Saturday, November 16, 2013

การประยุกต์ หลักการ Suit-Workout หรือ เบาๆ แต่ยังอยู่ในกระแส กับการ รับประทานอาหาร สำหรับคนรักสุขภาพ

 Suit-Work :0)

     "ด้วยเรือลำน้อย ฉันได้ล่องออกจากแม่น้ำ สู่ผืนทะเลใหญ่...
                            ...เพื่อโดยสารเรือเดินสมุทร และ มุ่งสู่มหาทวีป"

นี่คือปรัญชา ของ Suit-Workout ครับ

สวัสดีครับ

    ก่อนจะพาเข้าเรื่อง การประยุกต์ ดังที่โปรยหัวเรื่องไว้ ขอนำผู้่อ่าน ทบทวนเรื่อง การเพาะกาย และ การทำแอโรบิค ดังที่เคยเขียนไว้นานแล้วว่า ไอเดีย ที่เคยให้ไว้ตามหลัก การออกกำลังกาย ของ นักเพาะกาย ที่ตรงกันในนิตยสารระดับโลก หลายเล่มก็คือ ให้ เพาะกายก่อน จากนั้น พัก สักหน่อย แล้ว ค่อยออกกำลังกายด้วย แอโรบิคกันต่อไปครับ สำหรับท่านที่มีข้อสงสัย คงได้คำตอบแล้ว แต่ว่า รายละเอียดล่ะ

    สำหรับผม ผมจะเพาะกายก่อนเสมอครับ จากนั้น พักนิด ก็จะจิบชาเขียว ฝั่งว่า กาแฟ ก็แล้วแต่ แต่ผมจะพักไม่เกิน 15 นาทีครับ จากนั้นก็ออกกำลังกายโดยแอโรบิคกันต่อไป ก็เลือกเอาครับ เดิน วิ่ง หรือ อะไรอื่นๆ  เมื่อเสร็จหมดแล้ว ผมจะระวังช่วง นาทีทอง คือ 30 นาทีแรก หลังเสร็จกระบวนการการออกกำลังกาย อย่าพลาด บริโภคโปรตีน เด็ดขาดนะครับ ฝรั่งว่า ช่วงนี้ล่ะ มีส่วนตัดสินเรื่อง กล้ามไม่กล้าม ครับ

     เอ้ามาเข้าเรื่อง Suit-Workout กันต่อ ผมมีความเชื่อมากขึ้นเรื่อยๆ ครับ ว่า วิธีที่ผม ลองนำเสนอนี้ มีสิทธิ สร้างให้คนหันมาออกกำลังกาย กันเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ตัวผมเอง ยังมีโอกาสได้หยุดไปพักใหญ่จน ที่บ้านแซวว่า เขียนบล็อกให้เขาอ่านได้ คนดูรวม แสน ครั้ง อยู่มะรอมมะร่อ แต่ดันหยุดออกกำลังกายได้ไง  วันนั้นมา ผม สะอึกครับ เออ จริงว่ะ แบบนี้ ตรูก็เป็นได้แค่ นักเพาะกาย ใบลานเปล่าน่ะสิ

    สำนวนว่า เป็น ....ใบลานเปล่านี่ .. มีมาแต่สมัยพุทธกาลครับ เรื่องมีอยู่ว่า

   ...มีพระรูปหนึ่ง ท่านเป็นปราชญ์เลยครับ รู้แจ้งในข้อธรรมที่พระพุทธเจ้า ได้ตรัสไว้ อย่างลึกซึ้ง ขนาดที่ว่า พระรูปใดมีศึกษากับท่านนั้น บรรลุธรรมขั้นสูงกันเป็นทิวแถว อรหันต์ กันเลยว่างั้น แต่ท่านเอง กลับไม่ปฏิบัติครับ ลูกศิษย์ ก็เจริญในธรรม สูงกว่า ท่านไปเป็นจำนวนมาก...จน มีคนมาบอกท่านว่า เมื่อเป็นฉะนี้ท่านก็ไม่ต่างอะไร กับใบลานเปล่า ครับ... หากจำไม่ผิดน่าจะเป็น องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า นี่ล่ะครับที่ทรงตรัส.. หากผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยครับ

    เครดิต: เล่าเรื่องโดย คุณพ่อ ของกระผมเอง

      เหมือนกันครับ พอสะอึกได้ที่แล้ว ก็ได้คิด หากเราปล่อยตัวไปเรื่อยๆ ไม่แคล้ว จะอายเขา ดังนั้น ต้องออกกำลังกายตลอดชีวิตครับ เขียนสิ่งดีๆ แล้ว ก็ต้องทำด้วยครับ

