Thursday, June 26, 2014

มีโอกาสได้ใช้น้ำมันมะพร้าว ตามคำแนะนำ ของน้องชายและท่านอาจารย์ ณรงค์

สวัสดีครับ

   อาการเจ็บหลังของผมก็ดีขึ้นมามาก แต่ย้ำนะครับไม่ได้มาจากการเพาะกาย แต่มาจากความประมาทของผม และวัยด้วย คือไม่ประมาณตนครับ อย่างไรก็ตามไม่ว่าคุณจะเจ็บหลัง ปวดขา หรือมีอาการใกล้เคียง ความรู้ที่ผมได้จากการรักษาตัวเอง จากศาสตร์ต่างๆ ที่เพียรเขียนลงนี้ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ครับ และ การเล่นเพาะกาย เล่นให้ถูกวิธีและ ช้าๆ ครับ จะไม่เจ็บเลย

    เอาเป็นว่า สายกลาง ไว้ดีที่สุดครับ

  วันนี้ขอเล่าเรื่องน้ำมันมะพร้าว ที่ผมได้รับคำแนะนำมาตั้งแต่ ก่อนมีอาการเจ็บหลัง ครับคือ น้องชายของผมเอง เขาแนะนำผมเรื่องนี้ว่าน้ำมันมะพร้าวช่วยให้ ลดน้ำหนักได้ แก้ท้องผูกซึ่ง น้องยังให้น้ำมันมะพร้าวขวดใหญ่มาด้วยเมื่อผมเดินทางกลับมา กรุงเทพฯ

  วันแรกเห็นผลหลังดื่ม น้ำมันมะพร้าวไป 2 ช้อนชา อาการท้องผูก เปลี่ยนเป็น ถ่ายท้อง มากถึง  `5`  ครั้ง และโล่งเลยครับ จากนั้นก็ดื่มมาเรื่อยๆ เดือนนั้นสุขภาพดีขึ้นมาก

  ต่อมาทิ้งระยะ เพราะไม่มีเวลา จนมาเป็นเจ็บหลัง โดยไม่คาดคิด น้องชายผมก็แนะนำเรื่อง ลดน้ำหนักย้ำว่า น้ำมันมะพร้าว ช่วยได้ ผมก็รับปาก เพราะเห็นเลยน้ำหนักตัวมาก ย่อมมีผลต่ออาการ สอดคล้องกับ คุณหมอ ที่วินิจฉัยว่า คุณน่ะยังไม่หายเพราะน้ำหนักมาก

   คนน้ำหนักเบาๆ ยังหายกันช้า เลยสำหรับการปวดหลัง ประสาอะไรกับน้ำหนักมากๆ ที่พุง ซึ่งหลังต้องพยุงไว้ ดังนั้นต้องใช้ไม้เท้าช่วยครับ อย่าไปฝืน แต่ให้หัดเดิน เท้าเปล่า ไม่ใช้ไม้เท้าไว้บ้าง เพื่อจำท่าเดินได้ แต่ เจ็บให้หยุด ครับ

   แฟนของผมก็แนะผมเรื่องน้ำหนักตัวเช่นกัน ซึ่งทำให้ผม มีแนวคิดว่า ต้องลดน้ำหนักให้ได้ ทำให้ ผมเริ่มปรับอาหาร และ นับแครอลี่ ค้นหาข้อมูล ควบคุมอาหาร จนลด แครอลี่ ในชีวิตประจำวันไปได้มากเลย (ปกติจะทานเก่งมากครับ) นี่ก็ผ่านไป ราว 40 วัน ที่คุมอาหารและออกกำลังกาย พร้อมยืดเส้นทำกายภาพบำบัด ไปด้วย ผมน้ำหนักลดลง ราวๆ 2.5 กิโลกรัม ผู้ใหญ่ว่า อย่าให้มากกว่านี้ ค่อยๆทำไป

