฝาชีไว้ จากนั้น ใช้หม้อข้าวต้ม กับ หมู ปลา เป็นต้น ซึ่งพบว่า มันเสียเวลาและค่าไฟมาก
ต่อมาทดลอง ต้มมันไปพร้อมหุงข้าวเลย ปรากฎว่า Work ครับ จะเนื้ออะไรมันก็สุกพร้อม หุงข้าว เสมอ แต่ จุดสังเกตุคือ มันหุงนานเป็นพิเศษ
แต่ก็พอกล้อมแกล้ม คือ เราจะ มีข้าว และ กับข้าวกินเองแล้ว  

    ตอนนี้เท่ากับเรามีเสรีภาพในการหุงหาอาหาร ไม่ต้องไปฝากท้องกับ ร้านอาหารอีกต่อไป ขั้นต่อมา ยังต้องเติมอะไรอีก

  ขั้นต่อไปคือ ผักต่างๆ ครับ ให้ซื้อมาอย่างน้อย 2 ชนิด สำหรับทุกสัปดาห์ การกะจำนวนให้เหมาะสมคงต้องดูจาก ตัวของคุณว่ากิน จุไหม
ต้องหาจำนวนนั้นเอาเอง ของผมตัวใหญ่ เล่นกล้าม ก็กินมากหน่อยครับ

  จะเห็นว่า ผ่านขั้นตอนนี้ได้ ใครๆ ก็รู้ว่าสุขภาพย่อมดีแน่ๆ เพราะอะไร?

1.ข้อแรก เราหันมากินข้าวซ้อมมือ หรือข้าวกล้องแทนข้าวขาว มันดีกว่าอย่างไร คุณรู้ดีอยู่แล้ว ถามว่า หากกินตามร้านมีแบบนี้ไหม หาได้น้อยมาก
แม้แต่ ร้านดังๆ ไม่ว่าจะเป็น สุกี้ อาหารญี่ปุ่น เขาก็ยังไม่เสิร์ฟ ข้าวกล้องหรือข้าวซ้อมมือนะครับ

2.ข้อสอง คุณจะได้กินผักทุกวัน ในปริมาณที่มากพอ ผมถามให้คุณตอบแบบซื่อสัตย์ ว่า คุณได้กินผักจริงๆ ครั้งสุดท้ายตอนไหน กินผักเป็นเครื่องเคียงไม่ใช่ผักในจาน ที่สั่งมากิน ซึ่งมีผักนิดเดียวไม่นับนะครับ

3.ข้อสาม รายจ่ายของคุณจะลดลงในปริมาณ มหาศาล  เพราะกินข้างนอก นี่ มื้อใน กทม. เอาให้อิ่มๆ ในย่าน ธุรกิจหน่อยนี่ 35 บาท ยังไม่แน่ว่าจะอิ่ม
ไม่นับน้ำหวานต่างๆ ก็พวกกาแฟ นั่นล่ะ แต่หากคุณทำกินเอง และนำ ไปกินที่ทำงานได้ จะประหยักขนาดไหน ลองคิดดู สมมติว่า

   1 วัน ต้องเสียเงินกินข้าว 3 มื้อ ราวๆ 130 บาท คิดแบบตัวเลขกลมๆ รวมน้ำหวานแล้ว เดือนหนึ่งทำงาน 22 วัน เป็นเงิน 2860 บาท คิดเผื่อกินเพิ่มบ้างเป็น 3000 บาท หากคุณทำกินเองได้ครบ 3 มื้อ คุณประหยัดเงินไป 3000 บาทเลยนะครับต่อเดือน คิดเป็นค่าซื้อข้าว ซื้อกับมาทำกินเอง ของผม อาจเสียค่าอาหารไปราวๆ 2000 บาท แต่ตรงๆ ไม่มีเพิ่มลด ผมยังกำไร 1000 บาท และกำไรแฝงอีก นับไม่ได้เพราะ
สุขภาพที่กลับคืนดี ได้กิน ผักปลา กับเขาบ้าง ข้าวก็ข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ มันเอาเงินล้านแลกมาไม่ได้ ต้อง ใช้ตัวเราทำเอง กินเองเท่านั้น

   ค่าไฟ ค่าน้ำ หากมีเพิ่มขี้นบ้างก็ยังคุ้มอยู่ดี

    ราว 2 วันแรกที่หันกลับมาทำกินเอง พบว่า มันทำให้ผมมีอิสระ ตื่นมาหิว ทำกินได้เลยไม่ต้องรอร้านเปิด 9 โมง สดชื่นเพราะกินผัก อาหารมึนชา ตลอดวัน หายไปเลย คงเพราะสารอาหารดีๆ จากข้าวกล้องและผัก อ้อผลไม้ก็ต้องกินประจำนะครับ การขับถ่ายดีขึ้น เพราะปริมาณออกมามากและมีคุณภาพ
ฮ่ะๆๆๆ หากพ่วงการออกกำลังกายตอนเช้าเข้าไปด้วย นอนอย่าดึกมาก คุณจะมีชีวิต อย่างราชา เลยครับ

    เพื่อสุขภาพที่ดีงาม เราต้องร่วมกันทดลองและแสวงหาทาง แห่งสุขภาพดี ร่วมกันครับ

สวัสดี
:0)