Monday, June 13, 2011

การติดตาม ค้นหาความรู้่เรื่องการเพาะกาย อ่านมากดีกว่าอย่างไร

สวัสดีครับคนรักสุขภาพทุกท่าน
   สมัยนี้คือยุคทองของการเรียนรู้ด้วยตนเอง อย่างที่ไม่เคยมียุคสมัยใด เคยมีมาก่อน ความรู้เรื่องการเพาะกายมีอยู่มากมายเหลือเกินในอินเตอร์เน็ต เอาเป็นว่าอ่านทุกวัน อ่านเป็น 10 ปี ก็ไม่สิ้นสุดลงได้ เพราะมีทั้งเนื้อหาใหม่ๆ จากนิตยสาร มีตัวอย่าง ดีๆ จากหนังสือใหม่ๆ การถามตอบในกระดาน
ข้อมูลดีๆ มากเว็บไซต์ และยังไม่นับ พวกโซเชียลเน็ตเวิร์ค อีก อ่านไม่มีทางหมดครับ
   อย่างไรก็ตาม อ่านเท่าไรก็ไร้ค่า ถ้า   ไม่ทำ   ใช่เลยครับ
 
   ทีแรกผมกังวลว่ามันคงเหมือนเมื่อหลายปีก่อน คือในไทยข้อมูลบนเว็บไซต์หาอ่านทำยายาก จนเมื่อมาเจอเว็บมากมายที่ทำออกมาดีในตอนนี้
มีข้อมูลเพาะกายภาษาไทยเพียบอยู่เหมือนกัน แต่ก็อีกนั่นล่ะ อ่านแล้วทำไหมหว่า

    สำหรับตัวผมทีแรกเริ่มจากอ่านบทความในเว็บกันก่อน จากนั้นก็ซื้อหนังสือมา 2 เล่ม แล้วก็ฝึกตามหนังสือกับข้อมูลที่เขียนมา โดยระวังเรื่อง โปรตีน ต้องมากพอ ขณะที่ คาร์บอไฮเดรตต้องไม่ขาด และแนวทางปฎิบัติอื่นๆ อีกมาก แต่พออ่านไประยะหนึ่งเริ่มอยู่ตัวครับ ก็เริ่มเขียนบทความจากประสบการณ์
การฝึกจริงๆ แล้วก็ฝึกเพาะกาย แบบ 3 พัก 1 หรือ 3 Days On, 1 Day Off เป็นประจำ ผ่านไปประมาณ 1 เดือนโครงสร้างผมเปลี่ยนจริงๆ เริ่มมีคนทัก ตัวผมเองก็สังเกตุว่า ที่หลังกับที่แขน มันเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด เอาไว้คุยถึงเรื่องนี้ในคราวหลัง

    จากนั้นก็ซื้อนิตยสารหัวใหญ่ๆ มาอ่าน ลงทุนครับ คิดเสียว่าเดือนละครั้งล่ะน่า ก็มี Flex กับ Muscle & Fitness ของ Flex จะเข้มข้นไปทาง การเพาะกายของจริง ส่วนเล่มหลัง มักจะมีเนื้อหาฮาๆ ท่าออกกำลังแปลกๆ มาให้ขำทุกที แต่บางท่าก็นำมาใช้ได้ คือ เขาต้องทำเผื่อคนสาย Fitness ด้วยครับ  หากคุณถามผมว่า ระหว่างออกกำลังกายแบบ เพาะกาย กับ แบบฟิตเนส ต่างกันยังไง ผมตอบง่ายๆ เต็มๆ แรงๆ แมนๆ สะใจกว่ากัน นั่นเพาะกาย ส่วนแบบเหนื่อยยาวๆ ไม่ต่ำกว่า 30 นาที อันนี้ไปทางฟิตเนสครับ ยังมี อะไรที่กินได้ทุกอย่างตามสบาย ที่มีประโยชน์นะครับ นี่เพาะกาย ส่วนฟิตเนส ต้องคุมอาหารหน่อยครับ

    การอ่านมากๆ จากนิตยสาร ซื้อมาเล่มละเกือบ 500 ทีละ 2 เล่มเกือบ 1000 บาท แต่เชื่อไหม ได้ความคุ้มค่าต่างกันมาก เพราะว่า คนที่อ่านให้ความสำคัญต่างกัน บางคนอ่านเพื่อรับรู้อะไรใหม่ๆ รับรู้แล้วก็ลืมไป คนที่เป็นจริงๆ เขาจะเอาปากกามาขีดเส้นใต้กันเลยครับ
ว่ามีเนื้อหาตรงไหนสำคัญ เปิดอ่านจะได้ง่ายๆ นานๆ ไปไม่ต้องมานั่งอ่านกันใหม่ หลายท่าน ตัดเก็บในแฟ้มกันเลย เพราะมันพิมพ์สวยๆ ขนาดนั้น
ผมกว่าบอกเลยครับ หากเราหัดแล้วได้ผลจริงๆ มีข้อมูลทางวิชาการมากพอเก็บไว้ สามารถเป็น ครูฝึกได้สบายๆ ครับ

   สำคัญที่สุดคืออ่านแล้วต้องเอามาทดลองทำ จนได้จุดที่เหมาะกับตัวเอง ฝรั่งเขาว่า มันเป็นไปได้ยากที่จะใช้ระบบฝึกเดียว สำหรับทุกคน มันจะมีแก่น
ของมัน  แต่เราต้องนำความรู้ใหม่ๆ มาทดลองสักระยะแล้วเลือกที่ทำแล้วได้ผลจริงสะสมไว้ วันหนึ่งก็จะได้ระบบ หรือ โปรแกรมการฝึกของตัวเองครับ
อย่างเช่น ของผม ผมใช้น้ำหนักฝึกเพียง 5 กิโลกรัม ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องการบาดเจ็บมาก ผมหัดไปเรื่อย ๆ 2 เดือนแรก ก็กล้ามขึ้นอย่างดีครับ ไม่ต้องเป็น สิบๆ โลหรอก เผลอๆ หนักมากทำผิดท่า กล้ามไม่ขึ้นเสียอีก แต่ผมเน้นแบบจำนวน rep หรือครั้ง ใน 1 set มากหน่อยเช่น 12-15 ครั้ง
บางท่า ผมทำเป็นร้อยเลยครับ ในกล้ามเนื้อใหญ่ๆ เช่นขา เป็นต้น จำง่ายๆ น้ำหนักน้อยๆ ก็ต้องจำนวนครั้งต่อเซ็ทมากหน่อยครับ แต่ส่วนมากจะประมาณ 12 ครั้งกำลังงามครับ

   ดังนั้นทางที่ดี ตัดเก็บแบ่งเนื้อหาไว้เป็นหมวดหมู่ดีที่สุดครับผม หาความรู้และฝึกไปด้วยสนุกกว่ากันมากๆ

No comments:

Post a Comment