Wednesday, November 12, 2014

อาการปวดหลัง เดินไม่คล่องเริ่มดีขึ้น จากนี้ไปทำอะไรต่อ กับ วิชาเพาะกาย???

สวัสดีครับ

      สิ่งที่รอคอยมากว่า 6 เดือนก็ได้ผลดีมากเมื่ออาการต่างๆ ค่อยๆ ทุเลาลงไปครับ ภาพรวมดีขึ้นมากแต่ยังไม่กล้าปล่อยไม้เท้า ครับ เพราะมันเคยชินเสียแล้ว ขาของผมยังไม่ค่อยแข็งแรงนัก ก็นั่งถามตัวเอง ไอ้เรื่องเจ็บๆ ปวดๆ ขัดๆ เราผ่านมาได้ แต่ขามันเหมือนไม่แข็งแรงทำอย่างไร

      หลายเดือนก่อนอ่านพบมาแล้วว่า คนปวดหลังเป็นแบบนี้ได้ เพราะตอนเป็นอาจจะไปส่งผลให้เส้นประสาทมีปัญหา ซึ่งรักษาได้ ผมก็งงๆ ครับ แต่จากการที่ดูอาการมาเองตลอด ก็พบว่า มันก็ดีขึ้นเรื่อยๆ นั่นล่ะ แต่มีทางเลือกมาเสริมไหม ผมคิดๆๆๆๆๆ

       จนเมื่อวานผมก็หันไปมองดัมเบลล์ เพื่อนเก่า และพบว่า เราทำบล็อกเพาะกายนี่ เออ ใช้การยกน้ำหนักมาสร้างเสริมหรือกระตุ้นได้ไหม ผมก็หยิบจานน้ำหนัก เอาแบบเบาๆ มาวางบนหลังเท้า แล้วก็ลงมือ ออกกำลังกันเลย ผมทำดังนี้


        กระดกเท้าขึ้นลงนับ 1 ทำ 12 ครั้ง เป็น 1 เซ็ท หายใจเข้า แล้วหายใจออกตอนยก ทำช้าๆ

       ทำ 3 เซ็ท
      และทำกับเท้าทั้งสองข้าง

      ได้ผลทันตาครับ อาการเหมือนว่า ข้อเท้า ไม่ 100% หายเลย แทนที่ด้วยความรู้สึก ที่เหมือนที่พลังอะไรบางอย่าง เดินจากบั้นเอวไปที่ข้อเท้า ทำให้มันรู้สึกว่า หายดีเหมือนสมัยยังไม่มีอาการปวดหลัง

      แต่ผมไม่รีบนะครับ ยังคงใช้หลัก ทำไปเรื่อยๆ แต่กล้ามเนื้อ เส้นเอ็นมันจะตามแข็งแรงมาเอง ผมมั่นใจมาก ทำไม?

       เนื่องจากผมเป็นคนน้ำหนักตัวมาก แต่เล่นกล้าม 2 ปีก่อน และก่อนนั้นเป็น 10 ปี ผมไม่สามารถลงน้ำหนัก วิ่ง ได้แล้ว มันปวดเข่ามาก แต่ผมไม่เคยบอกใคร เพราะเรื่องอะไรจะเล่า และหน้าที่การงาน ก็นั่งโต๊ะครับ  พอมาเล่น Leg Press ทำอยู่ 8 เดือน ผมวิ่งได้เหมือนเดิม ทั้งๆ ที่ น้ำหนักไม่ได้ลดลงมาก ไม่แปลกใจเลย ก็มวลกล้ามเนื้อใหม่ๆ นั่นเองครับ

       ดังนั้น การฟื้นฟูสภาพร่างกายของผมในคราวนี้ก็เช่นกัน ผมจะจัดเต็มเพาะกายเลย ความรู้มีต้องเอาตัวรอดได้ครับ มาดูกันว่า ในอีก 6 เดือนต่อไปผมจะดีขึ้นขนาดไหน และอย่างไร ก็คงจะมาเล่ากันในบล็อกนี้เป็นระยะๆ เหมือนเช่นเคยครับผม คงต้องออกแบบท่าออกกำลังกาย ของตั้งแต่ หลัง บั้นเอว สะโพก ก้น ขาท่อนบน ท่อนล่าง น่อง ข้อเท้า และฝ่าเท้า เอาให้ครบกันเลย :0)

 สวัสดีครับ
คุณบอลล์ :0)

Wednesday, October 15, 2014

การก้มกราบในทุกศาสนาคือทางในการบรรเทาอาการปวดหลังที่แสนชะงัดใช่หรือไหม

************************************************************************
  แฟนคอลัมน์ครับ รักในโอกาส ในการลงทุน ต้องรู้จัก ETORO ครับ
ลองสมัครโดยใช้ Account Facebook สมัครได้ไม่ยากจ้า
 คลิกที่นี่อย่ารอช้า คุณจะชอบ :0) เว็บที่มีสมาชิกกว่า 100 ล้านคน
เว็บไซต์เครือข่ายสังคมการลงทุนระดับโลก 
พร้อมระบบการลงทุนตามคนสำเร็จ เอกลักษณ์ ของ ETORO ************************************************************************


สวัสดีครับ

    อยากให้ไปลองสังเกตุกันครับ ลองถามผู้ใหญ่ที่บ้านหรือญาติของเราที่ธรรมะ ธรรโมหน่อยว่า ขณะที่ประกอบกิจทางศาสนา ที่มีการสวดมนต์ไหว้พระ หลังจากกราบพระ จะที่บ้านหรือ ที่วัด มีอาการ เบาสบายในส่วนของร่างกายใช่ไหม

      หากเป็นศาสนาอื่น ก็เช่นการก้มกราบ ก้มคารวะ เป็นต้น

      จากที่ผมสังเกตุดู คนสมัยปัจจุบันแทบไม่ได้ทำท่า ก้มศรีษะไปทางพื้นด้านหน้าเอาเสียเลย ในอดีตยุคโบราณ คนยังล่าสัตว์ ทำไร่ ทำนา บรรพบุรุษของเรายังไง ใน 1 วันต้องมีการก้มไปข้างหน้าจากกิจกรรมใด กิจกรรมหนึ่ง

       แต่สมัยนี้ เราไม่ได้ทำสิ่งเหล่านี้  จริงๆ ท่าอื่นๆใดเราควรทำให้ครบๆ อย่างโยคะจะมีให้เราก้มหน้า แอ่นหลัง บิดไป บิดมา ครบสุดๆ หรือรำมวยจีน ประมาณนี้

       ผมอยากทราบจริงๆ ว่าการก้มกราบต่างๆ ช่วยเรื่องป้องกัน บรรเทาอาการปวดหลังได้จริงไหม แต่ผมทำท่าโยคะแบบท่านี้ แล้วอาการต่างๆ ดีขึ้นตามลำดับครับ สำหรับคนที่อยู่ดีๆ เกิดปวดมากๆ ก็ลองหาที่ทำดู อาจช่วยให้หายได้ทันทีเหมือนกัน แต่ระวังทำช้าๆ หากไม่ไหว ไปหาหมออย่าฝืน

       ท่าก้มกราบ ดัดแปลงมาจากท่าโยคะ น่าจะเป็นท่าเต่าล่ะมัง

1.นั่งคุกเข่าหลังตรงนับ 10-15 ไม่ช้าไม่เร็ว หายใจลึกๆ ยาวๆ ให้สดชื่น ปลายเท้าวางราบหรือจิกพื้นก็ได้
2.ก้มลงไปช้าๆ เอามือช่วยยันพื้นด้านหน้าทีละข้าง แล้วหงายฝ่ามือให้ชิดกัน  ค่อยๆ หายใจออก
3.ก้มศรีษะลงไปแล้วให้หน้าผากวางบนฝ่า ระวังให้ข้อศอกชนหัวเข่าทั้งสองข้าง ก้มสุดแขม่วท้องหายใจออกให้หมด มีสตินับ 10
4. ตอนนับหากใหม่ๆ หายใจไม่ทัน ก็ค่อยๆ หายใจเข้าออกช้าๆ ครับ แต่ต่อไปต้องหายใจออกได้
     ตอนนับ 10 ให้พิจารณข้อกระดูกสันหลังตั้งแต่ต้นคอลงไปเรื่อยจนก้นกบ แล้วย้อนขึ้น ย้อนลง
    นับ 10 ระยะแรก ต่อไป 15
5. หายใจเข้าช้าๆ อาจยกตัวมายืนศอกหายใจสักพักช้า หรือยกลำตัวหายใจช้าๆ พอหายเหนื่อยแล้ว
ยืดแขนยาวออกไปด้านหน้า ให้มากที่สุด ระวังข้อไหล่อย่าเร็ว ช้าๆ ระวังกระดูกคอ ให้หน้าผากแตะพื้น
ให้รูสึกว่า ไหล่ หลัง กล้ามเนื้อยืดออก นับ 10-15  หายใจออก

6.ยกลำตัวขึ้น เงยศรีษะช้า ปิดตาหายใจเข้าช้าๆ ยืนศอกงอแขนเข้ามาประสานมือ กางนิ้วโป้งแล้วเอาคางไปเกยที่นิ้วโป้งทั้งสอง ปิดตา สำหรับคนที่ทำท่านี้แล้วปวดตา หายใจเข้าออกช้าๆ หลังอาจแอ่นได้
แต่ให้ช้าๆ

7. เลื่อนตัวกลับมาช้าๆ อาจยันพื้นได้ เพื่อกลับไปท่าก้มกราบทีแรก ที่บอกว่า ข้อศอกติดกับหัวเข่า เอาหน้าผากวางบนฝ่ามือ หายใจออกให้หมดแขม่วท้องช้า สั้นๆ นับ 5-10

8.ค่อยๆ ยกลำตัวขึ้นให้มาข้างถนัดยันพื้นช่วยยกลำตัวอีกมือไปวางบนหน้าขาเหนือเข่า จะพบว่า ลำตัวยกขึ้นง่ายมาก หายใจเข้ามาเรื่อยๆ จนลำตัวตั้งตรง หายใจเข้าช้าๆ หลับตาอยู่ หลังตรง อาจเปิดตาได้ให้ค่อยๆ เปิด หรือ ปิดตาก็ได้ หายใจปกติ นับ 12-15

9. เริ่มทำใหม่ตั้งแต่ข้อ 1.

     คนที่เพิ่งมีอาการเจ็บหลัง ทำเพียง 2 รอบพอ ต่อมา 3 รอบ สัก 1-2 เดือน จากนั้นพอถนัดแล้วให้ทำ 5รอบเช้า และต่อมาอีก 5 รอบเย็น อย่าทำตอนแดดจัด เพราะร้อนเกินไป อย่าทำตอนเพลียเกินไป และอย่าทำตอนเพิ่งกินอาหารมาอิ่มๆ ต้องเว้นช่วงราวๆ 1 ชั่วโมงขึ้นไป

     คุณจะพบเองครับว่า อาการหน่วงๆ ที่บั้นเองลงไปก้น สะโพก ท่อนขา จะคลายหายไปหมดยิ่งทำยิ่งดี ยิ่งแข็งแรงครับ เมื่อหายดีแล้วลองหาท่าอื่นๆ มาฝึกครับ โยคะดีแท้ครับ

 ช่วยกันแชร์ และ บอกต่อ เป็นวิทยาทานครับ


สวัสดีครับ
คุณบอลล์ :0)

Wednesday, October 1, 2014

บันทึกไว้ก่อนจะลืมความดีงามเหล่านี้ไปเสียก่อน :0)

สวัสดีครับ


บันทึกไว้ก่อนจะลืมความดีงามเหล่านี้ไปเสียก่อน :0)

เขียนเก็บไว้ กันลืม ต่อไปจะได้เป็นคนถ่อมตน และ รู้จักเห็นอกเห็นใจผู้คนมากกว่าเดิมครับ 

:0)

ขอขอบคุณ

อันดับแรก ขอบคุณคุณแม่ และ คุณพ่อ สำหรับคำว่า "จงอยู่กับปัจจุบัน" ทำให้ 5 เดือนกับ

อาการเจ็บหลัง 

และต้องใช้ไม้เท้า มีกำลังใจเพิ่มอย่างมากมาย
และ

1.ขอขอบคุณคนน่ารักคนหนึ่งที่เราได้ทักทายกัน ทุกวัน เป็นกำลังใจให้ผมเป็น

อย่างมากๆๆๆ -->นครหลวง :0)


2.ขอขอบคุณ มิตร คนหนึ่ง ที่เช้าวันนี้ได้ให้กำลังใจผม นั่งคุยกับผม นานเลย

ขอบคุณมากครับ :0) และ


3.มิตรคนหนึ่ง ที่ช่วยดูแลเรื่อง อุปกรณ์การทำงานให้ผม ตอน 2 เดือนแรก กับงานใหญ่ 1 

งาน มิตรคนนี้ เขาจัดแจงให้ผมหมด ขอบคุณๆ


4.มิตรอีกคน ผมคิดว่าเขียนไว้กันลืม 3-4 สัปดาห์ก่อน พอดียังใช้ไม้เท้า เดินผ่านเส้นทาง

กลับบ้านจากที่ทำงาน ท่ามกลางฝนโปรยปรายยามค่ำ เขารอผมซื้อข้าวของจนเสร็จ แล้วยัง

ช่วยเดินถือของ และกางร่มให้ผมไปตลอดทาง ส่งผมจนถึงลิฟต์ สุดยอด ขอบคุณครับ :0) 

5.มิตรทุกท่าน ที่ช่วยกระผม ซึ่งอาจจะหลงลืมไปแล้ว หรือไม่ได้สังเกตุ ขอบคุณมากครับ

6.ขอบคุณทุกสรรพสิ่ง :0)

ทำให้นึกถึงหนังอินเดียเรื่องหนึ่ง เริ่มมาเขาก็ร้องเพลงและเต้นกันเลย เนื้อหาคือ เพื่อนบอก

ว่า ปาฏิหาริย์ ไม่มีจริงหรอก เขาก็บอกเป็นเพลงว่า อย่าไปนึกสิว่ามันต้องเลิศ

เลอ...ปาฏิหาริย์มีอยู่ทุกที่ แล้วเขาก็ร้องว่า

...เคยไหมที่ในชีวิต ขณะที่รถเสียอยู่กลางทาง อยู่ๆ ก็มีคนมาช่วยดูแล ตั้งแต่ต้นจนจบ แล้ว

ลาจากไปด้วยรอยยิ้ม

...เคยไหม ที่ยามฝนตก คุณติดอยู่ที่ป้ายรถ แล้วมีคนให้คุณยืมร่ม ทั้งๆ ที่ไม่เคยรู้จักกันและไม่หวังว่าจะ