      ผมเลยค่อยๆ กลับมา และได้ค้นพบแนวทาง การออกกำลังกายแบบสมตัว ขึ้นมา หรือ Suit-Workout นั่นเอง และที่ผมเชื่อมั่นในวิธีนี้ก็คือ นี่ เป็นครั้งแรก ที่จุดแล้วติด คือผมออกกำลังกายต่อเนื่องมาร่วม 1 เดือนแล้ว โดยมั่นใจตัวเองว่า ทำต่อเนื่องได้แน่ เพราะมันไม่หนักไปครับ ถือโอกาสทดสอบทฤษฎีไปในตัว โดยเอาตัวเรานี่ล่ะทดสอบ แล้วค่อยๆ มาเล่า ไปทีละสเต็ป เท่ไม่หยอก

      วันนี้ ผมก็ แกว่งแขนได้ 350 ครั้งแล้ว ยกเหวตอันนี้ ไต่มา เกือบเดือน ตอนนี้ ก็จัดว่า เกือบเข้ารูปแบบน้ำหนัก เต็มรอบ คือ 5 kg. รวม 3 เ้ซ็ท เซ็ทละ 10 ครั้ง และจะไปถึง 12 ครั้ง ถือว่าเต็มรอบ จากนั้นก็กระจายไปทุกกลุ่มกล้ามเนื้อครับ  นี่ล่ะข้อพิสูจน์ คือ เริ่มจากเบา ในที่สุด มันก็พามาเต็มรอบ จนได้ จากนั้นค่อย แปลงจากสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เป็น 3 ครั้ง ไปที่ โปรแกรม ฝึก 3 พัก 1 กัน ในที่สุด แล้วค่อยๆ ไต่น้ำหนัก ไปถึงจุด ที่ผมเล่นเต็มรอบเมื่อก่อน ไม่น่าเชื่อ ผมไม่ต้องสร้างแรงจูงใจอะไรเลย แค่ คิดง่ายๆ ตรูข้าต้องไม่หลุด ออกจากกระแสการเพาะกาย เพราะมันเสียดายของครับ แล้วก็ทำได้ในที่สุด

     ดังนั้น ตัวผมในฐานะที่มีพื่นฐานเพาะกายมาก่อน ก็กลับสู่โปรแกรมจัดเต็มได้ในเวลาเพียง 1 เดือนเท่านั้นครับ ถามว่า พี่ๆ หากต่อไปพี่ไม่มีเวลาล่ะ ทำไง

             ตอบ ก็จัด Suit-Workout ให้ตัวเองสิน้อง มียาดีแบบนี้ ไม่ต้องกลัวหลุดกระแสครับ

    ต่อไปก็เป็นการเดินทางของการแกว่งแขน ที่จะไต่ไปให้ถึง 2000 ครั้งให้ได้ครับ จากการคำนวณเล่นๆ ของผม น่าจะใช้เวลาราวๆ 30-40 นาทีครับ และนี่คือ แอโรบิคแน่นอน ครับ

      ความสะดวกของผมคือ ห้องของผม อยู่ตึกสูง อากาศดีมาก ก็ทำใกล้เฉลียง อาจเปิดพัดลมช่วย ไม่แนะนำแอร์ เพราะผมมองว่า มันผิดธรรมชาติครับ เพราะเปิดแอร์ ต้องปิดห้องใช่ไหม พัดลมดีกว่าครับ อย่างไรก็ตาม จะแกว่งแขน จะเพาะกาย ต้อง ทำตามหลักวิชา ลองไปหาอ่านเอาครับ ในบล็อกนี้มีค่อนข้างครอบคลุม ในการดูแลเรื่องนี้ แต่แกว่งแขน ขอให้ลองหาอ่านกันครับ

              เบาๆ ช้าๆ ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป  + ใส่ใจ คือ หลักของ  Suit-Workout จ้า

     ต่อมา เรื่องการบริโภคอาหาร โดยประยุกต์ แนวทาง Suit-Workout มาใช้ น่าจะไปทิศทางไหน
เรามองเรื่องการควบคุมอาหารกันก่อน

1. ตามแนวทางที่ทำกัน ต้องงดนั่น งดนี่ ระวังนั่น ระวังนี่

1ก. ตามแนวทาง Suit-Workout เราไม่ต้องงดนั่น นี่ ระวัง นั่นนี่ เพราะว่า
     จะเริ่มอะไรก็เครียดแล้ว ระวังแจเลย มันน่าเบื่อครับ เราใช้วิธี ถามตัวเองว่า
-เราสมัครใจทำไหม ในการควบคุมอาหาร?
ตอบ สมัครใจ หรือ ไม่สมัครใจ