   สำหรับการลดน้ำหนักจึงคิดว่าเริ่มโอเค

    แต่อาการปวดหลัง ยังมีกลับๆ มาบ้าง เพราะน้ำหนักตัว และชีวิตประจำวัน เพียงแต่ลดลงมากๆๆ แล้ว วันหนึ่งผมต้องนัดพบเพื่อน เรื่องสำคัญ ทำให้ต้องเข้าไปที่สถาบันการศึกษา ซึ่งที่นี่ ผมได้แวะไปเยี่ยม ท่านอาจารย์ ณรงค์ ท่านก็สอบถามทำไมใช้ไม้เท้า ก็แจ้งท่านไปว่าเพราะประมาท อย่างไร ท่านก็ เล่าเรื่องท่านว่า ครั้งหนึ่งท่านเดินทางกลับจากต่างประเทศ เอื้อมไปหยับกระเป๋า ทีเดียว ปึ๊ด หลังด้านซ้าย ปวดทั้งแถบ นั่งเครื่องบินกลับมาปวดมาก นอนไม่ได้

     ขออภัยหากถ่ายทอดได้ไม่ครบ นะครับอาจารย์ และไม่ได้แจ้งท่านในการนำมาเขียนในบทความนี้

   ท่านเล่าว่า พอกลับมาบ้านก่อนนอน ท่านเอาน้ำมันมะพร้าว ทาที่หลัง เพียงข้ามคืน อาการการในตอนเช้าก็หายคลายปวดไปได้

     ผมได้ประกายความคิดจากท่านจริงๆ และมีความหวังขึ้นมาก เพราะ หากรักษาตามปกติ ก็ยาคลายกล้ามเนื้อ ยาแก้ปวด หากเป็นของแผนปัจจุบัน คือ มีความเสี่ยงเรื่อง กัดกระเพาะ หากกินไปต่อเนื่องนานๆ ลองถามหมอกันครับ

     ก่อนจะเจอท่านในวันนี้ ผมได้กินสมุนไพร มาก่อน เพราะฉุกคิดว่าเคยกิน เมื่อครั้งที่ลื่นล้มหลายปีก่อนก้นระบมเป็นเดือน แล้วหาย แต่ไม่คิดว่าเป็น สมุนไพรตัวนี้ เป็นหลัก พอไปอ่าน ก็พบว่า มันมีงานวิจัยว่า เขานี่ล่ะ ที่ส่งผลตรงๆ กับอาการเจ็บหลังส่วนล่างด้วยซ้ำ และ ขนาดหากใครเป็นถึงหมอนรองทับเส็น ยังใช้แทนกันได้ กับยาแผนปัจจุบันด้วย เอาเข้าไป เพิ่งรู้ คือซื้อมากินก่อน เพราะนึกได้ แต่ข้อมูลค้นเน็ตเจอหลังจากนั้น

  เขาคือ เถาวัลย์เปรียงครับ ผมทานแบบแค็ปซูล

    แต่อาจส่งผลเรื่องท้องผูกนะครับ ผมมีอาการแต่วันหลังก็คลายๆ ไป ลองต่อยอดกัน

    อ่านไปเรื่อยๆ ก็เจอว่า เถาวัลย์เปรียง ผสมน้ำมันมะพร้าว ทาบริเวณที่เป็นอัมพฤกษ์ ยังทำให้หายได้ หรือ ทุเลาได้ อีกด้วย

    หลังจากกินเถาวัลย์เปรียงได้ไม่กี่วันก็พบว่า มีอาการร้าวๆ ในบริเวณต่างๆ ขึ้นมา แต่กำลังขา การเดินก็คล่องกว่าเดิมครับ สรรพคุณเขาลงไปที่ เส้นเอ็น กล้ามเนื้อ ฯลฯ

   ผมเองก็ได้นึกว่า ท่านอาจารย์ ณรงค์ แนะนำน้ำมันมะพร้าวมาแล้ว ก็นำมาใช้สิ

    จากนั้นผมมีโอกาสได้น้ำมันมะพร้าวมาราวๆ 1 ลิตรแบบสกัด ผมก็ลองเลยครับ ช่วงนี้หยุดเถาวัลย์เปรียงไว้ก่อน กินก่อนมื้ออาหาร 2 ช้อนโต๊ะ และ ทาด้วย โดยรินเพียง ค่อนช้อนโต๊ะ แล้วจิ้มมาทาที่บริเวณหลังส่วนล่างและสะโพกเอวทั้งหมด

    รุ่งเช้า บริเวณที่ทา มันร้าวปวดไปหมด แปลกไม่เป็นมานานแล้ว แต่พอลุกเดิน พบว่า กำลังขาดีมากขึ้นและอาการขัดๆ หายไปมาก ทำให้ผมเริ่มศรัทธาว่า ว่าถูกทางแล้วครับ