ได้ร่มของเขาคืน

...เคยไหมในวันที่เราทุกข์ ก็มีใครคนหนึ่ง คอยดูแลทั้งๆ ที่เขาไม่ได้ต้องการอะไรตอบแทน

เลยแล้วเพลงก็สรุปว่า อย่ามองว่าปาฏิหาริย์ต้องเลอเลิศ แท้จริงแล้วปาฏิหาริย์ มีอยู่ทุกที่ 

เพียงเราได้ใส่ใจ

หรือยัง และอย่าได้มองข้ามไปเฉยๆวันนี้กระผมได้เจอ ปาฏิหาริย์ มาตลอด 5 เดือนและขอ

ยืนยันว่า ปาฏิหาริย์ นั้นมีจริงครับ :0)

คุณบอลล์ :0)

Monday, September 22, 2014

150 วันหลังอาการปวดหลัง โลกเปลี่ยนไปมากไหม

สวัสดีครับ

   ตัวเลข 150 วัน หากมองผ่านๆ ก็คงนึกว่าผมกำลังเขียนเล่าอาการปวดหลังเหมือนครั้งก่อนๆ แต่หากมองดีๆ มันคือ 5 เดือนแล้วนะครับ ที่ผมต้องผ่านอะไรๆ มา จนถึงหมดเดือนที่ 5 เริ่มเดือนที่ 6 ครับ

    ปัญหาของคนเราเมื่อผ่านเข้าเดือนที่ 6 คือเราจะเริ่มประมาทครับ เพราะอาการเริ่มเออาอยู่แล้ว แต่ ผมขอให้คิดกินนะครับว่า

     พระเอกในหนังจีนกำลังภายใน ฝึกวิชายอดวิทยายุทธ์ขั้นที่่ 9 หรือ 10 ได้นั้น เพราะเขาเชื่อว่า มีสุดยอดวิชารออยู่ จงจำไว้ว่า ขอให้เราเชื่อครับว่า แม้อาการจะดีขึ้น เริ่มทรงตัว จากเดินไม่คล่อง มาเดินคล่อง ก็อย่าคิดว่าพอแล้ว ได้เท่านี้ก็ดีแล้ว แต่ให้คิดว่า ทำไมเราจะกลับไปแข็งแรง และ ดีกว่า เดิม คือตอนก่อนเป็น ปวดหลังไม่ได้ล่ะ

    ทำไมเราไม่คิดว่ามันต้องดีกว่าสมัยก่อนล่ะ ทำไมเราพอเท่านี้ ทำไมไม่ทำเผื่อออกไปสำหรับอนาคตล่ะ ขอให้ตั้งใจว่า จะดีเยี่ยมกว่านี้ครับ แต่ ต้องค่อยๆ ทำแบบใส่ใจ ไม่ใช่หักโหม

     ค่อยๆ ทำ รักษาท่าโยคะ ท่ากายภาพ วิธีคิอของคุณไว้ครับแล้ว จงทำไปตลอดชีวิตครับ แม้จะหายปวดหายเจ็บไปแล้ว แต่ทำเพื่อรักษามันไว้ให้ได้ตลอดชีวิตครับ คุณทำได้

สวัสดีครับ
คุณบอลล์ :0)

Friday, August 29, 2014

127 วันหลังอาการปวดหลัง ความคืบหน้าของอาการ :0)

สวัสดีครับ

    โพสต์ครั้งนี้ก็หลังจากครั้งก่อน เกือบๆ 1 เดือน ก็พอจะทิ้งช่วงเรื่องการอัฟเดตอาการ ของกระผมที่ไม่ถี่หรือห่างเกินไปนะครับ ผมได้ทำอะไรมาบ้าง

     -ผมยังดูแลหลังของผม ประหนึ่งสิ่งเลอค่าเหมือนเช่นเดิม แม้นอาการดีขึ้นเพียงใด แต่ต่อจากนี้ไปจะไม่ลืมคำที่แม่สอน ที่ว่า นั่งหลังตรงเสมอ (เข็ดแล้วครับ) ขอแถมว่าการนั่งที่ถูกต้อง ยังต้องทำดังนี้

          --นั่งหลังตรงให้ก้นไปชิดข้างหลัง หรือพนักพิงให้มากที่สุด
          --หาหมอนหรืออะไรที่นุ่มๆ พบรับแรงได้ มาหนุนที่ส่วนเหนือบั้นเอวให้รับกับโค้งตัว S ของ
            หลังแล้วค่อยนั่งทำงาน มันสามารถรับแรงกระทำได้ดีมาก ทำให้ระยะยาวกระดูกสันหลัง
            ไม่เสื่อมไม่เจ็บหลังง่ายๆ

       จำไว้ว่า ไม่นั่งหลังค่อมเด็ดขาด ไม่หลังหลังงองุ้มด้วย

    -แม้อาการจะดีขึ้นเพียงใด อย่าปล่อยปละหลังของคุณ เช่นนั่งรถกระแทก พิสูจน์ว่าเราหายแล้ว หรือ เจออะไรเจ็บที่หลังก็ฝืนๆไป อย่าทำปรับท่าทันที สอนวินัยนี้ไว้ครับ

    -อย่าใส่กางเกงคับ รัดเข็มขัดแน่น นั่งทำงานก็ปลดเข็มขัดสิครับ รัดรูที่หลวมๆ หรือใครตัวใหญ่มากๆ ปลดตะขอกางเกงก็ได้ครับ ฝืนเจ็บทำไม อย่าเอากระเป๋าเงินหรือพวงกุยแจใส่กระเป๋ากางเกงด้านหลังเพราะคุณจะนั่งทับและต้องเอนปรับท่านั่งทำให้ผิดธรรมชาติ หลังก็จะเสีย เผลอๆ ไปออกทีอาการกล้ามเนื้อก้นหนีบเส้นประสาทแล้วจะหาว่าไม่เตือนครับ
 
   -หมั่นออกกำลังกาย คนที่เจ็บหลังใช่ว่าไร้วาสนา แต่จริงๆ แล้ว อาจเป็นพวกได้สิทธิ รับสัญญาณเตือนคือพอเป็นแล้ว ร้อยทั้งร้อยต้องหาวิธีให้บรรเทา ให้หายปวดหลัง เพราะมันปวดมากจริงๆ คนไม่เป็นไม่มีทางรู้ครับ ส่วนมากจะไปทาง ออกกำลังกาย ทำโยคะเบาๆ ชีกง หรือ การออกท่าออกทางบำบัด หลายคนก็ควบคุมอาหารเพราะยิ่งน้ำหนักลดลงจะลดความปวดลงได้ หลายคนเป็นแบบน้ัน

    พวกเขาจะขยันทำโดย ไม่มีต้องมีใครบังคับ ยิ่งทำแล้วอาการปวดลดลงๆๆๆๆ ยิ่งหมั่นทำ เพราะปวดหลังนี่คือสิ่งที่น่าเบื่อที่สุดแล้ว น่าเบื่อกว่าการออกกำลังกายเป็นไหนๆ พอทำไปมากๆ เข้าจะพบว่า อาการดีขึ้นๆๆๆๆ และส่วนมาก หลังจากทำเป็นประจำ 2-3 เดือนขึ้นไปจะมีคนทักว่า

     หน้าตาสดใสขึ้น ดูสุขภาพดีขึ้น ทุกคน

     จะบอกว่า เราออกกำลังกาย ทำท่ากายภาพ ร่างกายเขาก็จะเลือดลมเดินดีครับ แล้วมันก็จะทำให้เราได้ ขับของเสีย ชำระล้างเซลล์ต่างๆ สุขภาพก็ดีขึ้น ชัวร์ๆ ยิ่งหากสามารถควบคุมอาหารได้ดีอีกด้วยจะได้ผลทางด้าน โครงสร้างด้วย คือน้ำหนักลดลงอีกต่างหาก

   ดังนั้น ถ้าเราตั้งใจทำไปดีๆ เราจะหายจากเจ็บหลัง หรือเหลือปวดนิดๆ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของคนที่จะต้องมีอาการปวดเจ็บหลังบ้าง ในช่วงใดช่วงหนึ่งของชีวิต เลยกลายเป็นเรื่องปกติ และยังสุขภาพดีขึ้นทุกด้านอีกด้วย ลองทำกันนะครับ

    ท่าออกกำลังกายที่เพิ่มเข้ามาใหม่ ก็เช่น

1.คุกเข่าคารวะพื้นฐาน

 -นั่งคุกเข่าห่างกันเล็กน้อยโก้งโค้งลงไปจนศรีษะแตะพื้น ก้นอาจยกได้ ไม่ซีเรียส หายใจออก พยายามให้ข้อศอกและหัวเข่าชนกัน วันแรกๆ ที่ก้มลงไปทำเท่าที่ทำได้ครับ อย่าฝืน ค่อยๆทำไป

   นับ 1-6 หายใจออกนะครับ วันหลังๆ เพิ่มเป็น 1-10 และ 1-15 

   จากนั้นเงยหน้าช้าๆ ยืดตัวไปข้างหน้าทั้งๆ ที่ยังก้มอยู่ เอาศอกตั้ง หายใจเข้าช้าๆ เอามือประสานแล้วเอานิ้วโป้งรองคางเอาไว้ หายใจช้าๆ

    จากนั้นหายใจออก ก้มตัวกลับไปท่าเดิม ที่บอกว่า ศอกชนเข่าครับผม นับก็  นับ 1-6 หายใจออกนะครับ วันหลังๆ เพิ่มเป็น 1-10 และ 1-15  ตามที่ผมบอกไว้

    ทำ 3 รอบครับ

2.คุกเข่ากราบขอพร

      ท่าต่อไป คุกเข่าเหมือนเดิม หายใจเหมือนเดิม แต่ตอนก้มให้หน้าผากสัมผัสพื้น แล้วยืดแขนออกไปช้าๆ ด้านหน้าจนสุดให้รู้สึกหลังยืดสบายๆ หายใจออกนะครับ นับก็เหมือนท่าแรก พอเสร็จก็ ยกตัวขึ้นใช้ศอกตั้งเหมือนเดิมเงยหน้าเหมือนเดิมหายใจเข้า แล้วกลับมาท่าคุกเข่า ทำซ้ำ 3 รอบช้าๆ ครับ

   มันเป็นท่าที่ผมครูพักลักจำครับ มาจากคณาจารย์บนเว็บบ้าง บล็อกบ้าง ยูทูปบ้าง ขอขอบคุณครูอาจารย์ทุกท่านครับผม

  พบว่า อาการที่หลังทียังเหลือค้าง หายบ้าง ปวดบ้าง มันเริ่มหายจริงๆ ครับ ซึ่งดีใจมาก ลองนำไปทำครับ แต่ มันยังมีท่าที่เหนือกว่านี้ ที่ช่วยแก้อาการ อยู่ๆ นั่งผิดท่า หรือ ปวดหนักๆ ขึ้นมา ไว้ต่อบทความต่อไปครับ

   เอาไปทำกันก่อนรับรองผลครับผม

สำหรับอาการโดยภาพรวม ผมเดินได้เร็วขึ้นมากแล้วครับ โดยไม่ปวดอีกคือ เดือนก่อนมีแบบเดินเร็วได้แต่ทุกครั้งสักพักจะปวดขึ้นมา ตอนนี้ไม่เป็นแล้ว หลังจากทำ 2 ท่าข้างต้นครับผม กำลังขายังกลับมาได้ 85 % จากนี้ไปคงต้องให้การเล่นเหวตเข้ามาช่วยบ้างแบบ น้อยมากๆ ค่อยๆ ทำไปซึ่งนั่นเป็นความชำนาญของผม และ บล็อกแห่งนี้ครับ บทความต่อๆ ไปก็คงเนื้อหาเข้มข้นแนวเพาะกายมากขึ้นเรื่อยๆ ล่ะ คุณว่าไหม...เป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ ขอบคุณมากๆ

สวัสดีครับ
คุณบอลล์ ;0)

   


Saturday, August 2, 2014

ผ่าน 100 วัน กับการออกกำลังและทำกายภาพ พร้อมความศรัทธาและกำลังใจ กับอาการเจ็บหลังของผม

สวัสดีครับ

   หลังจากมีอาการเจ็บหลังมา 3 เดือนกว่า กับการตั้งใจรักษาตัวเอง และกำลังใจ ผมได้มีการพัฒนาดีขึ้นในทุกด้าน ทำไปทำมา ก่อนหลังจะหายดี มีคนเริ่มทักว่า

   1.ผมหน้าตาสดชื่นกว่าเดิมมาก
   2.ผมดูผอมลงเห็นชัด
   3.ผมมีอาการดีขึ้นมาก
   4.และผมเป็นนักสู้คนหนึ่ง กับการต้องเดินทาง ไปกลับรวมๆ แล้ววันละ ประมาณเกือบ 3 ชั่วโมง
      ที่ต้องนั่งรถไกลๆ

  กับการเป็นคนที่อยากมีชีวิตที่ดี และต้องดูแลตัวเอง ผมถือว่าผมเป็นนักสู้ที่ทำได้ดีที่สุดแล้ว

 อาการเจ็บหลังมีข้อควรระวัง ที่คนเป็นครั้งแรก แล้วหาย มักจะไม่รู้คือ

  - ห้ามกลับไปยกของหนักอีก ทำได้ตลอดชีวิตยิ่งดี
  - การ ยืน เดิน นั่ง นอน อย่าเปลี่ยนท่าอย่างรวดเร็วทำช้าๆ เช่นนอนก็ค่อยๆ ลุก นั่งแป๊บก่อนลุก แล้วค่อยเดินแบบนี้ เป็นต้น
  - จงหมั่นออกกำลังกล้ามเนื้อหลังเท่าที่ทำได้ และไม่มีอันตราย ทำไปตลอดชีวิต
  - ระวังน้ำหนักตัว ไปทางน้อยดีกว่ามากๆ
  - ไม่ละทิ้งการทำสมาธิ การสวดมนต์ ภาวนา
  - การแพทย์ทางเลือก ฝึกปราณ ชี่ โยคะ
  - ระวัง การสะดุด เสียหลัก หกล้ม ต้องระวัง บางทีการหัดท่า มวยจีน การสร้างความสมดุล
    อาจช่วยลดการกระแทกเวลาล้มได้
  - จดจำท่าทาง ที่ทำแล้วบรรเทาปวด รักษาตัวเองได้
  - มีพลังใจ มั่นใจ ศรัทธา ที่จะรักษาตัวได้เสมอ ไม่ยอมแพ้ ไม่รับสภาพ ต้องสู้ๆๆๆๆๆ

 หลังจากออกกำลังกาย กับทำกายภาพมาอย่างต่อเนื่อง อาจมีพักบ้าง แต่ไม่เกิน 2 วันในสัปดาห์ ผมก็พบว่า อาการปวดทุเลาไปเรื่อยๆ ปวดมากผมก็ลางานครับ เพราะไม่อยากเป็นฮีโร่จอมปลอม อย่าให้งานเราเสียเป็นพอ ทำให้ดีที่สุด จนเราหายดีขึ้น แต่อย่าได้ประมาท ตอนผมเป็นใหม่ๆ ราวๆ 3 สัปดาห์หลังมีอาการ ผมกินยาแก้ปวดจากหมอ ยามันหลอกครับว่า เหมือนจะหายแล้ว

   ทำให้เราหลงคิดไปเองว่า หายล่ะ ลุกเดิน เพราะมันอยากหายจริงๆ เดินวันนี้ 100 ก้าว อีกวัน 200 อีกวัน 300  แล้วก็เรียบร้อย เกิดอาการ ขาตึง และ แย่ลง ในวันหลังๆ ตกใจ มากๆ พอยาหมดฤทธิ์ มันเริ่มเจ็บกันเห็นๆ และเราก็เริ่มเข้าใจ เจ็บต้องพักฟื้น ผมต้องโทรไปขอ ฝ่ายบุคคลเพื่อเลื่อนกำหนดการย้ายที่ทำงานไปอีก 1 สัปดาห์ จนอาการเริ่มดีขึ้น

   มาถึงวันที่ต้องไปรายงานตัว ชีวิตผมในวันนั้น กลับสงบ และ ปลง ไม่ไปวันนี้คงไม่ดี เราต้องไป ใจมันถามว่า กรูจะขึ้นรถไหวไหม ใจหนึ่งบอกว่า เอ้าหากก้าวขึ้นไม่ไหว ค่อยถอยแล้วเดินกลับที่พัก เออ มันคิดได้เอง ก็เลยคว้าไม้เท้า ค่อยๆ เดินไป ผมตอนนี้เกิดสิ่งหนึ่งในใจคือ เห็นใจ คนพิการ และทุพพลภาพอย่างสุดใจ เพราะเราในวันนั้น ก็คล้ายๆ แล้วครับ จากคนที่เดินคล่อง ต้องค่อยๆ ไปกับไม้เท้า....ทีละก้าวๆๆ

   ต้องไปรอที่ตึกของสถาบันเพื่อดูอาการว่าต้องเข้าห้องน้ำหรือไม่ เพราะอาการปวดหลังส่วนล่างกับอาการปวดห้องน้ำมันใกล้ๆ กัน หลายคนที่เป็นใหม่ๆ แยกไม่ออกครับ นั่งจนมั่นใจ เข้าห้องน้ำเสร็จก็ต้องเดินข้ามถนนกว้างๆ ดีที่มีคนคอยโบกให้

   ไปถึงสถาบัน ผมก็ต้องเดินเข้าไปอีกไกลพอดู พบน้ำใจของเพื่อนๆ มากมาย ทำให้เรามีกำลังใจขึ้นมา
และค่อยๆ ไปทำงานจนผ่านมาแล้ว 3 เดือนกว่า และผ่านการต่อสู้ ค้นข้อมูล สร้างกำลังใจ และ อื่นๆ อีกมาก ขอขอบคุณ พ่อแม่ น้องชาย แฟนผม และ ทุกคน และ สิ่งศักดิ์สิทธิ ที่คอยดูแลผม จนมาถึงวันนี้ได้
ผมต่อสู้แบบ เพื่อตัวเอง เพื่อคนที่เรารัก และจะทำประโยชน์ในสังคมและโลกในอนาคต คิดแบบนี้ทำให้มีกำลังใจครับ และตอบตัวเองได้ว่า เราจะต่อสู้เพื่ออะไร

    จากคนที่ต้องใช้ไม้เท้า ผมเริ่มปล่อยไม้เท้าเดิน ได้เมื่อ 3 สัปดาห์ก่อน เดินที่สวนของสถาบันได้ 2 รอบขณะที่เสาร์ที่ผ่านมา ผมเดินได้แล้ว 3 รอบ เป้าหมาย คือ 4 รอบ ใน 30 นาทีครับ

      ถือว่าเป็นการเดินเพื่อฟื้นฟูกำลังกายกำลังใจของตัวเอง ขณะที่ในการทำงาน การใช้ชีวิตอาจต้องใช้ไม้เท้าไปก่อน เพราะมีสิ่งที่ต้องระวังคือ ถนนลื่น และ บันได ครับ เราต้องไม่ประมาท จนแข็งแรงจริงๆ จึงจะค่อยปล่อยไม้เท้าครับ อย่างไรก็ตามที่สวน ผมจะปล่อยไม้เท้าเดินครับ จาก 4 รอบ จะเป็น 10 รอบให้จงได้

    เราต้องสู้ต่อไปครับ

ขอเป็นกำลังใจให้คนที่เจ็บหลังทุกคน   ครับผม

สวัสดีครับ
คุณบอลล์
:0)



Saturday, July 26, 2014

19 วันหลังจากโพสต์ครั้งล่าสุด ปวดหลังของผมเป็นอย่างไร?

สวัสดีครับ

   นิสัยของผม หากเห็นใครทุกข์ ลำบาก ถ้าผมช่วยได้ผมจะช่วย แต่หากไม่ได้ ผมต้องทำอุเบกขา เมื่อผมมาเป็นปวดหลัง ผมต้องต้อสู้กับมันมาพอสมควรและคิดในแง่ดีไว้ และ ออกกำลังกาย ทำกายภาพ และใช้เรื่องการภาวนาช่วย เอาหมดครับ

   ตอนนี้เป็นมา 93 วันหรือ 3 เดือนกว่า แต่ใจชื้นขึ้นมากว่า อาการดีขึ้น หลังจากพากเพียร ปฏิบัติตามที่กล่าวไว้ข้างต้น และ ใช้ วิมังสา ใคร่ครวญ ทบทวน ค้นคว้า ก็ได้อะไรมาใหม่ๆ ครับ

   การปวดหลังสำหรับคนที่โชคดีหน่อย ได้พักยาวๆ หายได้นะครับ แต่สำหรับผมและหลายคนต้องทำงาน ยิ่งต้องลุกๆ นั่งๆ นี่ ปวดมีสิทธิ กลับมาได้เสมอ เพราะยังบำบัด ไม่หายดีพอ ทำอย่างไร

   บางคนอาจจะเจ็บมากขณะทำงาน แต่วันต่อๆ มามันดีขึ้นแบบนี้ก็มี แล้วถ้ามันไม่ดีขึ้นแต่กลางคืนมันเจ็บทำอย่างไร จำไว้ครับ

        1.ประคบร้อน ช่วยได้ครับ
        2. กินยา มี 2 แบบ
              แบบแรก ยาแผนตะวันตก ที่หมอจ่ายยาให้  ได้ผลครับแต่ มีปัญหาเรื่อง กัดกระเพาะ แน่ๆ หากใช้                              นานๆ บ่อยๆ
               
             แบบที่สอง สมุนไพรไทย (เพื่อความแน่ใจของคุณ ลองปรึกษาผู้ชำนาญการก่อนใช้)
                               ผมไปค้นคว้า จนได้ยาดี คือ เถาวัลย์เปรียง แบบแค็ปซูล และผมทานบ้างเป็นระยะสำหรับช่วงที่มีงานสำคัญติดๆ กันปลีกตัวไม่ได้ มันช่วยให้เราหายปวดได้จริงๆ แต่ข้อดีคือ
                              - ไม่กัดกระเพาะ
                              - รักษาอาการ ลงไประดับประสาท กล้ามเนื้อ เอ็น กระดูก ด้วย
                              - แต่ระวัง บางคนอาจท้องผูกได้ ให้ลองหยุดสักหลายวันค่อยกลับมากินใหม่
   ผมเคยค้นเจอข้อมูลว่า มันมีผลดีมากกับอาการปวดบริเวณหลังส่วนล่างอีกด้วย

  สรุปคือ ให้ออกกำลังกายเบาๆ กายภาพเท่าที่ทำได้ จนอาการปวดส่วนใหญ่ดีขึ้นแล้ว ทาน เถาวัลย์เปรียงประกอบ คุณอาจกลับมาเป็นปกติได้ถึง 95% หรือหายได้เลยนะครับ ลองดูครับ ให้ออกกำลังกายกับทำกายภาพ ทุกวันครับ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 5 วันครับ เชื่อผมเห็นผลแน่ๆ

  ช่วยกันแชร์ เป็นวิทยาทานกันครับ

สวัสดีครับ
คุณบอลล์ :0)

ปล. สิ่งที่เป็นข้อห้ามของคนปวดหลังคือ อย่าได้หมดอาลัยตายอยาก ยอมรับสภาพ ว่าปวดแบบนี้ไม่มีทางหายหรอก ห้ามคิดแบบนี้เด็ดขาด แต่ให้ทุ่มเท ค่อยๆ ทำไปแบบช้าๆ สร้างกำลังกาย กำลังใจ และทานยา มีความศรัทธา มีความมุ่งมั่น มีวินัย คุณจะหายดีขึ้นแน่ๆ และหลายคนหายขาดครับ ทำไปจากช้าๆ น้อยๆ แต่ทำทุกวัน ทำไปตลอดชีวิตยิ่งดี หลังจากผมทำได้ 3 เดือนเจอเพื่อนเก่า เขาทักว่า พี่เจ็บหลังทำไม หน้าตาสดใสขึ้น อ้าวเป็นงั้นไป ก็ออกกำลัง ทำโยคะ กายภาพบ้างทุกวัน สุขภาพโดยรวมเลยดีตามไปด้วยครับ สู้ๆ ครับผม :0)
   

Monday, July 7, 2014

กระทาชายผู้ปวดหลังส่วนล่าง 17 ปี ทำท่าบำบัดต่างๆ ทั้งโยคะ กายภาพตามที่เขาแสดง ปรากฎว่าหายขาด !!!

สวัสดีครับ

     ในส่วนท่านอน เหมือนที่คนไทยโพสต์กันหลายท่า ที่เข่าหันไปซ้ายและขวา ทั้งแบบข้างเดียวและคู่ เขาบอกว่า วันหนึ่งเขาทำ มันดัง Pok Pok ทีหลัง แล้วเขาหายเจ็บเลยจากที่เจ็บมา 17 ปี

        แสดงว่ากลุ่มท่านอนหมุนเข่าไปซ้ายหรือขวา มีผลจริงๆ

     แต่ให้ค่อยๆ ทำนะครับ ช้า เจ็บมากให้เลิกก่อน ค่อยๆ ทำไป อย่าลืม


สวัสดีครับ
คุณบอลล์
ปล. ช่วยกันส่งต่อ แชร์ ไปเรื่อยๆ เป็นวิทยาทานด้วยนะครับ

การป้องกันการปวดหลังส่วนล่าง ด้วยการเดินให้ถูกวิธี หญ้าปากคอกแท้ๆ ไม่นึกว่าเกี่ยวข้องกันนะครับ แต่เต็มๆ

สวัสดีครับ

  วันนี้เอาเคล็ดวิชา ที่ฝรั่ง เขาสอนกัน ในการรักษา บรรเทา อาการเจ็บหลังส่วนล่าง เชื่อไหม อาจเป็นเพราะว่า คุณเดินผิดท่ามาตั้งแต่เด็กๆ !!!!

   เอ้าไปดูกันครับ

          http://www.youtube.com/watch?v=B9jt4d_828g&index=2&list=PLLHxb9aUfctVSYUzTWglA7sqCTxYOM14y

  อย่าพลาดครับ

คุณบอลล์

Thursday, June 26, 2014

มีโอกาสได้ใช้น้ำมันมะพร้าว ตามคำแนะนำ ของน้องชายและท่านอาจารย์ ณรงค์

สวัสดีครับ

   อาการเจ็บหลังของผมก็ดีขึ้นมามาก แต่ย้ำนะครับไม่ได้มาจากการเพาะกาย แต่มาจากความประมาทของผม และวัยด้วย คือไม่ประมาณตนครับ อย่างไรก็ตามไม่ว่าคุณจะเจ็บหลัง ปวดขา หรือมีอาการใกล้เคียง ความรู้ที่ผมได้จากการรักษาตัวเอง จากศาสตร์ต่างๆ ที่เพียรเขียนลงนี้ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ครับ และ การเล่นเพาะกาย เล่นให้ถูกวิธีและ ช้าๆ ครับ จะไม่เจ็บเลย

    เอาเป็นว่า สายกลาง ไว้ดีที่สุดครับ

  วันนี้ขอเล่าเรื่องน้ำมันมะพร้าว ที่ผมได้รับคำแนะนำมาตั้งแต่ ก่อนมีอาการเจ็บหลัง ครับคือ น้องชายของผมเอง เขาแนะนำผมเรื่องนี้ว่าน้ำมันมะพร้าวช่วยให้ ลดน้ำหนักได้ แก้ท้องผูกซึ่ง น้องยังให้น้ำมันมะพร้าวขวดใหญ่มาด้วยเมื่อผมเดินทางกลับมา กรุงเทพฯ

  วันแรกเห็นผลหลังดื่ม น้ำมันมะพร้าวไป 2 ช้อนชา อาการท้องผูก เปลี่ยนเป็น ถ่ายท้อง มากถึง  `5`  ครั้ง และโล่งเลยครับ จากนั้นก็ดื่มมาเรื่อยๆ เดือนนั้นสุขภาพดีขึ้นมาก

  ต่อมาทิ้งระยะ เพราะไม่มีเวลา จนมาเป็นเจ็บหลัง โดยไม่คาดคิด น้องชายผมก็แนะนำเรื่อง ลดน้ำหนักย้ำว่า น้ำมันมะพร้าว ช่วยได้ ผมก็รับปาก เพราะเห็นเลยน้ำหนักตัวมาก ย่อมมีผลต่ออาการ สอดคล้องกับ คุณหมอ ที่วินิจฉัยว่า คุณน่ะยังไม่หายเพราะน้ำหนักมาก

   คนน้ำหนักเบาๆ ยังหายกันช้า เลยสำหรับการปวดหลัง ประสาอะไรกับน้ำหนักมากๆ ที่พุง ซึ่งหลังต้องพยุงไว้ ดังนั้นต้องใช้ไม้เท้าช่วยครับ อย่าไปฝืน แต่ให้หัดเดิน เท้าเปล่า ไม่ใช้ไม้เท้าไว้บ้าง เพื่อจำท่าเดินได้ แต่ เจ็บให้หยุด ครับ

