Saturday, July 16, 2011

อ่านข้อมูลโภชนาการ ของอาหารทุกอย่างก่อนบริโภค พาให้เจริญ :0)

สวัสดีครับ
 
    หลายๆ สิ่งในโลกนี้ทำตามสัญชาตญาณได้แต่มิใช่ทุกอย่าง เรื่องหนึ่งคือ การกินครับ ยกเว้นกรณีเช่น อยู่ๆ อยากกินเมนูอย่างหนึ่งขึ้นมา หรือไปกินเมนูบางอย่างแล้วรู้สึกว่า ใช่ มันเหมือนขาดรสชาติ หรือสารอาหารแบบนี้มานาน แบบนี้ได้ครับ สำหรับผมถือว่าเป็นกลไก การ
แสวงหาอาหารบางอย่างที่ร่างกายของบางคนมีระบบนี้อยู่ ตามธรรมชาติ เป็นต้น
    อย่างไรก็ตามกรณีอื่นๆ แล้วนั้น การกินอะไรจากนี้ไปควรมีการอ่าน ข้อมูลโภชนาการข้างถุง หรือกล่องกันก่อนซึ่งบางที คนเราถูกปิดหูปิดตา
อย่างไม่น่าเชื่อ หรือที่เรียกอีกอย่างว่า โง่ให้เขาหลอก นั่นเอง
    ก่อนอื่นเลยนะครับ ดูวงการเพาะกายกันก่อนเลย ปัจจุบันมีคนเชื่อกันมากว่า จะเพาะกายได้ดี ต้องเวย์โปรตีนเท่านั้น บางคนก็ว่าไปโน่นต้องมีอะมิโนแอซิด
โอยคนเล่นกล้ามหน้าใหม่ ที่พอมีทุนทั้งหลาย ก็แห่ไปซื้อเวย์ขวดใหญ่มา อะมิโนแอซิดก็กิน ครีเอทีนเอย กลูตามีน เอย สารพัด บางคนเห็นแล้ว เลิกเล่นดีกว่าเพราะ จะเล่นกล้ามนี่มันต้องกินของที่สังเคราะห์กันขนาดนี้เลยหรือ
    คำตอบคือ ไม่จำเป็นเลยครับให้หันไปดูนักกล้าม ที่เป็นระดับแชมป์สมัยก่อน ไม่มีนะครับ ที่กินเวย์อะไรแบบนี้ เขากินไข่ขาว ผัก เนื้อวัว หมู ปลา ผักผลไม้ ธรรมดาๆ น้ำมากๆ นี่ล่ะ แต่กินให้เป็น ก็เห็นกล้ามสวยกันทั้งนั้น
    อาจจะจริงที่ กินเวย์ กินอะมิโน มันอาจจะส่งผลเร็ว แต่คำถามคือ มันจะเร็วแค่ไหนครับ แล้วจะเร็วไปทำไม แน่ล่ะหากกินแล้วอันตราย ทำไมกล้าม
มันตอบสนองดีจัง แต่ยังถามไม่จบครับ การออกแรงแล้วกล้ามเกิดเร็วๆจากอาหารเสริมพวกนี้ นี่ มันเป็นธรรมชาติไหม?

   ดังนั้นสำหรับนักกล้ามหน้าใหม่ ขอแนะนำว่าเริ่มจากอาหารที่ใกล้ตัวนี่ล่ะครับ ดีที่สุด เรื่อง เวย์ อะมิโน ไว้เล่นให้จริงก่อนเถอะค่อยว่ากัน ดังนั้นกินของธรรมดาแบบฉลาด แม้จะเลิกก็ไม่เจ็บตัวครับ ด้วยเหตุนี้ผมจึงแนะนำว่า ให้อ่านฉลากข้างกล่อง กันหน่อย คุณจะพบว่า หลายๆ อย่างมันน่าตะลึงจริงๆ
 เช่น การแนะนำให้กิน ขนมปังโฮลวิท วันละ 3-4 แผ่น เราก็ว่าตามกัน แต่เหตุผลคืออะไร
   เหตุผลคือ มันอยู่ตรงกลางๆ ของการควบคุมการบริโภคคาร์บอไฮเดรต ครับ ปกติเขาแนะนำดังนี้
นักเพาะกายธรรมดาๆ ไม่อ้วน ไม่ผอม กินได้ประมาณ 2-300 กรัมต่อวัน
นักเพาะกายที่ผอมๆ กินได้ประมาณ 3-400 กรัมต่อวัน
นักเพาะกายที่อ้วนๆ กินได้ประมาณ 100-200 กรัมต่อวัน
เป็นต้น
 จากการประมาณข้างต้นก็เป็นที่มาของการแบ่งมื้อคาร์บ ออกเป็น โดยสรุป คือ
 เช้า, ก่อนฝึก หลังฝึก และมื้อเย็น  สำหรับของคนอ้วนๆ มื้อเที่ยงจะงดคาร์บไปเลย
 