     เท่าที่จำได้ น้ำมันมะพร้าวนี่ หมอกระดูกไทย เขาก็ใช้กันในอดีตแม้ในปัจจุบันครับ

    ขอขอบพระคุณท่านอาจารย์ ณรงค์ ไว้เป็นอย่างสูงครับ จริงๆ ใครอยู่ในวงการ น้ำมันมะพร้าวย่อมรู้จักท่านดี เพราะท่านคือผู้บุกเบิกเรื่องนี้ในไทยก็ว่าได้

     อย่าเพิ่งอ่านแล้วเชื่อลองต่อยอดกันครับ แต่ผมตั้งใจว่า หากทำให้ใครสักคนหายได้เร็ว ไม่ต้องทรมานลองผิดลองถูก ก็เป็นกุศลแล้ว ผลจากกุศลนี้ขอมอบให้ คุณพ่อ คุณแม่ น้องชาย แฟนของผม ผู้มีพระคุณ เจ้ากรรมนายเวร และเทพผู้ดูแลต่างๆ ครับ

     อ่านแล้วดีก็ร่วม ส่งต่อกันครับ

สวัสดีครับ

คุณบอลล์ :0)

Wednesday, June 18, 2014

อัฟเดตอาการของ เว็บมาสเตอร์ กับการผจญภัยในโลกของคนเจ็บหลัง

สวัสดีครับ

    หลังจากที่เป็นอาการเจ็บหลังมา ร่วมๆ จะ 2 เดือนผมก็ได้ผ่านอะไรมาเยอะมาก แต่ต้องขอขอบคุณการเพาะกายที่มีเป็นทุนเดิมไว้ ทำให้ผมมีกล้ามเนื้อที่ แข็งแรงมากพอที่จะรองรับน้ำหนักตัว และไปทำงานได้ค่อนข้างเร็วๆ ทั้งๆ ที่หลายคนอาจจะต้องขอลา พักนาน แต่ผมได้ทดลอง และ พบว่าไปทำงานได้ ซึ่งขอบคุณการเพาะกายทุกครั้ง

     อาการผมดีขึ้นทุกวัน โดยสิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้ ยังไม่กล้าเขียนรายละเอียด แต่บอกไว้คร่าวๆ คือ

    1.ควบคุมอาหาร ดังคำ พระท่านว่า ผู้บริโภคน้อยยามวิกาล ย่อมอาพาธน้อย ตัวผมยิ่งน้ำหนักตัวมากเลยลดมันทุกมื้อ กินตามที่ควรให้ครบ 5 หมู่ครับ แต่กินให้น้อยลง แต่อันนี้แล้วแต่นะครับ ผมมีข้อสังเกตุว่าตั้งแต่ผมมีอาการมา ผมทานน้อยลงครับ

    2.ค้นหาท่าโยคะมาประยุกต์ใช้ แต่ไม่ใช่ เล่นโยคะ แบบคนปกติ คืออะไร?

      ในเน็ตจะมีท่านี้ ออกกำลังกายให้หลังแข็งแรง น่านั้น ช่วยกล้ามเนื้อหลัง คลายสะโพก ผมเชื่อครับว่าดี ยิ่งใน Youtube นี่เยอะมาก แต่คุณๆ ลืมอะไรไป 1 อย่างกันหรือเปล่า?

        -โยคะจะมีการเตือนไว้เลยว่า บางโรคต้องปรึกษาหมอก่อน เล่นโยคะ นั่นแปลว่า โยคะบางท่า เหมาะกับคนที่ปกติ โยคะบางท่า คนป่วยทำได้ และหลายท่า ห้ามทำครับ จำข้อนี้ไว้

       -คนที่เจ็บหลังแล้ว คำว่าแล้วคือคนป่วย จะด้วย การที่กล้ามเนื้ออักเสบ ชะลอการทำงาน หรือ หมอนรองทับเส้น หรืออาการเจ็บหลังใดๆ นั่นคือคนป่วย คุณต้องดูตัวเองครับ ว่า สมควรทำท่าโยคะนั้นๆ ไหม

    วิธีที่ถูกคือ เมื่อเจ็บหลังด้วยอาการใดๆ แล้ว ควรค้นหาว่า โยคะท่าใด กายภาพท่าใด ที่เอามาทำกับอาการป่วยนั้นๆ ได้ หาได้แล้ว จึงค่อยนำมาทำ และ ท่าไหนทำแล้วเจ็บ ให้หยุดไว้ก่อนครับ นี่เป็นหลักของการทำกายภาพบำบัด ทำแล้วเจ็บ ต้องหยุดครับ จนรอดูอาการผ่านไปสักหลายวัน หรือเป็นสัปดาห์ มาลองช้าๆ หากผ่านได้ค่อยทำต่อไป แต่ต้องช้าๆ นะครับ