   แฟนของผมก็แนะผมเรื่องน้ำหนักตัวเช่นกัน ซึ่งทำให้ผม มีแนวคิดว่า ต้องลดน้ำหนักให้ได้ ทำให้ ผมเริ่มปรับอาหาร และ นับแครอลี่ ค้นหาข้อมูล ควบคุมอาหาร จนลด แครอลี่ ในชีวิตประจำวันไปได้มากเลย (ปกติจะทานเก่งมากครับ) นี่ก็ผ่านไป ราว 40 วัน ที่คุมอาหารและออกกำลังกาย พร้อมยืดเส้นทำกายภาพบำบัด ไปด้วย ผมน้ำหนักลดลง ราวๆ 2.5 กิโลกรัม ผู้ใหญ่ว่า อย่าให้มากกว่านี้ ค่อยๆทำไป

   สำหรับการลดน้ำหนักจึงคิดว่าเริ่มโอเค

    แต่อาการปวดหลัง ยังมีกลับๆ มาบ้าง เพราะน้ำหนักตัว และชีวิตประจำวัน เพียงแต่ลดลงมากๆๆ แล้ว วันหนึ่งผมต้องนัดพบเพื่อน เรื่องสำคัญ ทำให้ต้องเข้าไปที่สถาบันการศึกษา ซึ่งที่นี่ ผมได้แวะไปเยี่ยม ท่านอาจารย์ ณรงค์ ท่านก็สอบถามทำไมใช้ไม้เท้า ก็แจ้งท่านไปว่าเพราะประมาท อย่างไร ท่านก็ เล่าเรื่องท่านว่า ครั้งหนึ่งท่านเดินทางกลับจากต่างประเทศ เอื้อมไปหยับกระเป๋า ทีเดียว ปึ๊ด หลังด้านซ้าย ปวดทั้งแถบ นั่งเครื่องบินกลับมาปวดมาก นอนไม่ได้

     ขออภัยหากถ่ายทอดได้ไม่ครบ นะครับอาจารย์ และไม่ได้แจ้งท่านในการนำมาเขียนในบทความนี้

   ท่านเล่าว่า พอกลับมาบ้านก่อนนอน ท่านเอาน้ำมันมะพร้าว ทาที่หลัง เพียงข้ามคืน อาการการในตอนเช้าก็หายคลายปวดไปได้

     ผมได้ประกายความคิดจากท่านจริงๆ และมีความหวังขึ้นมาก เพราะ หากรักษาตามปกติ ก็ยาคลายกล้ามเนื้อ ยาแก้ปวด หากเป็นของแผนปัจจุบัน คือ มีความเสี่ยงเรื่อง กัดกระเพาะ หากกินไปต่อเนื่องนานๆ ลองถามหมอกันครับ

     ก่อนจะเจอท่านในวันนี้ ผมได้กินสมุนไพร มาก่อน เพราะฉุกคิดว่าเคยกิน เมื่อครั้งที่ลื่นล้มหลายปีก่อนก้นระบมเป็นเดือน แล้วหาย แต่ไม่คิดว่าเป็น สมุนไพรตัวนี้ เป็นหลัก พอไปอ่าน ก็พบว่า มันมีงานวิจัยว่า เขานี่ล่ะ ที่ส่งผลตรงๆ กับอาการเจ็บหลังส่วนล่างด้วยซ้ำ และ ขนาดหากใครเป็นถึงหมอนรองทับเส็น ยังใช้แทนกันได้ กับยาแผนปัจจุบันด้วย เอาเข้าไป เพิ่งรู้ คือซื้อมากินก่อน เพราะนึกได้ แต่ข้อมูลค้นเน็ตเจอหลังจากนั้น

  เขาคือ เถาวัลย์เปรียงครับ ผมทานแบบแค็ปซูล

    แต่อาจส่งผลเรื่องท้องผูกนะครับ ผมมีอาการแต่วันหลังก็คลายๆ ไป ลองต่อยอดกัน

    อ่านไปเรื่อยๆ ก็เจอว่า เถาวัลย์เปรียง ผสมน้ำมันมะพร้าว ทาบริเวณที่เป็นอัมพฤกษ์ ยังทำให้หายได้ หรือ ทุเลาได้ อีกด้วย

    หลังจากกินเถาวัลย์เปรียงได้ไม่กี่วันก็พบว่า มีอาการร้าวๆ ในบริเวณต่างๆ ขึ้นมา แต่กำลังขา การเดินก็คล่องกว่าเดิมครับ สรรพคุณเขาลงไปที่ เส้นเอ็น กล้ามเนื้อ ฯลฯ

   ผมเองก็ได้นึกว่า ท่านอาจารย์ ณรงค์ แนะนำน้ำมันมะพร้าวมาแล้ว ก็นำมาใช้สิ

    จากนั้นผมมีโอกาสได้น้ำมันมะพร้าวมาราวๆ 1 ลิตรแบบสกัด ผมก็ลองเลยครับ ช่วงนี้หยุดเถาวัลย์เปรียงไว้ก่อน กินก่อนมื้ออาหาร 2 ช้อนโต๊ะ และ ทาด้วย โดยรินเพียง ค่อนช้อนโต๊ะ แล้วจิ้มมาทาที่บริเวณหลังส่วนล่างและสะโพกเอวทั้งหมด

    รุ่งเช้า บริเวณที่ทา มันร้าวปวดไปหมด แปลกไม่เป็นมานานแล้ว แต่พอลุกเดิน พบว่า กำลังขาดีมากขึ้นและอาการขัดๆ หายไปมาก ทำให้ผมเริ่มศรัทธาว่า ว่าถูกทางแล้วครับ

     เท่าที่จำได้ น้ำมันมะพร้าวนี่ หมอกระดูกไทย เขาก็ใช้กันในอดีตแม้ในปัจจุบันครับ

    ขอขอบพระคุณท่านอาจารย์ ณรงค์ ไว้เป็นอย่างสูงครับ จริงๆ ใครอยู่ในวงการ น้ำมันมะพร้าวย่อมรู้จักท่านดี เพราะท่านคือผู้บุกเบิกเรื่องนี้ในไทยก็ว่าได้

     อย่าเพิ่งอ่านแล้วเชื่อลองต่อยอดกันครับ แต่ผมตั้งใจว่า หากทำให้ใครสักคนหายได้เร็ว ไม่ต้องทรมานลองผิดลองถูก ก็เป็นกุศลแล้ว ผลจากกุศลนี้ขอมอบให้ คุณพ่อ คุณแม่ น้องชาย แฟนของผม ผู้มีพระคุณ เจ้ากรรมนายเวร และเทพผู้ดูแลต่างๆ ครับ

     อ่านแล้วดีก็ร่วม ส่งต่อกันครับ

สวัสดีครับ

คุณบอลล์ :0)

Wednesday, June 18, 2014

อัฟเดตอาการของ เว็บมาสเตอร์ กับการผจญภัยในโลกของคนเจ็บหลัง

สวัสดีครับ

    หลังจากที่เป็นอาการเจ็บหลังมา ร่วมๆ จะ 2 เดือนผมก็ได้ผ่านอะไรมาเยอะมาก แต่ต้องขอขอบคุณการเพาะกายที่มีเป็นทุนเดิมไว้ ทำให้ผมมีกล้ามเนื้อที่ แข็งแรงมากพอที่จะรองรับน้ำหนักตัว และไปทำงานได้ค่อนข้างเร็วๆ ทั้งๆ ที่หลายคนอาจจะต้องขอลา พักนาน แต่ผมได้ทดลอง และ พบว่าไปทำงานได้ ซึ่งขอบคุณการเพาะกายทุกครั้ง

     อาการผมดีขึ้นทุกวัน โดยสิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้ ยังไม่กล้าเขียนรายละเอียด แต่บอกไว้คร่าวๆ คือ

    1.ควบคุมอาหาร ดังคำ พระท่านว่า ผู้บริโภคน้อยยามวิกาล ย่อมอาพาธน้อย ตัวผมยิ่งน้ำหนักตัวมากเลยลดมันทุกมื้อ กินตามที่ควรให้ครบ 5 หมู่ครับ แต่กินให้น้อยลง แต่อันนี้แล้วแต่นะครับ ผมมีข้อสังเกตุว่าตั้งแต่ผมมีอาการมา ผมทานน้อยลงครับ

    2.ค้นหาท่าโยคะมาประยุกต์ใช้ แต่ไม่ใช่ เล่นโยคะ แบบคนปกติ คืออะไร?

      ในเน็ตจะมีท่านี้ ออกกำลังกายให้หลังแข็งแรง น่านั้น ช่วยกล้ามเนื้อหลัง คลายสะโพก ผมเชื่อครับว่าดี ยิ่งใน Youtube นี่เยอะมาก แต่คุณๆ ลืมอะไรไป 1 อย่างกันหรือเปล่า?

        -โยคะจะมีการเตือนไว้เลยว่า บางโรคต้องปรึกษาหมอก่อน เล่นโยคะ นั่นแปลว่า โยคะบางท่า เหมาะกับคนที่ปกติ โยคะบางท่า คนป่วยทำได้ และหลายท่า ห้ามทำครับ จำข้อนี้ไว้

       -คนที่เจ็บหลังแล้ว คำว่าแล้วคือคนป่วย จะด้วย การที่กล้ามเนื้ออักเสบ ชะลอการทำงาน หรือ หมอนรองทับเส้น หรืออาการเจ็บหลังใดๆ นั่นคือคนป่วย คุณต้องดูตัวเองครับ ว่า สมควรทำท่าโยคะนั้นๆ ไหม

    วิธีที่ถูกคือ เมื่อเจ็บหลังด้วยอาการใดๆ แล้ว ควรค้นหาว่า โยคะท่าใด กายภาพท่าใด ที่เอามาทำกับอาการป่วยนั้นๆ ได้ หาได้แล้ว จึงค่อยนำมาทำ และ ท่าไหนทำแล้วเจ็บ ให้หยุดไว้ก่อนครับ นี่เป็นหลักของการทำกายภาพบำบัด ทำแล้วเจ็บ ต้องหยุดครับ จนรอดูอาการผ่านไปสักหลายวัน หรือเป็นสัปดาห์ มาลองช้าๆ หากผ่านได้ค่อยทำต่อไป แต่ต้องช้าๆ นะครับ

  3.ช่วงที่รอท่าโยคะหลายท่า ที่ผมยังทำไม่ได้ ผมไม่อยู่เฉย ผมใช้ท่า ยืดเส้น หรือ ท่ากายภาพบำบัดต่างๆ มาทดลองทำช้า ค่อยๆ หาไป จนได้ท่าที่โอเคสำหรับผม และทำเรื่อยมา แนะนำว่า ให้ถามจากคนที่เคยเป็นเหมือนเรา แล้ว เขาใช้ท่าไหน บ้าง ลอกมาครับ แต่ ท่าไหนเจ็บ เลิก และหยุด ครับจำไว้ เปลี่ยนไปเรื่อยๆ สะสมให้ได้สัก 2-3 ท่า แล้วทำประจำ จะเห็นว่าอาการดีขึ้น

  4.แนะนำท่าชี่กง เพราะส่วนมากจะยืนนิ่งๆ ทำท่านั้นท่านี้ ทำช้าๆ ค่อยๆ ทำ และเป็นทางเลือกที่ดี สำหรับคนเป็นใหม่ๆ แต่ต้อง ช้า และ ไม่เจ็บ เน้นว่า คนที่เจ็บมาก ยืนไม่มั่นคง ให้ลองนั่งทำ และให้แบ่งทำ ครับเช่นเขามี 18 ท่าก็ทำวันละ 3 ท่า 5 ท่า แล้วค่อยวนใหม่ อย่าลุยทีเดียว เพราะนั่งทำ เลือดลมไม่ดีเท่ายืนทำ ผมลองมาแล้ว มึนจะเป็นลม มันเหนื่อยมาก

 5. อย่าอวดดี เดินยังไม่เป็นท่า จงใช้ไม้เท้า ไม้เท้าแบบที่ค้ำแล้ว ไหล่ไม่ตก นะครับ ดีกว่า แบบไหล่เราต้องเอียงตามลงไป แม้จะดีขึ้นก็อย่าประมาท ใช้ไม้เท้าไปก่อน

6. ตรวจดูเมื่ออาการปวดส่วนใหญ่คลาย บางคนจะเป็นอาการ ความเจ็บ มันไปกระทบเส้นประสาท มันทำให้ขาอ่อนแรงได้ ก็ค่อยๆ เริ่มใช้ท่า ชี่กง โยคะมาช่วย วิธีที่ผมลองมาแล้วดีคือ ขาอ่อนแรง มักมาพร้อมกับ น่องตึง ให้ทำดังนี้

      ผมใช้ท่า ขัดสมาธ คนอ้วนไขว้ขวาไว้หลวมๆ ก็ได้ แล้วประนมมือ กลางอก กางศอก นับ 1-60 ช้า หากนั่งแล้วเจ็บมากก็นับน้อยลงเป็น 1-10 ก็ได้ จากนั้น ให้ยืดขาไปข้างหน้า เท่าที่ยืดได้ นับ 30 ช้าๆ คนที่เจ็บเอามือประคองข้างตัวได้ จากนั้นสลับขาอีกข้างมาไว้ด้านหน้า ทำเหมือนเดิม แล้ว สลับขาอีกครั้ง ทำเหมือนเดิม

       มันเป็นท่าที่พาเลือดลมมาเลี้ยงตั้งแต่เอวลงไปขาครับ ก็เลือดกับลมใช่ไหม ช่วยรักษาอาการต่างๆ ท่านี้จึงช่วยเรื่องขาอ่อนแรงได้ เห็นผลใน 1 เดือน ครับ

       ยังใช้ท่าที่ว่านี้ กับคั่นในการออกกำลังในท่าต่างๆ หรือ ยิดเส้น หรือ ชี่กง แล้วขาเหมือนมันล้่าอ่อนแรงได้ดีมากครับ

      จากนั้นพักนานหน่อย แล้วค่อยลุกไปยันกำแพง ก้าวขามาด้านหน้า โน้มตัวเข้าหากำแพงแล้วยิดขาอีกข้าง ทำสลับกัน แล้วทำพร้อมกัน จากนั้น นั่งสักพัก ลุกมาจะเดินคล่องขึ้น

     หากทำท่าใหม่ๆ แล้ว เย็นนั้นหรือวันต่อมา มีอาการปวดกล้าม ล้าเห็นชัดให้ทำวันเว้นวันครับอย่าลุยทุกวันค่อยๆ สร้างความแข็งแกร่งครับผม

7. ต้องมีความเชื่อ ออกกำลังกาย ยืดเส้น ทำให้ได้ วันละอย่างน้อย 30 นาที ผมทำจนมาถึงวันละ 45นาทีแล้ว ต้องทำได้ระดับนี้ จะเริ่มเห็นผล

8.เชื่อมั่นว่า คุณจะหายได้ 100% หรือเกินกว่านั้น ตื่นมาพูดกับตัวเองเลย เราหายได้แน่นอน

9.รักษากายแล้ว รักษาทางจิตด้วย ให้สวดมนต์ ภาวนา ยืมพลังดีๆ ของจักรวาล พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์มาใช้ หรือ ร่วมกับการตั้งสัจจะดีๆ สัก 1 ข้อเพื่อโลกเพื่อสังคม หรือตัวคุณเอง เช่น เลิกเหล้าเด็ดขาด
ถวายเป็นพุทธบูชาแบบนี้

10. มีคนที่รับฟังคุณ จงระบายออกครับ แต่คุยเรื่องบวกๆ ให้คนรับฟังบ้าง

11. ไม่ทำอะไรรีบ และพร้อมมีสติไม่ประมาท เกิดพลาดล้ม หรือ เจ็บแบบไม่ตั้งใจ อย่าซ้ำเติมตัวเอง
         คิดบวกอย่างเดียว ว่าเราหายได้

12. กินอาหารครบ 5 หมู่ ดื่มน้ำพอเพียง ทำใจให้สดชื่น

13. ควรออกกำลังกายไปตลอดชีวิต

14. มีโอกาสหาอากาศดีๆ เช่นสวนออกกำลังกาย ยังเจ็บมากต้องมีคนไปด้วย อากาศที่ไม่ใช่อุดอู้ในห้องน่ะครับ แต่ต้องดูตัวเองด้วยว่าไปแล้วกลับไหวไหม แรกๆ หาคนไปเป็นเพื่อน

15. นำความช้าเข้ามาในชีวิต ค่อยๆเดิน ค่อยๆทำ ครับ แบบไหน ให้นึกถึงการรำไทเก๊กครับ นั่นล่ะ

 ลองเอามาให้อ่านกันครับ พบกันใหม่บทความต่อไป

สวัสดีครับ
คุณบอลล์ ;0)


     

Wednesday, June 4, 2014

เว็บมาสเตอร์ มาปวดหลัง เลยค้นหาข้อมูลด้านนี้มาแชร์กันไว้มากหน่อย อาการของผมดีขึ้นเรื่อยๆ และมีความท้าทายมากมาย

สวัสดีครับ

    บล็อกนี้ก็ขอนำข้อมูลแนว การบำบัด การรักษาโรคปวดหลัง มาแชร์ไว้ครับ สำหรับนักเพาะกายจำไว้ว่า อาการปวดหลังมีได้ หากคุณเล่นผิดท่า ดังนั้น ท่าต้องทำให้ถูก หายใจต้องถูก และ ทำช้าๆ จำไว้นะครับ แต่ ตัวผมไม่ได้ปวดหลังเพราะเพาะกาย แต่ปวดเพราะใช้ชีวิต ผิดท่า พอเป็นแล้วก็ ต้องหาข้อมูล ค้นมาได้ ก็ลองทำดู และก็มีอาการดีขึ้นเรื่อยๆ

     ผมยังต้องเดินทางต่อไป มุ่งสู่เป้าหมาย เราต้องหายดี 100% ให้ได้ด้วยความ ศรัทธา มุ่งมั่น และมีระเบียบวินัย ในการทำท่าออกกำลังกายต่างๆ และ ท่ากายภาพบำบัด ซึ่ง ต้องลงมือทำ และ ค้นคว้ามาเรื่อยๆ เพราะการปวดหลัง ไม่ใช่ แค่กล้าม กระดูกทับเส้น หรือ กล้ามเนื้อหนีบเส้นประสาท เราจึงต้องค้นหลายๆ แนว และเลือกเอา ท่าต่างๆ วิธีการ ที่เหมาะกับเรา ทำแล้วอาการดีขึ้นมาปฏิบัติ อย่างมี สติ ปัญญา ค่อยๆ ทำไป ซึ่ง ถือว่าเป็น การแพทย์ทางเลือก แบบค้นหากันเองครับ

     อย่างไรก็ตาม การปรึกษาหมอคือเรื่องจำเป็น ก่อนจะลงมือทำ หากไม่แน่ใจ เอาบล็อกของผมให้คุณหมอชมก่อนก็ได้ครับ ว่าทำได้มากน้อยแค่ไหน

      อย่ายอมอยู่เฉยๆ ทนความปวด โดยไม่ทำอะไรเลย ทดลองค้นหาทางเลือกต่างๆ และลงมือทำ เช่นท่าออกกำลังกาย ท่ากายภาพบำบัด ค่อยๆ ทำดู ให้เวลาสัก 7 วัน - 30 วัน หากพบว่าอาการดีขึ้น ก็เก็บท่านั้นๆ ไว้ ท่าไหน ทำแล้วเจ็บประจำ ก็ทิ้งไปหาท่าอื่นมาทดแทน ผมเชื่อว่า ท่านจะลดความทรมาน ไปได้มากกว่า 90% ครับ และยังทำให้ร่างกายทุกส่วนแข็งแรงตามไปอีกด้วย เผลอๆ คุณภาพชีวิตภาพรวม อาจดีกว่า ตอนที่ยังไม่เจ็บหลังก็ได้

       คำว่าเจ็บหลัง ไล่มาตั้งแต่ คอ ถึง ก้นกบ ครับ ส่วนล่างนี่ ยังเกี่ยวกับ บั้นเอว สะโพก ก้น และ ขาอีกด้วย

      ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกท่านครับ ไม่ต้องเพาะกายก็อ่านได้ครับ แต่ จำไว้ว่า
  ต้องศรัทธา มุ่งมั่นทำไป และ มีวินัยว่า จะทำวันละกี่ครั้ง ต้องทำจริงครับ

วันนี้ขอนำคลิปท่านอาจารย์ท่านนี้ที่ผม นับถือมาให้ชมกันครับ

   

     กายบริหารแก้อาการปวดหลัง เอว หรือยืดกายคลายโรค

นำไปทำกันครับ ขอให้ไว้เป็นวิทยาทาน เป็นกุศลต่อตัวกระผมเองในการบำบัดโรคปวดหลังของตัวเอง
ให้หายจากโรคโดยเร็ว และแข็งแรงขึ้น และ ขออนุโมทนาบุญท่านอาจารย์ไว้ ณ. ที่นี้ครับผม
ขณะที่ ทุกท่านก็ช่วยกันแชร์ เพื่อเป็น กุศลให้กับตัวของทุกท่านเองด้วยครับ สวัสดีครับ :0)


หมายเหตุ: ทำช้าๆ นะครับ อย่าเร่งเด็ดขาด อันไหนเจ็บอย่าทำเด็ดขาด

เผยแพร่เมื่อ 27 ส.ค. 2013
https://www.facebook.com/TharaMassageอ.สุวัฒน์ เชียงใหม่ 089-191-1664 ปรารถนาให้คนไทย มีสุขภาพดี ลดการใช้ยาแก้ปวด
การแนะนำ กายบริหาร เพื่อยืดเส้น เพื่อทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว เพื่อทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายหลังการยืด เพื่อแก้อาการปวดหลัง หรือต้นคอ บ่าไหล่ หริหารกล้ามเนื้อท้องและหลังให้แข็งแรง
ข้อควรระวัง ถ้ากายบริหารท่าใดทำแล้วมีอาการเจ็บหรือเส­ียวหลัง ให้หยุดทำทันที แล้วเปลี่ยนท่าใหม่ที่ทำแล้วไม่เจ็บ เริ่มต้นควรทำแต่น้อย ค่อยๆเพิ่มเมื่อร่างกายเกิดความเคยชิน "ให้"เป็นวิทยาทาน(เป็นท่าต่างๆ­ที่ผมทำ แล้วหายปวดหลัง ผลลัพธ์ที่ได้ขึ้นอยู่แต่ละบุคคล)



    ตามลิงค์ไปเลยครับ

สวัสดีครับ
คุณบอลล์:0)

Saturday, May 31, 2014

การทำสมาธิรักษาโรค ช่วยกันเผยแผ่ครับ เพื่อเป็นวิทยาทาน และขออนุโทนาบุญทุกท่าน

เชิญรับฟัง

                     
 รวมเกล็ดคำสอนของ หลวงพ่อพุธ ฐานิโย รวมรวมเรียบเรียงโดย ดร.ดาราวรรณ เด่นอุดม เผยแพร่ต่อได้ ห้ามจำหน่าย

สวัสดีครับ

เชื่อไหมเจ็บหลังเฉียบพลัน ทำให้กล้ามก้น หยุดทำงานได้ และ อาจเกิดอาการ กล้ามเนื้อเกร็งหนีบเส้นประสาท สร้างความเจ็บปวด

สวัสดีครับ

   ผมมีอาการเจ็บหลัง และ พอจะหายดี มันมีอาการปวดร้าว ระทม ปวดโคตรๆ ที่สะโพกขวา ทรมานอยู่หลายวัน แต่ก็ทุเลาบรรเทามาได้ ด้วย บล็อกดีๆ แห่งหนึ่ง กับบทความเกี่ยวกับ กล้ามก้นที่คุณแอนเขียนไว้ อ่านให้ครบ 2 ตอน นะครับ และช่วยกันแชร์ ต่อๆไป เป็น วิทยาทาน เป็นกุศลสำหรับเพื่อนๆ ทุกท่านและ ผมขออนุโมทนาบุญ คุณแอน กับเพื่อนๆ ไว้ ณ. ที่นี้ครับผม

     บล็อกของคุณแอน  http://dropdeadhealthy.blogspot.com/2013/05/blog-post.html

    เชื่อผมมันมีประโยชน์มากๆ ครับ

    ใครอยากได้บทสรุปสั้นๆ ก็อ่านบทความนี้ ก่อนตามลิงค์ ไปที่บล็อกของคุณแอนครับ

   โดยสรุปคือ กล้ามเนื้อส่วนก้น นี่มันมี เล็ก กลาง ใหญ่ คลุมตั้งแต่แก้มก้นทั้งสองข้าง ออกไปทางสะโพก น้อยคนจะทราบว่า เมื่อมีอาการเจ็บหลัง ไม่ว่าจะเป็น อุบัติเหตุ ล้ม ใช้งานหนัก หรือกระทั่งหมอนรองกระดูกทับเส้น ไอ้อาการเจ็บ แรงๆ ตอนเป็นใหม่ มันจะไปทำให้ บางคน เกิดกล้ามเนื้อก้น Inactivate
คือ นิ่งทำงานไม่เต็มที่ เชื่อไหม นี่คือ หญ้าปากคอก เส้นผมบังภูเขา ครับ

     แล้วก็มีนักวิชาการฝรั่ง เขาสังเกตุและระบุไว้ในหนังสือ ว่า หากเราไม่ Activate หรือกระตุ้น กล้ามก้นบ้างหลังเจ็บหลัง มันอาจจะนอนนิ่งไปนาน เกินไป ต้อง กระตุ้นกล้ามก้นครับ

      ผมเองเริ่มจากสังเกตุว่า ทำไมพออาการเจ็บหลัง ก้น มันทุเลาแล้ว ไปทำงานได้ นั่งได้ ทั้งวัน แต่ท่าเดินเรา มันผิดไปจากเดิม ไม่มั่นคง ร้อยทั้งร้อย ไม่มีใครคิดถึงกล้ามก้นแน่ๆ  วันหนึ่งผมต้องเดินข้ามสะพานลอยพอลงมา เกิดร้อนที่แก้มก้น และลองเกร็งต่อ จะเดินได้ใกล้ปกติเลย จึงไปนั่งร้านกาแฟ แล้วค้นดูเรื่องกล้ามก้น ก็มาเจอ บทความคุณแอน   ขอบคุณมากๆ ครับ

      อ่านแล้วตะลึง กล้ามก้น มันคือ กล้ามสำคัญพอๆ กับกล้ามขา ว่ากันว่า หากกล้ามก้น แข็งแรง เราจะวิ่งเร็วกว่า เดินได้เร็วกว่า กระโดดได้ไกลกว่า คุณพ่อของผมให้สังเกตุว่า นักวิ่งฝรั่งเช่น 100 เมตร จะก้นงอนกระดกกันทุกคน จริงไหม?

      ผมมองมุมกลับหากมันมีปัญหา ทุกอย่างก็กลับด้อยลงจริงไหม ลองอ่านไป อ้าวมีพูดเรื่องปวดหลังที่ว่าไว้ เฮ้ยนี่ใช่เลย เต็มๆ เขายังว่าไปถึงอาการขาอ่อนแรง ข้อต่างๆ ที่ขาอ่อนแรงอีกต่างหาก

      เขาให้เรา กระตุ้นให้กล้ามก้นกลับมาทำงาน โดย ใช้ Mind to Muscle คือใจคุมกล้ามเนื้อ ผมลองนุกถึงกล้ามที่ก้น แล้วก็ ลองเกร็งดู ค้างไว้ 3 วินาที แล้วคลาย ทำแบบนี้ 10 ครั้ง ข้างที่ผมมีปัญหา จากนั้นสลับไปข้างขาที่เดินปกติ เท่ากัน จากนั้นทำให้ครบ ข้างละ 3 รอบ

     สรุป:   เกร็งกล้ามก้นข้างใดข้างหนึ่ง นาน 3 วินาที แล้ว คลาย ทำ 10 ครั้ง
                พักคั่น 10 วินาที
                เกร็งข้างต่อไปแบบเดียวกัน
                และ พักคั่นก่อนเปลี่ยนข้าง
                ให้ทำให้ได้ ข้างละ 3 รอบ


          มีข้อแม้ ทำแล้วเจ็บ จงหยุดทันที แสดงว่า ร่างกายยังรักษาส่วนนั้นอยู่ รอวันครับ ค่อยๆ เพิ่มจำนวนไปจนทำได้ครับ เจ็บมากก็เลิก เว้นวันได้

          ผมนั่งอ่าน ลองเกร็งกล้ามก้นซ้ายขวา จนครบ คือผมไม่เจ็บมากแล้ว นั่งอยู่ ราวๆ 2 ชั่วโมงครึ่ง ลุกกลับบ้าน คราวนี้เดินโดยใช้กล้ามก้นไปด้วย ซึ่งผมลืมใช้ หรือ ใช้น้อยมาตั้งแต่เริ่มเจ็บ คราวนี้ผมเดินคล่องมากๆ จนตกใจ และสังเกตุว่า พอจะไปเดินขึ้นบันไดคอนโด ด้านหน้า และด้านในไปขึ้นลิฟต์ ผมใช้เวลาไม่มาก และ พักรอฟื้นอาการเจ็บที่ยังมีที่หลัง น้อยลงไปอย่างเห้นได้ชัด ปกติต้องพักราวๆ 10 นาที แ่ต่พอใช้กล้ามก้นช่วย ไม่ต้องนานครับ

          แล้วผมยังอ่านเพิ่มจากบทความอื่นผมไปเจอ ท่าออกกำลังกายแบบเดียวกับของคุณแอน ที่ท่านนี้ปวดสะโพกมากๆ แล้วกล่าวถึงอาการ กล้ามเนื้อเกร็งไปหนีบเส้นประสาท แล้วเขาเจ็บที่สะโพก เมื่อนำมาประยุกต์กับการเกร็งกระตุ้นกล้ามก้น ที่มีเส้นประสาทพาดผ่านด้านล่างไปออกสะโพก คืนนั้นผมก็หายจากอาการปวดสะโพกทันที มีร้าวๆ แต่พอเป็นก็เกร็งกล้ามก้นสู้ช้าๆ นับ 3 วิ คลาย มันหายจริงๆ ครับ ผมยังเอามือ มาอังๆ บริเวณที่เจ็บไปด้วย ส่งพลังครับ

         แล้วก็บังเอิญไปเจอ จุด Trigger Point คือ กดจุดรักษาโรคนั่นล่ะ เขาว่า ราคาถูกแต่ให้ผลการรักษาเยี่ยมๆ คือลากตามเส้นกล้ามเนื้อหลังลงไป อยู่บริเวณเหนือข้อสะโพกมาทางบั้นเอว จุดนี้กดแล้วหายแทบทันที คือกดจุดบ้าง  เกร็งกล้ามก้นบ้าง   มันหายจริงๆ ครับ

        ลองค้นดูนะครับ Trigger Point กับกล้ามก้น หรือ ปวดสะโพก ประมาณนี้ จะได้ตำแหน่งที่ชัดเจนขึ้น

        จากนั้นวันไหนเดิน ก็อย่าไปคาดหวังก่อนว่า จะดีมากๆ กว่าเดิม เอาเป็นว่า ทรงอาการแล้วทำไปสัก 1-2 วัน มีคนทักผมมากเลยว่า พี่ๆ พี่เดินดีกว่าเดิมมาก แบบนี้ครับ

        จำไว้นะครับ ทำแล้ว เจ็บ มีผลข้างเคียง มีอาการแปลกๆ เลิกก่อน เว้นสัก 1 - 2 วันค่อยมาทำใหม่ๆ และจงทำท่ายืดเส้นสำหรับคนปวดหลัง ประจำ เช้า หรือ เย็น ช้าๆ ท่าใดทำแล้วดี สะสมไว้ แต่วันใดทำแล้วมันเจ็บ เลิกและเว้นไปก่อน อย่าลืมว่า ร่างกายของเราก็กำลังรักษาตัวเอง อย่าไปทำซ้อนกันครับ
ลุกๆ นั่งๆ เดินๆ บ้าง ทุกๆ 2 ชั่วโมง อย่านั่งจม ครับ

         หากอาการมีข้อ ขา อ่อนแรง ก็ลองค้นการทำกายภาพบำบัด ข้อเท้าอ่อนแรง ขาอ่อนแรง ต้องฝึก-ขยับข้อไว้เสมอ ช้าๆ บ่อยๆ ครับ ลองดูครับ

         ยังมีคลิปของหมอสุวัฒน์ เชียงใหม่อีก ลองตามไปดูครับ สำหรับโรคนี้โดยตรงครับ
 
                                             ขออนุโมทนาบุญคุณหมอ สุวัฒน์ ไว้นะที่นี้ครับ
                                              ขอให้ช่วยกันแชร์เพื่อเป็นวิทยาทานครับ


        เราต้อง มีศรัทธา  มีมานะ และมีวินัยครับผม   ใครอ้วน อย่าคิดมาก ลดให้ได้เดือนละ 2 กิโลกรัม ทำไปเรื่อยๆ ปีหนึ่งไม่ต่ำกว่า 10 กิโลกรัมแน่ๆ ง่ายๆ คือ งดข้าวมื้อเย็น ทานผลไม้ น้ำมากๆ เอาให้ครบ 5 หมู่ต่อวันก็แล้วกันครับ

          ขอให้ทุกท่านสุขภาพดีถ้วนหน้าครับ  อ้ออย่าลืมตามลิงค์ข้างบนไปอ่านบล็อกต้นฉบันของคุณแอนด้วยนะครับ

สวัสดีครับ
คุณบอลล์ :0)

Saturday, May 24, 2014

การเพาะกาย กับคุณูปการทางตรง และทางอ้อม ยามเจ็บไข้ได้ป่วย (ปวดหลัง)

สวัสดีครับ

   คนที่เคยปฏิบัติมา หมายถึงทางด้าน สมถะหรือวิปัสนากรรมฐาน คงไม่มีใครไม่เคยได้ยินคำว่า
มรณานุสติ อันหมายถึง ทุกคนมีที่หมายคือ ต้องตายกันทั้งนั้น เป็นการมีสติ เตือน ตัวเอง ตลอดเวลา ทำให้ มีสติทำให้สิ่งอันควร นี่พื้นๆ หากเป็นผู้ปฏิบัติจริงจัง สามารถทำให้เข้าใจเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดและ เบื่อในการเกิดได้จริงๆ ข้อนี้ เป็นวิปัสนา

    ตัวผมเองมีความรู้เพียง หางอึ่งพอได้ศึกษามาบ้างก็พบว่า ยังไม่ต้องคิดเรื่องตายหรอกครับ เพียงได้เจ็บหนักๆ แรงๆ ก็พอจะเห็นภาพและได้สติในหลายๆ เรื่องว่า ชีวิตนี้มีค่านัก จงเร่งทำความดีเถิด และ ซาบซึ้งในพระคุณของพ่อและแม่ อย่างสูงยิ่ง

    ยามที่เรายังแข็งแรง เราน้อยนักจะเห็นความสำคัญของเพื่อนรัก คือ ร่างกายของเรา เพราะมันเป็นของตาย และอยู่กับเรามาแสนนาน จนวันที่เราบาดเจ็บหนัก ป่วยแรง และเต็มไปด้วยคำถามมากมาย เราจะทราบดีว่า พระคุณ พ่อแม่ นั้น สูงส่งเพียงใด

     เอาแบบพีื้นฐานที่สุด หยาบๆ พระคุณพ่อแม่มองได้จากที่ไหน   สำหรับผม มองเห็นได้จากร่างกาย ของเรา ที่ กินได้ นอนหลับ ตื่นขึ้นมา ลุกนั่งสบาย มีแรงกายไปทำงาน และเพียง ลุก นั่ง ยืน เดิน และ นอน ได้อย่างสบายๆ ไม่มี อาการเจ็บปวดใดๆ เราจะบอกว่า นี่เราโชคดี จริงๆ ไม่ใช่แค่นั้น

    ต้องคิดต่อไปว่า อะไรคือต้นเหตุแห่งความโชคดีนี้ล่ะ

     คำตอบคือ พ่อแม่ ที่ให้ร่างกายและจิตใจของเรามา  คุณภาพชีวิตที่อยู่มาได้อย่างไม่เจ็บป่วย หรือ ปวด คือ ชีวิตที่พ่อแม่ให้


      จนวันที่เราเจ็บป่วยเราจึงรู้ค่าว่า ร่างกายนี้สิคือ ของขวัญชิ้นสำคัญที่พ่อแม่มอบให้  และคนเราต้องมี พลังศรัทธา ในการรักษาตัวเอง โดยมีหลักส่วนตัวดังนี้

หลักในการรักษาตัวเอง จงอย่ายอมแพ้

1. มีศรัทธาในการรักษาตัว ปรับใจลงมากลางๆ แล้วตั้งใจว่า ต้องรักษาตัวเองให้ดีที่สุด
     +การแพทย์ปัจจุบัน
     +การบำบัด, กายภาพบำบัด
     +การแพทย์ทางเลือกต่างๆ
     + การรักษาโดยพลัง เช่น ชี่กง โยคะ และอ่ืนๆ

2. เข้าหาผู้ใหญ่ พูดคุยแบ่งปัน อย่าเก็บปัญหาไว้คนเดียว

3. พูดคุยกับญาติ หรือ เพื่อน กำลังใจสำคัญ

4. จงต่อสู้ และ คนรอบข้างจะร่วมสู้กับคุณ

5. ยามว่าง ต้องหาความบันเทิงใจ ที่ไม่ทำให้อาการคุณกำเริบ ของผม ฟังเพลง ดูหนังที่ห้อง
    แต่ต้องไม่มากเกินไป

6. หลวงพ่อจรัล วันอัมพวัน สิงห์บุรี ท่่านว่า  สวดมนต์เป็นยาทา  วิปัสนาเป็นยากิน ทั้งกินทั้งทา ย่อมดีแน่
    จะป่วยหนัก ป่วยไม่หนัก ทำข้อ 6.นี้รับรอง มีแต่ได้กับได้ และมีผู้ป่วยจำนวนมาก หายขาด อย่างไม่น่า     เชื่อ ด้วยข้อ 6. นี้

ึ7. งดอบายมุขทุกชนิด เพื่อป้องกัน ทุกข์ใหม่ๆ ขจัดทุกข์เก่า

8. เชื่อว่า เราต้องทำได้ มีศรัทธา เสมอ และ เจริญอิทธิบาท 4 ธรรมแห่งความสำเร็จ พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ว่าเป็น ธรรมะแห่งความสำเร็จ พุทธพจน์เป็นคำจริง ดังนั้น เจริญมากๆ เราหายเจ็บป่วยได้แน่นอน

  ผมมีคร่าวๆ 8 ข้อนี้

 เอ้าวันนี้พาเข้าหัวข้อก่อนครับ สำหรับคนที่เจ็บหลัง และต้องใช้ไม้เท้า จะเป็นแบบในรูป หัวกลม แบบมือจับ หรือแบบใดก็ตาม มันคือการใช้ไม้เท้า พวกเราเป็นนักเพาะกายแน่ละ มวลกล้ามเนื้อมากกว่าคนทั่วไป นั่นคือ น้ำหนักตัวย่อมมากกว่า ระดับถัวเฉลี่ย ยามไม่เจ็บหลัง ไม่มีทางรู้ว่า น้ำหนักที่มากกว่า ยามที่ต้องใช้ไม้เท้า มันมีผลต่อมือข้างที่ใช้ไม้เท้า อย่างไม่น่าเชื่อครับ มันคืออะไร?

                                                              มันคืออาการ กลุ่มที่เรา รู้จักดี
                                                                       นิ้วล็อค นั่่นเองกั



    ที่ผมว่า พวกเรานักเพาะกายรู้จัก อาการนิ้วล็อคกันดี เพราะนิ้วล็อค เกิดมาจากการ ยกของหนัก และผมขอแถมคือ การที่ฝ่ามือต้องยันกับวัตถุเดิมๆ ซ้ำ อีกด้วย โดยมีน้ำหนักกดลงมาจากลำตัวและแขนมาที่ฝ่ามือโดยผิดธรรมชาติ ในที่นี้ คือการใช้ไม้เท้า นั่นเอง

    นักเพาะกายจำนวนหนึ่งจะมีอาการนิ้วล็อค หลังจากฝืกได้ไม่นาน แต่คนที่อ่านบล็อกนี้ของผม จะไม่กลัวนักเพราะผมเคยเขียนบทความไว้แล้วว่า เรารักษาตัวเองได้ และได้จริงๆ ขณะที่เพิ่งเริ่มเป็น ซึ่งลองตามหาอ่านนะครับในบทความเก่าๆ สาเหตุจากนิ้วล็อค มาจาก วงแหวนของเอ็นนิ้วมือ มันอักเสบครับ ทางการแพทย์ เขาจะเข้าไปตัดมัน ง่ายๆ แต่หากเพิ่งเริ่มเป็น รักษาได้ครับ เพราะผมรักษาตัวเองมาแล้วและหายขาดมาก่อนๆ เอ้าบอกคร่าวๆ เน้นคนเพิ่งเริ่มมีอาการนะครับ เช่น ตื่นมาตอนเช้า มีนิ้วหนึ่ง งอเป็นมุมฉาก ไม่ยอมยืดเหมือนเพ่ือนๆ  หากลองดัดเบาๆ ลองกำมือ สักพัก เขาคลาย ก็ให้ทำดังนี้

     -เอามือข้างที่เป็น มาจับข้อมืออีกด้านโดย วางนิ้งโป้งขนานไปกับท่อนแขน อย่าไปกำ 
     - นิ้วที่เหลือ กำท่อนแขนเหนือข้อมือไว้ แล้ว ให้ดึงเนื้อที่กำไว้ถอยออกมา แล้วกดปลายนิ้วทั้ง 4 ลงไป จะได้ยินเสียง ครึ้ก รู้สึกไปถึงโคนทุกนิ้ว นั่นล่ะ ทำสัก 2-3 ครั้ง
     - จากนั้น ทาพวก แซมบัค ที่ โดนนิ้ว หรือทั้งฝ่ามือ เรียบร้อย
   ให้เลิกเล่นเหวต สัก 7-10 วัน รับรองหายครับ จากนั้นเวลากลับมาเล่น จงใส่ถุงมือเสมอ ครับ

   จากความรู้เดิมข้างต้น ผมเจ็บหลังและใช้ไม้เท้ามาราวๆ เกือบเดือน เช้าวันหนึ่ง ตื่นมา มือระบมครับ และมีอาการนิ้วล็อค ผมก็เฉยๆ เราเล่นเหวตมาเรารู้จักอาการนี้ดี  ก็ทำเหมือนที่บอก และ ผมพิสูจน์ว่า ผมทำได้จริงๆ 2 วันอาการปวดแปล็บๆ ทั้งฝ่ามือหายและนิ้วล็อคก็หาย ทำไม?


   ที่ผมหายนิ้วล็อคอีกแล้ว ก็เพราะมันคืออาการเดียวกับ การยกน้ำหนักนั่นล่ะ จนผมสรุปได้เองว่า หากมีน้ำหนักกระทำกับมือแบบผิดธรรมชาติ มันจะเป็น ดังนั้น ผมก็รักษาตามวิธีของผม และเอา ถุงมือเพาะกายมาสวม ดังรูป แล้วผมก็ไม่เขินอาย ผมสวมมันเวลาใช้ไม้เท้าไปข้างนอก แล้วมันก็หายขาด ครับ จริงๆ มันเท่อีกต่างหาก คุณว่าไหม 



       ภาพตอนสวม เป็นถุงมือที่ผมเคยเขียนบทความสมัยก่อน ยังสภาพดีมาก ซื้อหาได้ที่แผนกกีฬาตามห้างครับ ผมซื้อที่ The Mall ครับ 3 ปีแล้ว เป็นแบบรัดที่ข้อมือ เป็นแถบติดกันดีเสียอีก เวลาย้ำน้ำหนักลงไปมันคอยเซฟข้อมือให้เราอีกด้วย แล้วเวลาขึ้นรถ หรือ อะไร เราจะคว้าจับ ก็ยังแน่นไม่ลื่นอีกต่างหาก ลดภาระมือของเราไปได้ มากโข นี่ล่ะที่ว่าประโยชน์ทางอ้อมของการเพาะกาย เรามีอุปกรณ์พวกนี้ในห้องในบ้าน ไม่ต้องไปหาซื้อที่ไหนให้เมื่อยครับ บวก ความรู้จากบล็อกนี้เรื่องนิ้วล็อคทำให้เรารักษาตัวเองได้อีกต่างหาก

ภาพขณะสวมถุงมือและจับไม้เท้า ตามที่คนเราถนัด

   อย่างไรก็ตามประโยชน์อีกข้อของการเพาะกายคือ การรู้ว่า การใช้ท่าออกกำลังที่ถูกต้อง จะทำให้ชีวิตเราสบายขึ้น ไม่อันตราย รูปข้างต้นคือ การจับที่สวมวันแรก เพราะมันยังเจ็บๆ แปล็บๆ หากสวมถุงมือแล้วยังเจ็บให้จับแบบ ดัชนี้ชี้พื้น คือ ยืดนิ้วชี้ลงไปตามความยาวของไม้เท้า และ มีนิ้วโป้งประคองยืดเช่นกัน ขณะใช้ฝ่ามือเป็นเสมือนเป้าคลุมหัวไม้เท้าไว้ คุณจะพบว่า รับน้ำหนักได้ดี และ ไม่เจ็บมือครับ คนที่อาการเจ็บหลังทุเลาแล้ว จับท่านี้ก็ยังไหวครับ


ภาพแสดงให้เห็นมิติต่างๆ ของมือ ถุงมือ และ หัวไม้เท้า

   ขอให้ท่านจดจำสิ่งที่ผมเขียนเผยแผ่นี้ไว้ เป็นวิทยาทานครับ สำหรับคนใช้ไม้เท้า คนเจ็บหลัง การสวมถุงมือสามารถช่วยคุณจาก อาการนิ้วล็อคได้ ซึ่งหากเราไม่รักษามันจะเป็นการ ซ้ำเติมอาการ ที่จะใช้ไม้เท้าก็ยังใช้ไม่ได้ เพราะเจ็บมือ นิ้วล็อค นี่เป็นวิทยาทาน เป็นกุศลแรง ขอให้เรามาช่วยกัน แชร์ไปนะครับเพื่อเป็นวิทยาทาน สืบไป
  
   เล่าจากประสบการณ์จริง สวัสดีครับ

 สวัสดีครับ
คุณบอลล์ :0)

Sunday, May 18, 2014

ข้อสังเกตุ นักเพาะกายที่ กลายมาเป็นคนป่วยชั่วคราว อ่านกันครับ

สวัสดีครับ

    กายเพาะกายนั้น สร้างคุณูปการ ให้กับนักเพาะกาย มากมายจริงๆ เพราะกล้ามเนื้อ ฟ้องให้คนรอบข้างได้รับรู้ว่า เราแข็งแรง แกร่งเพียงใด ไม่ต้องแสร็งทำ หรือ กร่างไม่เข้าท่า กล้ามเนื้อมันบอกได้ชัดครับ ไม่ต้องไปสร้างภาพใดๆ

    ประโยชน์อีกข้อคือ หากเราหัดมาพอสมควร เราอาจพร้อมรับความเจ็บไข้ได้ป่วยได้ดี กว่าที่เราจะคาดคิด ตัวผมเองตอนนี้ เป็นโรคเจ็บหลัง ไม่ได้มาจากเพาะกายนะครับ แต่มาจากวิถีชีวิต ที่ ดันไปนั่งหลังค่อม จนติดเป็นนิสัย แล้ววันหนึ่งอาการเจ็บหลังเฉียบพลันก็เกิดขึ้น

     แต่แม้จะเจ็บร้าวอยู่ราวๆ 3 วันก็ยังทนอยู่ได้ กับการกินพารา เป็นระยะๆ (ตัวอย่างที่ไม่ดี จริงๆ แล้วหาหมอก่อนดีกว่าครับ) คราวนี้มันให้ความรู้ผมเรื่องการเจ็บหลังมากพอควร ครับ

     วันที่ 3 น่ะ ผมสามารถฝืนเดินไปซื้อเสบียงที่ 7-11 ได้ด้วยตนเอง แปลกใจว่า ขามันพาไปไหวได้อย่างไร นั่นเพราะ ผมเคยเล่นเพาะกายขา มาอย่างหนักครับ เช่น Leg Press เป็นต้น

    การเดินลงไปจากคอนโดแม้จะมีลิฟต์แต่บันได ทีหลายแห่งผ่านได้ เพราะ ขาเราเคยเพาะกายมา นั่นเอง ผมยังคิดว่า หากเป็นสมัยก่อน ป่านนี้ คงเดินยากล่ะ

    หลังจากเป็นได้ `4` วันก็พบหมอ คุณหมอก็ดูแลอาการให้ยา และ เจลมาทา ก็พอบรรเทา และอาการปวดแรงๆ หายไปมาก แต่ อาการ ขาอ่อนแรงตามมา แต่เชื่อไหม ขนาดนั้น ผมก็ยังเดินได้ แม้จะช้าลง
จงสร้างกล้ามเนื้อไว้ครับ เพราะหากมีเรื่องฉุกเฉิน คุณยีงช่วยเหลือตัวเองได้บ้างแบบผม

    ขอให้ฝึกเพาะกายกันไว้บ้าง เพื่อช่วยพยุงรักษาร่างกายคุณในอนาคต และในยามที่ต้องการ

เท่านี้ก่อน

สวัสดีครับ
คุณบอลล์
:0)

Thursday, May 1, 2014

กล้ามเนื้อหลััง และ กล้ามเนื้อหลังส่วนล่าง กับการนั่งหลังตรง

สวัสดีครับ

    ผมเคยมีประสบการณ์ เป็นโรคเจ็บหลัง และ ขอนำเรื่องนี้มาเล่าให้อ่านกัน

กรณีการเจ็บหลังมีได้หลายสาเหตุ แต่ปัจจุบัน การเป็นคนที่เจ็บหลังกลับอายุน้อยลงทุกที วัยทำงานส่วนมาก เริ่มตรงนี้ก่อนเลย เพราะการทำงาน มันบังคับให้เรานั่ง อย่าไปไหน จริงไหม

  การนั่งตลอดวัน มันผิดธรรมชาติของคนอยู่แล้วครับ แล้วยังนั่งหลังไม่ตรงอีก แรงดันรับน้ำหนักมันไปลงที่กระดูกสันหลัง ส่วนล่างเยอะมาก เคยเห็นคนเขียนไว้ว่า น้ำหนักตัวุคุณ ต้านกับแรงต้านของเก่้าอี้เลยนะครับ นี่ล่ะน่ากลัว ท่านั่งคือท่าที่รับน้ำหนักมากที่สุดครับ ระวังๆ

   ดังนั้น คุณก็แก้ง่าย ๆทำเป็นลุกไปคุยงาน ไปห้องน้ำ ไป ปรึกษาหัวหน้า งัดออกมาครับ ทุก 2-3ชั่วโมงให้ได้ลุกเดินจะดีที่สุด และ

   จงไปหาท่าออกกำลังที่สร้าง หรือ บริหาร กล้ามเนื้อหลัง บน กลาง ล่าง มาทำเป็นประจำ คุณก็จะป้องกันอาการปวดหลังได้ ครับ เพราะกล้ามเนื้อจะคอยช่วยพยุงอีกแรง

หมายเหตุ: ข้างต้นคือ สำหรับคนที่ยังไม่เป็นนะครับ คนที่เป็นแล้วให้ปรึกษาหมอก่อน ว่าออกกำลังกายแบบไหนได้บ้างครับผม


   ที่สำคัญ จงนั่งหลังตรงเสมอ จำไว้นะครับ อย่าลุกเร็ว นั่งเร็ว ตอนนี้ไม่เป็นไร แต่พออายุมากขึ้น มันปวดหลังได้

    มีอาการปวดหลังไม่ไหวก็อย่าฝืน ไม้เท้าครับ จะทำให้อาการหายเร็วขึ้น โดยพื้นฐานที่ผมลองมา ปวดข้างไหนมาก ไม้เท้าไว้ข้างนั้นครับ โดยวิธีเดิน ด้วยไม้เท้า ที่ผมใช้คือ

   สมมุติว่า เจ็บหลังซ้าย  ไม้เท้า ไปหน้าก่อน นับ หนึ่ง ลงพื้น แล้วขาซ้ายตาม จากนั้น ดันไม้เท้าไปด้านหลัง นับ 2 3 หรือ 4 ไม้เท้าเป็นภูมิปัญญาโบราณครับ ใช้ไม้เท้า ผมว่าจะหายเร็วกว่าไม่ใช้ครับ

   แม้จะดีขึ้น ก็ให้พกไม้เท้าไว้ก่อน จนโอเคจริงๆ ค่อยเลิกครับ

    คุณควรทำประกันชีวิต หรือ ประกันภัยไว้ เพราะอาการปวดหลังมักจะ ดูกัน มากรอบ หมอจะนัด จะได้ช่วยให้ค่ารักษา ฟรี ครับ ทำไว้เถอะครับ

  ยังมีอีกเรื่องคือ หลายปีก่อน ฝรั่งพบว่า เรื่องจิต สมาธิ ลดอาการปวดหลังได้ครับ โดยให้คุณทำสมาธิสัก 15 นาที แล้วตั้งจิตเพ่งไปที่บริเวณที่ปวด แล้วคิดว่า ให้หายดีเป็นปกติ เอามือลูบได้แต่อย่าไปนวดนะครับ

   ขอให้ทุกคนหายดีครับ

ปล. ถ้ากำลังเป็น อย่ามัวรอ ไปหาหมอครับ เขาซักคุณไม่นาน ก็เรียบร้อย อาจมีต้องเอ็กซ์เร ก็ครั้งแรกน่ะครับ ให้บอกหมออย่างละเอียด อย่าอาย แต่ต้องสุภาพ ท่านจะได้วินิจฉัยได้ตรง ครั้งต่อๆไป หากตรวจต่อเนื่อง จะง่ายแล้ว เพราะหมอก็ถามอาการ ครับ น้อยๆ ก็กินยา เป็นแค่กล้ามเนื้อ หากมากกว่านั้น ก็ดึงหลังอะไรไป ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านครับผม  อย่ามัวรอให้เจ็บหลัง เป็นแล้ว ไม่ยอมหายรีบไปหาหมอครับ ให้นับวันที่เริ่มมีอาการวันแรก ไปบอกหมอด้วยครับ
     

สวัสดีครับ
คุณบอลล์ :0)

Wednesday, April 2, 2014

สติมาตัวแรกเลย กับเส้นทางการ งดอาหารของผม แบบตลกดีไหม?

สวัสดีคร้ับ

   เมื่อวานเพิ่งลงบทความ การงดอาหาร ยกเว้นเนื้อสัตว์ กินน้อยๆ ไปเพียงว้ันเดียว ว่า ควรทำให้ได้ 4 วันต่อสัปดาห์ สำหรับคนไม่ได้เจ็บป่วยอะไรนะครับ แต่ว้ันนี้ก็พลาดแล้วครับ ทั้งๆ ที่จะจัดให้งดเนื้อสัตว์ 2 วันติด 1 ครั้ง ดันพลาดเสียแล้ว อย่างไร

   เริ่มจากเช้านี้ไม่ค่อยสบายๆ ทำให้ทำงานสาย ที่ทำงานโทรมาตามเพราะต้องใช้กุญแจที่อยู่กับผม เราก็รีบทำธุระแล้วมาทำงาน ก็เคลียร์ไปจนเรียบร้อย เริ่มเหนื่อยๆ เสร็จก็แวะมาดูคอมพิวเตอร์ ที่โต๊ะทำงาน สักพัก นึกได้ว่า ลืมกินข้าว ก็ออกมากินข้าวสักหน่อย

    อ่านดีๆ ครับ

    ผมเดินไปที่ร้านอาหาร ในหัวโล่งมาก มันเหมือนมีประสาทอัตโนมัติ คิดแต่ไปกินข้าว พอถึงร้าน อาโกที่ร้าน ก็บอกว่า เหมือนเดิมไหม ผมตอบว่า เหมือนเดิม แกก็ไปสั่งกุ๊ก เราก็นั่งอ่านหนังสือพิพม์ สักพักข้าวก็มา เพิ่งจะนึกออก ว่า


         "ว้ันนี้กรู จะกินมังสวิรัติ นี่หว่า...." เป็นงั้นไป

    ดังนั้น อย่าไปคิดมากครับ จงให้อภัยตัวเอง ก่อนเลย แล้ว ก็กินๆ มันไปครับ อ้าว แบบนี้ เรียกว่า ไม่มีวิน้ัยนี่ มิได้ครับ เราเรียกว่า เผลอ ครับ จะโทษอะไร หรือใครล่ะ  ก็ให้ระวังหน่อยครับ แรกๆ จะเป็นแบบนี้ครับ เผลอได้ แต่พ้น 1 สัปดาห์ไปแล้ว อย่าพลาดครับ เพราะคราวนี้ จะเสียวินัยจริงๆ

    เลยได้กินเนื้อสัตว์จนได้ในวันนี้ แต่มาเขียนให้อ่านกันว่า มันเผลอกันได้ครับ เพราะ เป็นปีๆ เป็นสิบปีที่เรากินเนื้อ กินตามปกติมา จะให้มัน เป๊ะ เสียแต่วันแรกๆ ก็คงยาก เขาเรียกว่า เคยชินแบบนี้มาครับ :0)

    เอ้าก็มาให้กำลังใจก้ันนะครับ คนที่อ่านบทความของผม ก็ขอให้อ่านให้ครบๆ ครับ แล้วมาสุขภาพดีไปด้วยกันจ้า


สวัสดีครับ
คุณบอลล์ :0)

Tuesday, April 1, 2014

คุณเคยหิวแบบจริงๆ ครั้งล่าสุดเมื่อไร? ฟื้นฟูอวัยวะภายในกันสักหน่อยไหม พี่น้อง

สวัสดีครับ

  วันนี้ ใกล้เที่ยงก็มานั่งเขียนบทความให้ชาวเรา บล็อก เพาะกายแบบแมนๆ สไตล์ คุณบอลล์ ให้อ่านกันครับ สำหรับแนวทางการยก การหายใจ การปฏิบ้ัติตัว ก่อน ท่ามกลาง และ หลัง การเพาะกาย เชื่อว่า พี่น้องจะได้อ่านกันเยอะแล้ว จากบล็อกของผม นะครับ

   นับว่า เป็นความพากเพียรจริงๆ ที่ทำมาก็เข้าปีที่ 3 แล้วนะ เดือน พฤษภาคม ศกนี้ ครับ กับยอดเข้าชม จะ 1แสน กับ 1 หมื่น ขาดอีกไม่กี่ร้อยครั้งครับ

   วันนี้ ก็ขอนำเสนอแนวคิด ดีๆ ให้อ่านกับว่า  คุยหิวจริงๆ ครั้งล่าสุดเมื่อไร?

   เหตุที่ถามแบบนี้ก็เพราะว่า อยู่ๆ ก็คิดขึ้นได้ว่า ตอนเราเด็กๆ วัยรุ่น  ที่เขาว่ากันว่า พลังยังเยอะ เราจะมีช่วง หิว บ่อยมากครับ เช่น เล่นนานๆ แล้วหิว หรือ เล่นบอลกับเพื่อนๆ ตอนเย็น แล้วหิว หรือ เรียนๆ ไป เพิ่ง 11 โมง ก็หิวข้าวเที่ยงแล้ว แต่ทว่าๆ

    พอเรามาทำงาน มีเงินเดือนใช้ จะไปไหน มีเงินทองมากพอที่จะ กินเที่ยว ตามใจ อาการ เหงาก็หายไป และ อีกอาการก็หายตามไป คือ อาการหิว ตามธรรมชาติ นั่นเอง เริ่มเห็นเค้าแล้วใช่ไหมครับ

     จากการสังเกตุตัวเองนี่ล่ะ พบว่า อาการหิวแบบจริงๆ หิวจริงๆ ไม่ค่อยเกิดกับตัวผมเท่าไรแล้ว เริ่มสังเกตุชัดๆ ก็ ราวๆ 35 ขวบที่ผ่านมานานปี บางวัน เคยขนาดว่า กินมื้อเดียว เพราะเพิ่งมาหิว เอา บ่ายๆ เย็นๆ แต่ นั่นดีหรือเปล่า

     การทีเราไม่ค่อยหิว เพราะเรา กินดีอยู่ดี หรือ ว่า เรากินเกิน กินสิ่งไม่จำเป็น มากเกิน ไปหรือเปล่า
เป็นไปได้ไหม?

     เป็นไปได้ไหม ที่เรากินเกินความจำเป็น มาเป็นปีๆ จนร่างกาย ดูแลตัวเองจนเหนื่อย ของเก่ายังขจััด กากอาหารไม่หมด ซ่อมแซม อวัยวะในการย่อยไม่เสร็จ หรือ ไม่ได้พักเลย เลยไม่่มีอาหารหิว ออกมา แทนที่เราจะคิดว่า จะขาดสารอาหาร หากกินไม่ครบ 3 มื้อ เราควรปรับอะไรหน่อยไหมว่า

    ถ้าโดยส่วนใหญ่กินครบ 3 มื้อ ครบ 5 หมู่ น้ำกินถึงไม่ขาด บางวัน ด้ังนั้น หากไม่หิว ก็ไม่ต้องกิน หรือ กินเฉพาะมื้อที่ หิวจริงๆ เท่านั้น แบบนี้ได้ไหม

    หมายเหตุ: ผู้ป่วยด้วยโรคใดๆ ก็ตาม หรือ มีอาการโรคกระเพาะ  ควรปรึกษาแพทย์ ก่อนทดลองทำตามแนวทางบทความนี้

      หากเรามีร่างกายปกติดีๆ แล้วส่วนมากก็กินครบ ผมว่า บางวันเรา ควรลดปริมาณอาหารลง หรือ กินน้อยมื้อที่่สุดจะดีไหม?

       เรื่องการสังเกตุุที่ผม ว่าไว้ข้างต้นนี้ ไม่ใช่เรื่องใหม่เลยครับ มนสอดคล้องกับภูมิปัญญา โบราณ ที่มีมานานแล้ว เช่น

       -ในพุทธศาสนา จะมีบัญญัติให้ งดอาหารในยามวิกาล เช่นในไทย พระท่านจะฉัน 2 มื้อ คือ เช้ากับ เพล บางแห่ง ฉันเพียง 1 มื้อ เป็นต้น จะมีข้อยกเว้น ก็น้ำปานะในมื้อเย็น หรือ ตามคำอธิบายนี้

คำว่า “ปานะ” แปลว่า เครื่องดื่ม หรือน้ำสำหรับดื่มที่คั้นจากผลไม้ ที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตไว้ ชนิด หรือที่เรียกว่า น้ำอัฏฐบาน ได้แก่ น้ำมะม่วง, น้ำชมพู่หรือน้ำหว้า, น้ำกล้วยมีเมล็ด, น้ำกล้วยไม่มีเมล็ด, น้ำมะซางต้องเจือด้วยน้ำจึงจะควร, น้ำลูกจันทน์หรือองุ่น, น้ำเหง้าบัว และน้ำมะปรางหรือลิ้นจี่

  ขอขอบพระคุณ ต้นฉบับ โดย 
น้ำแบบไหน คือ “น้ำปานะ” 
โดย...พระมหาอดิเดช สติวโร (สุขวัฒนวดี) 
วัดเกตุมดีศรีวราราม ต.บางโทรัด อ.เมือง จ.สมุทรสาคร

   
      http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?t=44859

       -ในงานค้นคว้า ระดับโลก ก็ลองติดตามอ่าน หัวข้อ การอดอาหารเพื่อสุขภาพ ในเว็บมีมากมาย แต่ให้พิจารณา และ ค้นคว้าให้ดีๆ จากแหล่งที่เชื่อถือได้นะครับ

       -ในอิสลาม เช่น ช่วงเดือนแห่งการถือศีลอด    เป็นต้น


   เราจะเห็นว่า การอดอาหารบ้าง จึงเป็นเรื่องที่ คนโบราณ เห็นมานานแล้วครับ ถามว่า หากเรามีสุขภาพแห่งแรงดีๆ จะทดลองอดอาหารบ้าง ทำอย่างไร

   แนวทางที่ผมเคยทำมาแล้ว มีดังนี้

หมายเหตุ: ขณะที่อดอาหารครั้งนี้ ซึ่งทานแต่ผลไม้กับน้ำ ผมแทบไม่ได้ทำอะไรเลย ดูทีวี นอนพัก นี่คือ
                 ข้อมูลเสริมเพราะพักร้อน พอดีครับ

     1. ผมกินแต่ผลไม้ ครับ 3 มื้อ ติดต่อกัน 3 วัน โดยขอให้คุณแม่ ช่วยเตรียมผลไม้แต่ละมื้อให้ ก็เป็นปริมาณที่ไม่น้อยในแต่ละมื้อ คือ เช่น มะละกอ แตงโม เป็นต้น ใส่ใน 1 จานข้าว อันนี้กะกันให้เหมาะกับตัวเอง ผลไม้ ก็ลองค้นคว้ากันไม่จำเป็นต้องแบบผม แต่จำไว้ให้ดีว่า

      ต้องดื่มน้ำให้เพียงพอ ห้าม กระหายเด็ดขาดนะครับ


   2.เข้าวันที่ 2 อาการฉี่บ่อย มึนๆ เพลียๆ  หายเป็นปลิดทิ้ง ร่างกายเริ่มเบาๆ และตื่นมาสดชื่น ทานผลไม้ 3 มื้อ น้ำตามต้องการต่อไป

   3. วันนี้ทำเหมือนเมื่อวาน

    4. เช้าวันที่ 4. ค่อยๆ เลิกจากการอดอาหาร แบบค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป โดย ดื่มน้ำมะนาว ที่คุณแม่ทำให้ ผสมน้ำ ราวๆ 1 โถพลาสติก สูงราวๆ 1 ฟุด น่าจะ ราวๆ 1 ลิตร และ ให้ค่อยๆ จิบ นะครับ ย้ำนะครับ ค่อยๆ จิบไป ผมตั้งเกณฑ์ ไว้ไม่ให้เร็วเกินไป ก็คือ  ห้ามจิบหมด ก่อน 1 ชั่วโมง หากได้  1 ชั่วโมงครึ่งยิ่งดี หลังจากนั้น มันจะมีอาการต้องการถ่ายหนัก ก็เข้าห้องน้ำตามปกติครับ แล้ว ก็ทานอาหารเช้า เว้นสักพัก เอามื้อเล็กๆ ก่อนครับ


     การทดลองครั้งนั้น น่าจะ 2 ปีก่อน พบว่าได้ผลดีมากครับ อาการอ่อนอ้า เพลีย สะสม หายไปเลย แต่หลังจากนั้น ก็ไม่ได้ทำอีกเลย จน สัปดาห์นี้ เริ่มรู้สึกว่า เราทานเยอะไปจริงๆ เลยลอง กลับมาอดอาหารดู ก็ พบว่าเกิดอาการ หิวมากๆ ซึ่งหายไปนานกลับมาครับ คือ

    1. เปลี่ยนจาก ข้าวราดแกง + กับข้าว 2 อย่าง + กาแฟเย็น 1 แก้ว น้ำ อีก 2 แก้วใหญ่

 มาเป็น

    กล้วยทับ 2 ไม้ ราดน้ำเชือมนิดๆ พอได้รสชาติ กับ ชาเขียว 1 แก้ว

  เท่านั้นล่ะ เข้าเที่ยงนี่ อย่างหิวครับ จ๊อกๆ เลย ท้องผม แต่ผมก็ดีใจนะ เพราะ ตอนนี้ร่างกายย่อมเอาพลังงานจากไขมันในร่างกายไปเผาผลาญล่ะ

    แม้มื้อนี้จะไปทางแป้งหน่อยๆ แต่ก็ได้สารอาหารเพียบนะครับ ชาเขียว มีสารอาหารอะไรในตัวเขา คนรักสุขภาพย่อมรู้ ส่วนกล้วยนั้น ก็ไม่ต้องห่วงเลย

   ถามว่ามันจะได้อะไร สำหรับผมนะครับ   ผมเป็นคนอ้วน ที่มีกล้ามเนื้อ เพราะผมฝึกเพาะกายด้วย แต่ผมหวังเรื่อง ได้ซ่อมแซม และ ให้อวัยวะภายในได้พักบ้างครับ กับชีวิต เป็นหลายสิบปี ที่ผ่านมา ก็จึงต้องงดเนื้อสัตว์ งดแป้งขาว กันแบบหักดิบแบบนี้ครัับ

   แผนการงดอาหารของผม สไตล์คุณบอลล์ มีรายละเอียดดังนี้

(โปรแกรมนี้ออกแบบมาขณะที่ผม กำลังเน้น เดินเพื่อสุขภาพ และฝึกชี่กง ไม่ได้เล่นเหวตใดๆ ในช่วงนี้นะครับ และไม่ได้เน้นเรื่องลดน้ำหนัก แต่เน้นเรื่อง การฟื้นฟูอวัยวะภายใน ครับ)

หมายเหตุ: ผู้ป่วยด้วยอาการใดๆ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำตามวิธีการเหล่านี้ ระวังนะครับ

1. งดอาหาร ไม่กินเนื้อสัตว์ และไม่เน้นแป้งขาวๆ เช่น ข้าว แบบหักดิบ โดย เน้นว่า ทำให้ได้ 4 วันต่อสัปดาห์ แปลว่า กินตามปกติ ที่ต้องควบคุมด้วย เพียง 3 วัน

2. ดื่มน้ำให้เพียงพอ

3. จิตใจเน้นแจ่มใส

4. มีการบริหารจัดการ อย่างเป็นรูปธรรม โดยการจดบันทึก ทุกวัน ว่า กินอะไรในแต่ละมื้อ
     ย้ำว่า ต้องจดบันทึกการกินอาหารทุกวัน 3 มื้อ ครับ ทั้งวันที่ งด และ ไม่งดอาหาร

5. รายการอาหารในวันงดอาหาร

     -ผลไม้ ที่พอต่อความหิว

     -น้ำ
 
     -โปรตีนจากถั่วเหลือง เต้าหู้, นมถั่วเหลือง งดเต้าหู้ผสมไข่พราะเราเน้นให้เป็นมังสวิรัติ ไม่เอาแม้กระทั่ง มังสวิรัติแบบกินไข่ได้

     -เพื่อความชื่นใจ สามารถ ดื่ม น้ำชาเขียว น้ำมะนาว ระหว่างวันได้ ครับ จริงๆ แล้ว แบบร้อนสำหรับชาเขียว จะดีกว่า แต่ก็ลองปรับใช้กันครับ

 6. ไม่จัดวันงดอาหาร ดังกล่าว ทั้ง 5 ข้อข้างต้น แบบติดๆ กัน ผมเน้น เว้นวันครับ เช่น

                2 วันแรก เป็น จันทร์ อังคาร

                 1 วันต่อมา เป็น วัน พฤหัสบดี
                 
                  อีก 1 วัน เป็น วัน เสาร์       แบบนี้ รวมแล้ว ได้ 4 วันพอดี

    ที่ต้องเป็น 4 วันเพราะ มันจะได้เกิน 50% ครับ คือราวๆ 57.14% ชีวิตเราย่อมต้องเปลี่ยนไปในทางที่เราเน้นย้ำ และ ใส่ใจ จริงไหมครับ

7. ให้มองว่า การงดอาหารแบบนี้ เป็น จุดยืน พันธสัญญา หรือ ศีล อีกข้อ ที่เราจะยึดถือ เพื่อชีวิตที่ดีกว่า เช่น หากคุณเป็น ชาวพุทธ คุณ ก็คิดว่า นี่เป็น ศีลข้อที่ 6. ที่คุณขอเพิ่มเข้ามาเอง ปฏิบัติต่อศีลข้อนี้ด้วยความเคารพ ให้เหมือนกับการที่ คุณ ถือศีล 5 ประมาณ นี้ แบบนี้ คุณจะทำได้แน่นอน เพราะไม่ได้ไปมองว่า   กรูต้องทำๆๆๆ แบบนี้ มันฝืนครับ จริงไหม

   อีก 3 วันที่เหลือ ก็ตามสบาย ครับ แต่กินให้น้อยลง และ ครบหมู่ น้ำเพียงพอ ยังไงๆ สุขภาพต้องดีขึ้นแน่ เพราะผมจำได้ว่า

      ความสวยของคนเราเริ่มจากภายใน ครับ

   ก็ในเมื่ออวัยวะภายในได้ฟักฟื้น ฟื้นฟูเป็นประจำ มันก็กลับมาทำงานได้ดี อะไรๆ ก็จะดีขึ้นจริงไหมครับ


สวัสดีครับ
คุณบอลล์ :0)