  มันก็เท่านี้เอง ดังนั้น ยกตัวอย่างสำหรับคนอ้วนๆ ตอนเช้าก็น่าจะกินคาร์บไม่เกิน 40 กรัม เท่านี้เองครับ
 พอเราไปอ่านข้อมูลโภชนาการของ ขนมปังโฮลวีทในบ้านเราก็พบว่า  
  1 เสิร์ฟ คือ 2 แผ่น ได้คาร์บ 22 กรัม แปลว่า แผ่นละ 11 กรัม ใช่ไหม
ที่แนะให้กิน 3 แผ่น ก็จะได้ 33 กรัมใช่ำหม หรือ 4 แผ่น ก็ 44 กรัมนั่นเอง ง่ายๆ ครับ

  ดังนั้นพอตั้งให้ตอนเช้าเป็น 40 กรัม หากเรารู้ค่าของอาหารแต่ละอย่างจากข้างกล่อง เราก็จะออกแบบอาหารเองได้ ไม่ยากแล้วใช่ไหม
เอ้า หาก 3 แผ่น ได้ 33 กรัม เหลืออีก 7 กรัมเอาจากไหน ฮ่ะๆๆๆ ง่ายๆ เลยครับ วัฒนธรรมกินขนมปัง ของฝรั่ง ก็หาของฝรั่งมาเสริม
มันคือนมวัวครับ ได้วิตามินอีกต่างหาก ผมอ่านจากข้างกล่อง มันให้ค่าคาร์บมาพร้อมกับโปรตีน รวมๆ แล้วก็ได้ ประมาณ 40 กรัมคาร์บ
พอดีๆ แล้วก็ได้โปรตีนมื้อแรก

  การกินขนมปัง กินนม อย่าไปกังวลกับแคลอรีมากนัก กังวลกับ น้ำหนักของ คาร์บ โปรตีนและไขมันดีที่สุดครับ ง่ายๆ ต่อมามื้อเที่ยง เน้นพวกโปรตีน ผักผลไม้แทน น้ำ เท่านี้ไม่กินแป้งก็ได้ มื้อก่อนฝึก ก็ 50 กรัมคาร์บ หลังฝึกอีก 40-50 กรัม มื้อเย็นคาร์บอีก 60 รวมๆ ก็ประมาณ 200 กรัมพอดี
  ง่ายๆเลย เท่านี้แป้งไม่มีเกินแน่ๆ แล้ว คนอ้วนเล่นกล้ามไป คุมการกินคาร์บไปแบบนี้ มันจะมีการดึงพลังงานจากแป้งที่ขาดไป มาจากไขมันในที่สุด
ทำให้ไขมันลดลง มวลกล้ามเนื้อมากขึ้น เป็นแบบนี้ครับ

   ทำไมไปเน้นมื้อเช้าตั้ง 40 กรัม นั่นเพราะช่วงเช้าร่างกายจะสลายกล้ามเนื้อมาเป็นพลังงาน การกินแป้งจะเข้าไปกันในส่วนนี้ครับ

   แต่เชื่อไหม คนกินโฮลวีทตอนเช้า และกินนมเหมือนกัน คนหนึ่งกลับอ้วนเพราะอะไร
   คนแรกอ่านฉลากนม พบว่า ยี่ห้อนี้ๆ มีน้ำตาล 30 กรัม
  คนที่สองกินนมที่มีน้ำตาลเพียง 8 กรัม
 
 คุณว่าคนไหนมีพลังงานเกินมากกว่ากัน  เห็นไหมครับ การอ่านฉลากมีความสำคัญมากๆ อย่าเผลอไปเอาแนวทางการกินอาหารแบบนักเพาะกายของใครเขามา ทำตามเฉยๆ ต้อง
เจาะลงไปด้วยว่า ภายในมีอะไรแฝงมาบ้าง ใช่ไหมครับ

  ขอให้ลองนำไปใช้กันดู
สวัสดี
คุณบอลล์ :0)

No comments:

Post a Comment