  3.ช่วงที่รอท่าโยคะหลายท่า ที่ผมยังทำไม่ได้ ผมไม่อยู่เฉย ผมใช้ท่า ยืดเส้น หรือ ท่ากายภาพบำบัดต่างๆ มาทดลองทำช้า ค่อยๆ หาไป จนได้ท่าที่โอเคสำหรับผม และทำเรื่อยมา แนะนำว่า ให้ถามจากคนที่เคยเป็นเหมือนเรา แล้ว เขาใช้ท่าไหน บ้าง ลอกมาครับ แต่ ท่าไหนเจ็บ เลิก และหยุด ครับจำไว้ เปลี่ยนไปเรื่อยๆ สะสมให้ได้สัก 2-3 ท่า แล้วทำประจำ จะเห็นว่าอาการดีขึ้น

  4.แนะนำท่าชี่กง เพราะส่วนมากจะยืนนิ่งๆ ทำท่านั้นท่านี้ ทำช้าๆ ค่อยๆ ทำ และเป็นทางเลือกที่ดี สำหรับคนเป็นใหม่ๆ แต่ต้อง ช้า และ ไม่เจ็บ เน้นว่า คนที่เจ็บมาก ยืนไม่มั่นคง ให้ลองนั่งทำ และให้แบ่งทำ ครับเช่นเขามี 18 ท่าก็ทำวันละ 3 ท่า 5 ท่า แล้วค่อยวนใหม่ อย่าลุยทีเดียว เพราะนั่งทำ เลือดลมไม่ดีเท่ายืนทำ ผมลองมาแล้ว มึนจะเป็นลม มันเหนื่อยมาก

 5. อย่าอวดดี เดินยังไม่เป็นท่า จงใช้ไม้เท้า ไม้เท้าแบบที่ค้ำแล้ว ไหล่ไม่ตก นะครับ ดีกว่า แบบไหล่เราต้องเอียงตามลงไป แม้จะดีขึ้นก็อย่าประมาท ใช้ไม้เท้าไปก่อน

6. ตรวจดูเมื่ออาการปวดส่วนใหญ่คลาย บางคนจะเป็นอาการ ความเจ็บ มันไปกระทบเส้นประสาท มันทำให้ขาอ่อนแรงได้ ก็ค่อยๆ เริ่มใช้ท่า ชี่กง โยคะมาช่วย วิธีที่ผมลองมาแล้วดีคือ ขาอ่อนแรง มักมาพร้อมกับ น่องตึง ให้ทำดังนี้

      ผมใช้ท่า ขัดสมาธ คนอ้วนไขว้ขวาไว้หลวมๆ ก็ได้ แล้วประนมมือ กลางอก กางศอก นับ 1-60 ช้า หากนั่งแล้วเจ็บมากก็นับน้อยลงเป็น 1-10 ก็ได้ จากนั้น ให้ยืดขาไปข้างหน้า เท่าที่ยืดได้ นับ 30 ช้าๆ คนที่เจ็บเอามือประคองข้างตัวได้ จากนั้นสลับขาอีกข้างมาไว้ด้านหน้า ทำเหมือนเดิม แล้ว สลับขาอีกครั้ง ทำเหมือนเดิม

       มันเป็นท่าที่พาเลือดลมมาเลี้ยงตั้งแต่เอวลงไปขาครับ ก็เลือดกับลมใช่ไหม ช่วยรักษาอาการต่างๆ ท่านี้จึงช่วยเรื่องขาอ่อนแรงได้ เห็นผลใน 1 เดือน ครับ

       ยังใช้ท่าที่ว่านี้ กับคั่นในการออกกำลังในท่าต่างๆ หรือ ยิดเส้น หรือ ชี่กง แล้วขาเหมือนมันล้่าอ่อนแรงได้ดีมากครับ

      จากนั้นพักนานหน่อย แล้วค่อยลุกไปยันกำแพง ก้าวขามาด้านหน้า โน้มตัวเข้าหากำแพงแล้วยิดขาอีกข้าง ทำสลับกัน แล้วทำพร้อมกัน จากนั้น นั่งสักพัก ลุกมาจะเดินคล่องขึ้น

     หากทำท่าใหม่ๆ แล้ว เย็นนั้นหรือวันต่อมา มีอาการปวดกล้าม ล้าเห็นชัดให้ทำวันเว้นวันครับอย่าลุยทุกวันค่อยๆ สร้างความแข็งแกร่งครับผม

7. ต้องมีความเชื่อ ออกกำลังกาย ยืดเส้น ทำให้ได้ วันละอย่างน้อย 30 นาที ผมทำจนมาถึงวันละ 45นาทีแล้ว ต้องทำได้ระดับนี้ จะเริ่มเห็นผล

8.เชื่อมั่นว่า คุณจะหายได้ 100% หรือเกินกว่านั้น ตื่นมาพูดกับตัวเองเลย เราหายได้แน่นอน

9.รักษากายแล้ว รักษาทางจิตด้วย ให้สวดมนต์ ภาวนา ยืมพลังดีๆ ของจักรวาล พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์มาใช้ หรือ ร่วมกับการตั้งสัจจะดีๆ สัก 1 ข้อเพื่อโลกเพื่อสังคม หรือตัวคุณเอง เช่น เลิกเหล้าเด็ดขาด
ถวายเป็นพุทธบูชาแบบนี้

10. มีคนที่รับฟังคุณ จงระบายออกครับ แต่คุยเรื่องบวกๆ ให้คนรับฟังบ้าง

11. ไม่ทำอะไรรีบ และพร้อมมีสติไม่ประมาท เกิดพลาดล้ม หรือ เจ็บแบบไม่ตั้งใจ อย่าซ้ำเติมตัวเอง
         คิดบวกอย่างเดียว ว่าเราหายได้

12. กินอาหารครบ 5 หมู่ ดื่มน้ำพอเพียง ทำใจให้สดชื่น

13. ควรออกกำลังกายไปตลอดชีวิต

14. มีโอกาสหาอากาศดีๆ เช่นสวนออกกำลังกาย ยังเจ็บมากต้องมีคนไปด้วย อากาศที่ไม่ใช่อุดอู้ในห้องน่ะครับ แต่ต้องดูตัวเองด้วยว่าไปแล้วกลับไหวไหม แรกๆ หาคนไปเป็นเพื่อน

15. นำความช้าเข้ามาในชีวิต ค่อยๆเดิน ค่อยๆทำ ครับ แบบไหน ให้นึกถึงการรำไทเก๊กครับ นั่นล่ะ

 ลองเอามาให้อ่านกันครับ พบกันใหม่บทความต่อไป

สวัสดีครับ
คุณบอลล์ ;0)


     

Wednesday, June 4, 2014

เว็บมาสเตอร์ มาปวดหลัง เลยค้นหาข้อมูลด้านนี้มาแชร์กันไว้มากหน่อย อาการของผมดีขึ้นเรื่อยๆ และมีความท้าทายมากมาย

สวัสดีครับ

    บล็อกนี้ก็ขอนำข้อมูลแนว การบำบัด การรักษาโรคปวดหลัง มาแชร์ไว้ครับ สำหรับนักเพาะกายจำไว้ว่า อาการปวดหลังมีได้ หากคุณเล่นผิดท่า ดังนั้น ท่าต้องทำให้ถูก หายใจต้องถูก และ ทำช้าๆ จำไว้นะครับ แต่ ตัวผมไม่ได้ปวดหลังเพราะเพาะกาย แต่ปวดเพราะใช้ชีวิต ผิดท่า พอเป็นแล้วก็ ต้องหาข้อมูล ค้นมาได้ ก็ลองทำดู และก็มีอาการดีขึ้นเรื่อยๆ

     ผมยังต้องเดินทางต่อไป มุ่งสู่เป้าหมาย เราต้องหายดี 100% ให้ได้ด้วยความ ศรัทธา มุ่งมั่น และมีระเบียบวินัย ในการทำท่าออกกำลังกายต่างๆ และ ท่ากายภาพบำบัด ซึ่ง ต้องลงมือทำ และ ค้นคว้ามาเรื่อยๆ เพราะการปวดหลัง ไม่ใช่ แค่กล้าม กระดูกทับเส้น หรือ กล้ามเนื้อหนีบเส้นประสาท เราจึงต้องค้นหลายๆ แนว และเลือกเอา ท่าต่างๆ วิธีการ ที่เหมาะกับเรา ทำแล้วอาการดีขึ้นมาปฏิบัติ อย่างมี สติ ปัญญา ค่อยๆ ทำไป ซึ่ง ถือว่าเป็น การแพทย์ทางเลือก แบบค้นหากันเองครับ

     อย่างไรก็ตาม การปรึกษาหมอคือเรื่องจำเป็น ก่อนจะลงมือทำ หากไม่แน่ใจ เอาบล็อกของผมให้คุณหมอชมก่อนก็ได้ครับ ว่าทำได้มากน้อยแค่ไหน

      อย่ายอมอยู่เฉยๆ ทนความปวด โดยไม่ทำอะไรเลย ทดลองค้นหาทางเลือกต่างๆ และลงมือทำ เช่นท่าออกกำลังกาย ท่ากายภาพบำบัด ค่อยๆ ทำดู ให้เวลาสัก 7 วัน - 30 วัน หากพบว่าอาการดีขึ้น ก็เก็บท่านั้นๆ ไว้ ท่าไหน ทำแล้วเจ็บประจำ ก็ทิ้งไปหาท่าอื่นมาทดแทน ผมเชื่อว่า ท่านจะลดความทรมาน ไปได้มากกว่า 90% ครับ และยังทำให้ร่างกายทุกส่วนแข็งแรงตามไปอีกด้วย เผลอๆ คุณภาพชีวิตภาพรวม อาจดีกว่า ตอนที่ยังไม่เจ็บหลังก็ได้

       คำว่าเจ็บหลัง ไล่มาตั้งแต่ คอ ถึง ก้นกบ ครับ ส่วนล่างนี่ ยังเกี่ยวกับ บั้นเอว สะโพก ก้น และ ขาอีกด้วย

      ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกท่านครับ ไม่ต้องเพาะกายก็อ่านได้ครับ แต่ จำไว้ว่า
  ต้องศรัทธา มุ่งมั่นทำไป และ มีวินัยว่า จะทำวันละกี่ครั้ง ต้องทำจริงครับ

วันนี้ขอนำคลิปท่านอาจารย์ท่านนี้ที่ผม นับถือมาให้ชมกันครับ

   

     กายบริหารแก้อาการปวดหลัง เอว หรือยืดกายคลายโรค

นำไปทำกันครับ ขอให้ไว้เป็นวิทยาทาน เป็นกุศลต่อตัวกระผมเองในการบำบัดโรคปวดหลังของตัวเอง
ให้หายจากโรคโดยเร็ว และแข็งแรงขึ้น และ ขออนุโมทนาบุญท่านอาจารย์ไว้ ณ. ที่นี้ครับผม
ขณะที่ ทุกท่านก็ช่วยกันแชร์ เพื่อเป็น กุศลให้กับตัวของทุกท่านเองด้วยครับ สวัสดีครับ :0)


หมายเหตุ: ทำช้าๆ นะครับ อย่าเร่งเด็ดขาด อันไหนเจ็บอย่าทำเด็ดขาด

เผยแพร่เมื่อ 27 ส.ค. 2013
https://www.facebook.com/TharaMassageอ.สุวัฒน์ เชียงใหม่ 089-191-1664 ปรารถนาให้คนไทย มีสุขภาพดี ลดการใช้ยาแก้ปวด
การแนะนำ กายบริหาร เพื่อยืดเส้น เพื่อทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว เพื่อทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายหลังการยืด เพื่อแก้อาการปวดหลัง หรือต้นคอ บ่าไหล่ หริหารกล้ามเนื้อท้องและหลังให้แข็งแรง
ข้อควรระวัง ถ้ากายบริหารท่าใดทำแล้วมีอาการเจ็บหรือเส­ียวหลัง ให้หยุดทำทันที แล้วเปลี่ยนท่าใหม่ที่ทำแล้วไม่เจ็บ เริ่มต้นควรทำแต่น้อย ค่อยๆเพิ่มเมื่อร่างกายเกิดความเคยชิน "ให้"เป็นวิทยาทาน(เป็นท่าต่างๆ­ที่ผมทำ แล้วหายปวดหลัง ผลลัพธ์ที่ได้ขึ้นอยู่แต่ละบุคคล)



    ตามลิงค์ไปเลยครับ

สวัสดีครับ
คุณบอลล์:0)