**ถ้าไม่สมัครใจ อย่าเพิ่งทำครับ หยุดตรงนี้เลย เพราะไม่ควรฝืนทำอะไร
*ตอบว่า สมัครใจ ก็ไปต่อครับ

2.ต้องงดอะไรบ้าง เท่าไร ห้ามนั่นนี่
2ก. ตามแนวทาง Suit-Workout เราอยากลดอะไรล่ะ ก็ทำอันนั้นล่ะ ไม่ต้องมาก "ทีละน้อย" "ช้าๆ"
จะลดเร็วไปทำไม เดี๋ยว โยโย่ เอฟเฟ็กต์ กินกันกระจายอีกจนได้  ช้าๆ ไว้ เย็นไว้โยม สาธุ
-คุณจะทำอย่างเคร่งครัดไหม?
**ถ้าตอบว่า เคร่งครัด อย่าเพิ่งทำครับ เพราะผิดหลักการ ครับ รอจนกว่า จะเพลาๆลง
*ตอบว่า ไม่เคร่งครัด ให้รีบทำต่อไป แปลว่า คุณเข้าใจในหลักการ

 สรุปตรงนี้ข้อ 2ก. จุดนี้ คือจุดที่สำคัญ การจะทำอะไร เราต้องเข้าใจว่าทำไมจึงทำ และ ไม่ต้องเคร่งเครียด เพื่อความสำเร็จ เอาเพียงแค่ ใส่ใจ พอครับ มีคนเคยถามเราไหม คุณต้องหายใจไหม?
เราอาจบอกว่า ไอ้นี่ บ้า ไม่หายใจ ก็ Death สิครับ แต่ ทำไมเราหายใจ นั่นเพราะ จิตใจ จิตใต้สำนึกรู้ว่า
หากไม่หายใจ กรูก็อยู่ไม่ได้
    เช่นกันครับ หากเราไม่ดูแลตัวเองตอนนี้ เลย แม่แต่น้อย ก็เท่ากับ เราจะสุขภาพแย่มากๆ ในอนาคตจริงไหม ดังนั้นจงทำเพราะเห็นว่า สำคัญมาก ไม่ใ่ช่ทำเพือ ให้คนยอมรับ ดูว่าเรา หล่อ สวย หรือเพราะใครจะมาคาดหวัง ทำเพราะมันดีกับตัวเราครับ

3.ทำอย่างไร
   หลักการง่ายๆ ก็คือ ลองลด งด เลิก สิ่งที่บริโภค ไปทีละนิด ทำตามใจฉัน แต่มีเงื่อนไขว่า ต้องทำตลอดชีวิต มีการตั้งด่านมาเล่นสนุกกับมันว่า ลดถึงระดับนี้ เราจะไม่กลับไปเหมือนเดิมอีก เช่น

   ปกติ
-เช้า กาแฟเย็นแก้วใหญ่ ข้าวกับ 2 อย่าง ข้าวเยอะๆ
 
ใช้หลัก Suit-Workout จะกลายเป็น

เริ่มแรก
-เช้า เลิกซื้อกาแฟแก้วใหญ่ เปลี่ยนมาแก้วเล็ก เน้นน้ำแข็งมากกว่าน้ำกาแฟ (ซึ่งโคตรหวาน) ข้าวก็ตามปกติ บอกแม่่ค้า ข้าวครึ่งเดียว

ขั้นสอง
- เช้า หันมาชงกาแฟเอง แต่เป็นกาแฟใส่น้ำตาลน้อยๆ เลิกซื้อ ข้าวเหมือนข้อแรก

ขั้นสาม
-เช้า กาแฟไม่ใส่น้ำตาล ข้าวกับข้าว 1 อย่าง พร้อมผักสด ที่เราเตรียมมาเอง อีก 1 กำมือ

ขั้นสี่

-งดกาแฟ ข้าวกับ 1-2 อย่าง ข้าวไม่มาก พร้อมผักสด บวกผลไม้


   อะไรประมาณนี้ คือ ค่อยๆ ทำไป แบบท้าทายตัวเองนั่นเองครับ และจาก 1 มื้อ มันจะลามไปเป็น 2 มื้อ จนครบ 3 มื้อ แต่สำหรับคนที่ออกกำลังกาย อย่างนักเพาะกายแบบนี้ ต้องระวังครับ ต้องดูวิธีการกินของนักเพาะกายที่ถูกต้องด้วย คือ กระจาย ประมาณ 5-6 มื่อ และครบ 5 หมู่ด้วย ไม่ว่าคุณจะกินแบบใด ที่สำคัญน้ำอย่าให้ขาดนะครับ

   พบกันใหม่กับแนวทาง Suit-Workout

สวัสดีครับ
คุณบอลล์  :0)
ปล. นี่เป็นหลักการที่ผมเชื่อว่า ผมจะทำได้จริงๆ ครับ มั่นใจมาก

1 comment: