Thursday, June 23, 2011

Personal Trainer วิทยาทานจากเพือนสู่เพื่อน ตอนที่ 1.

สวัสดีครับ คนรักสุขภาพทุกท่าน

   วันนี้ขอนำประสบการณ์ การเป็นครูฝึกส่วนตัว แบบ เพื่อนๆ มาเล่าสู่กันฟังครับ การให้อะไรครับที่ถือว่าได้บุญสูงๆ
หนึ่งในนั้นคือ การให้วิชา หรือ วิทยาทานนั่นเอง การสอนความรู้ในการออกกำลังกายให้ ใครสักคน แล้วเขามีวิชาในการ
ออกกำลังกายที่ถูกต้อง ติดตัวไปตลอดชีวิต นี่คือวิทยาทาน อย่างแรงเช่นกันครับ เพราะว่า

   คนสุขภาพดี ชีวิตย่อมมีสุข คนรอบข้างก็มีสุข ถือว่าเขาได้มีทุนชีวิต ไปประกอบกิจต่างๆ ได้มากมาย ใช่ไหมครับ
การเพาะกายนี่มันยังพ่วง เรื่องการฝึก ร่างกายผสานใจเข้าไปอีกด้วย ยิ่งแล้วใหญ่นะครับ

   ดังนั้น เมื่อมีโอกาส ผมจึงไม่ทิ้งโอกาสที่จะพาเพื่อนๆ ไปออกกำลังกายด้วยการเพาะกายด้วยกัน เพราะผมเชื่อว่า แนะนำเพื่อนๆ เพียงไม่นาน เขาก็จะได้วิชาการเพาะกายติดตัวไปตลอดชีวิต เขามีสุข เรามีสุขแล้วยังได้บุญอีกด้วยผม
จึงไม่หวงนะครับ ความรู้ในบล็อคแห่งนี้ ขอให้เพื่อนๆ นำไปถ่ายทอดได้เลย แต่ขอให้เก็บรายละเอียดให้ครบ อ่านให้ครอบคลุมก่อนจะไปสอนคนอื่นๆ ที่สำคัญ หากยังทำไม่ได้ ห้ามสอนนะครับ เพราะถือว่า ผิด นะครับ ต้องทำได้จริง ทำได้ก่อน ในท่านั้นๆ ค่อยสอนคนอื่น

   ครูฝึกส่วนตัวแบบเพื่อนๆ ควร มีคุณสมบัติอย่างไร

 1.มีคุณธรรม   จำไว้ว่า วิชาเพาะกาย มีครูนะครับ ก่อนการสอน ควรจะไหว้ครู และ ระลึกคุณ ครูอาจารย์ก่อน
    สำหรับคนที่ได้ความรู้จาก บล็อคผม ก็อาจจะถือว่า ผมเป็น อาจารย์ของคุณได้ ครับ วิธีไหว้ครู ทำดังนี้

     พนมมือไหว้ ไปทางทิศตะวันออก พลางคิดในใจว่า

    "ข้าพเจ้า ขอระลึกถึงคุณ บูรพาจารย์ วิชาเพาะกาย ทุกผู้ทุกนาม ทั้งที่ล่วงลับไปแล้ว และมีชีวิตอยู่ ผู้ซึ่งได้ประสิทธิ์ประสาท วิชาการเพาะกาย ไว้ให้ปรากฎแก่โลก อันนำมาซึ่งสุขภาพกายและใจอันดีงาม ขอท่านทั้งหลาย จงช่วยกัน
อวยชัย ให้ข้าพเจ้า ประสบความสำเร็จในการฝึกเพาะกาย มีกล้ามเนื้ออันแข็งแรง สวยงาม ในเร็ววัน และ อย่าได้เกิด
อันตรายใดๆ ต่อ กระดูก เส้นเอ็น และ กล้ามเนื้อของข้าพเจ้า รวมทั้งอวัยวะใดๆ พร้อมทั้งให้ข้าพเจ้ามีจิตใจอันดีงาม
ในการฝึก"

     คำระลึกนี้ เป็นต้นฉบับจากผมเองครับ ผมใช้คล้ายๆ แบบนี้ทุกครั้งก่อนการฝึก หากวันไหนลืม นึกได้ก็ขอให้หยุดก่อนแล้วทำการระลึกคุณ ครูอาจารย์เสียก่อน เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการฝึกครับ

  ในฐานะที่ต่อไปเราจะไปแนะนำการเพาะกาย ที่ถูกต้อง ให้ชาวไทยด้วยกัน เพื่อร่างกายจิตใจที่ดี และลดการบาดเจ็บจากการฝึก เราต้องมีข้อต่อไปคือ

2.ต้องรู้วิชาเพาะกาย ท่องแท้
   ข้อนี้ตีความยากสักหน่อย มันไม่ใช่การต้องรู้ทุกอย่าง แต่มันคิอการสะสม สั่งสมความรู้ ลองมาดูแนวทางของผมกัน
มีดังนี้

   เริ่มแรกผมออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ อย่างเดียว โดยการเดินบนลู่วิ่ง จากนั้น ผมเริ่มเพาะกาย แต่ผมย้อนไปในอดีตว่า ผมเคยใช้เวลาประมาณ 3-4 เดือนได้กล้าม ไบเซ็ปกับไตรเซ็ป มาเร็วมาก แข็งปั้กเลย แต่ตอนนั้นผมต้องหยุด เพราะ
ผมไม่มีเวลา สถานทีในการฝึกร่างกายส่วน ท้อง หลัง และ ขาเลย กลัวว่า มันจะผิดส่วน ผมเลยเลิกไปอย่างน่าเสียดาย
การกลับมาฝึกในครั้งนี้ หลังเวลานั้น ราวๆ 7 ปี ผมเริ่มยกน้ำหนักวันแรก ด้วยท่าเดิม คือ ไบเซ็ปและไตรเซ็ป แต่ผมรู้ในใจว่า ถ้ายกไปแบบนี้ มันไม่ก้าวหน้า ผมต้องศึกษาหาความรู้เพิ่ม

    ผมไปเดินหาหนังสือ ที่ร้านนายอินทร์ กับ ซีเอ็ด ได้มาร้านละ 1 เล่ม ผมเปิดศึกษาดู เสร็จภายใน 1-2 วัน โดยเน้นการค้นหาท่าฝึก ที่ครอบคลุมทั้งตัว คือ แขน ไหล่ หลัง ท้อง ขา เป็นต้น ได้ท่าฝึกมา ส่วนละ 1-3 ท่า เลือกเอาท่าที่ดูแล้ว คนที่ยังอ้วนคนหนึ่งเล่นได้ ทั้งหมด คนเราต้องรู้ตัวเอง จากนั้นศึกษาว่า แต่ละท่า ทำให้ถูกต้อง ต้องทำอย่างไร จำไว้ว่า การเพาะกาย ที่ไม่ขึ้นกล้าม แล้วยังบาดเจ็บเพราะคุณไม่ดูแลเรื่อง ท่าฝึกนี่ล่ะ จากนั้นผมก็ลงมือฝึก วันนี้อย่างเล่นส่วนไหนก็เล่น แต่ผ่านไป 3 วัน มันรู้สึกว่าไม่เป็นระบบ เลยเข้าไปค้นข้อมูลในเว็บ เจอเว็บดีๆ มากมาย ได้เข้าใจว่า ท่าฝึกได้ครบแล้ว ต้องมีตารางการฝึกด้วย หรือ โปรแกรมฝึก ผมนั่งอ่าน มีทั้งแบบ เล่นไม่พักเลยสักวัน แบบเล่น 4 วัน เล่น 5 วัน พัก 1 วัน จนมาเจออะไรที่เข้ากับตัวเอง คือ เล่น 3 วัน พัก 1 วัน  ผมก็เลือกเอาอันนี้ แต่ละคนไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน

 หมายเหตุ: ก่อนเล่นเพาะกาย ต้องมีกานยืดเส้น ลองดูตัวอย่าง คลิกที่นี่ ใช้เป็นท่า คูลดาวน์ได้เช่นกัน ควรทำไม่ต่ำกว่า
 5 นาที และต้องทำประจำ ก่อนและหลังการฝึก

    ผมเริ่มการฝึกแบบ 3 วันพัก 1 วัน โดยเลือกตาราง ฝึก คร่าวๆ คือ

วันแรก ฝึกอก หน้าแขน หลังแขน และ ขา
วันที่สอง ฝึกไหล่ และ หน้าท้อง
วันที่สาม ฝึกหลัง และ ขา

 น่อง ฝึกได้วันเว้นวัน 

 เป็นต้น

 เริ่มอ่านหาความรู้ต่อเนือง พบว่า การฝึกแบบ 3 วัน พัก 1 วัน นั้น มันเป็นแบบเข้มข้น เพิ่งรู้ครับ และจริงๆ แล้วเขาแยกเล่น เช้า กับ บ่าย หรือ เย็น 2 ช่วง ผมไม่รู้เล่นครบ ในช่วงเช้า มา 3 สัปดาห์ติดกัน เลยต้องค่อยๆ ปรับ โดยโชคดีที่ ที่ทำงาน ของผม มีโรงยิม ทำให้ผม ออกกล้ามเนื้อส่วนหนึ่งที่ ยิมของคอนโด ขณะที่ อีก ส่วนมาเล่นที่โรงยิมที่ทำงาน
เริ่มรู้สึกว่า อาการโหยหิว เพลียแรงๆ หายไปขณะที่ทำงานประจำได้ดีขึ้นหน่อย นี่ล่ะอานิสงค์ ของการได้ความรู้ครับ

  ผมก็สงสัยว่า อ้าวแล้วทำไม คนอื่นฝึกแบบ 4 วัน 5 วัน 6 วันเขาไม่หนักเท่าเรา พอไปกางตารางมาดู อ๋อ ก็เขากระจายกลุ่มกล้ามเนื้อ ออกไปในวันที่เพิ่มขึ้น ทำให้สามารถออกตอนเช้าได้สบายๆ ครั้งเดียวก็ได้ อย่างนี้นี่เอง ตามหลักเหตุผลครับ วันมากขึ้นก็กระจายได้มากขึ้น

   จะ 3 วัน หรือ กี่วัน จำไว้ในใจเสมอว่า อย่ามันส์ กับการฝึกนะครับ วันพัก ต้องพักจริงๆ ตามคำที่ผมเขียนไว้ดังนี้

  "วันฝึกไม่พัก วันพักไม่ฝึก"

แปลว่า วันฝึก ระหว่างเซ็ทต้องไม่คุยเล่น ไม่หยุดนาน เกินนับ 15 ในใจ เล่นจริงจัง ตั้งใจ ใจต้องเพ่งที่กล้ามเนื้อ
ลมหายใจ ออกแรงหายใจออก ผ่อนแรงหายใจเข้า ยกช้าๆ เน้นๆ ทั้งขึ้นและลง พวกนี้ต้องครบ หากทำไม่ครบ
ไม่ตั้งใจ ห้ามนับเป็นวันฝึก เพราะคุณกำลัง เหลาะแหละ หลอกตัวเอง ครับ

   จากนั้นก็เริ่มรู้เทคนิคต่างๆ เช่น Nagative ซึ่งผมนำมาประยุกต์และได้ผมจริงๆ ยามที่ฝึกไปถึงจุด มันเบาไม่เจ็บไม่ปวด แสดงว่ากล้ามมันรับเราได้แล้ว ต้องกระตุ้น โดย Negative ครับ อย่าเพิ่งเพิ่มน้ำหนัก กระตุ้นโดย ตอนผ่อนกลับ
จากเร็วๆ เป็นช้าๆ คุณจะได้ออกแรง 2 ทางนั่นเอง แล้วจะเห็นว่า คืนแห่งความระบบจะกลับมาอีกครับ ทำไปจนหายระบมก็เริ่มเพิ่มน้ำหนักครับ

  จากนั้นค้นหาบทความแนวกำลังใจในการฝึกอ่านมากๆ ทั้งของไทยและของต่างประเทศ ทำให้ผมสามารถจบการฝึก
30 วันฝึกแรกได้ ใน 37 วันนั่นแปลว่า ผมขาดวันฝึกไปไม่กี่วันเท่านั้นเอง จำไว้ว่า วันไหนหมดจริงๆ ปวดกล้ามแปลกๆ
เลิกฝึกรอครับ รักษาตัวเองก่อนเลย

   คุณจะเห็นกล้ามขึ้นทีแขน กล้ามเนื้อรองรับที่จุดอันตราย ก่อนเพื่อน เช่นหลัง จากการฝึกครั้งหลังๆ จะไม่มีอาการตึงเจ็บอีก เหลือแต่การระบม ซึ่งถูกต้อง 3 สัปดาห์ผ่าน กล้ามที่แขน ขนาดคนอ้วนจะเห็นเลยว่า มาแล้ว กล้ามหลัง มาแล้ว
จุดที่เราเจ็บจะเห็นว่า มีกล้ามมาเร็วกว่าจุดที่เราไม่เจ็บ เช่นผมเจ็บเข่าเพราะน้ำหนัก กล้ามขาผมขึ้นจนพยุงตัวเวลาเดินลงบันได ได้เร็วโดยการลงปลายเท้า ได้อย่างไม่น่าเชื่อ ผมมีความเชื่อจากการฝึกว่า

   1.ร่างกายสร้างโปรตีนใหม่ เป็นหมู่กล้ามเนื้อแบบฉลาด
   2.มันสร้างอย่างฉลาดโดย สร้างในจุดอันตรายก่อน เช่นหลังนี่มาก่อน เพราะเป็นจุดรวมเส้นประสาท
   3.จากนั้นมันจะเร่งสร้างจุดใช้งานหนัก คือ ข้อหลัก ที่ใช้ยกน้ำหนัก คือ ข้อศอกและ ข้อไหล่
   4.จากนั้น จุดที่เราเจ็บมาก่อนการฝึก จะเกิดมวลกล้ามมาคุ้มครองไว้
   5.ร่างกายจะรอดูการฝึกเรา หลัง 1 เดือนแรก ก่อนจะปรับให้เกิดมวลกล้าม แบบสมส่วนต่อไปในอนาคต

 ข้างต้นเป็นทฤษฎีของผมจากการสังเกตุตัวเองในช่วง 30 วันที่ผ่านมาครับ เป็นแบบนี้จริงๆ

 ดังนั้นในเดือนแรก น้ำหนักไม่ลด กล้ามส่วนที่เน้นยังไม่ขึ้นอย่าไปซีเรียส ผมคิดว่า ตามที่เขาว่าไว้ 9 เดือนผ่านจึง
เลื่อนลำดับเป็น นักเพาะกายขั้นกลางนั่นถูกต้องแล้วครับ เพราะจากการสังเกตุของครูอาจารย์ รุ่นก่อนๆ นั่นเอง
เมื่อมัน เป็น 9 เดือน ผมขอเสนอให้ เอา 3 หารครับ อาจเป็นไปได้ ว่า 3 เดือนแรก อาจเผื่อให้เป็นไปตาม 5 ข้อแรก
ที่ผมเขียนไว้ อีก 3 เดือนเป็นช่วงเปลี่ยนผ่าน จน 3 เดือนสุดท้ายคือ ช่วงสร้างกล้ามของแท้ ก่อนจะเลื่อนเป็น นักเพาะกายขั้นกลาง ที่คุณอาจจะต้องปรับตารางฝึก และ อื่นๆ ทีนี้อาจเริ่มเล่นแบบ ตามใจสั่งมาได้แล้ว เริ่ม เน้นกล้ามส่วนต่างๆ ได้แล้ว เป็นต้น ซึ่งจุดนี้ เราอาจจะเลือกแล้วว่า จะเอา แบบ Soft core หรือ Hard Core นั่นเอง

  นอกเหนือจากนี้แล้ว ผมเริ่ม สะสมบทความดีๆ ความรู้ดีๆ ไว้ในคอมพิวเตอร์ Save ไว้เลย จากนั้นเริ่มซื้อนิตยสาร เช่น
Flex หรือ Muscle & Fitness มาอ่าน ต้องลงทุนบ้างครับ นิตยสารพวกนี้จะให้ข้อมูลดีๆ แบบเดือนต่อเดือน และผมยืนยันว่า มีประโยชน์มหาศาลครับ ต่อการเล่นกล้ามให้ถูกต้อง พ้นจากอันตราย และ สุขภาพดีของจริง อย่างระยะนี้ มีข่าวฮาเรื่อง การทำท่า Prank กันมาก บังเอิญ ในนิตยสารทั้งสองเล่มมีกล่าวเรื่อง Prank พอดี ครับ

     ทั้งสองเจ้า เป็นเจ้าของเดียวกันครับ

   ว่างๆ ผมก็ไปนั่งกินกาแฟ แล้วก็ หนังอ่านนิตยสาร ฝรั่ง 2 หัวนี้สลับกันไปซื้อมา 1 เล่ม อ่านเป็นเดือนบางทีไม่จบนะครับเพราะเนื้อหาแน่นมากๆ แนะนำว่า ไม่ควรซื้อเกิน 2 เล่มต่อเดือนครับ เท่านี้ก็เกือบพัน แล้วครับ

   การกินกาแฟ และ ชาเขียว มีได้นะครับ ในการเพาะกาย เพราะช่วยเผาผลาญไขมันแต่ ทำแต่พอดี สายกลางครับถ้าให้เลือก เลือกชาเขียวครับ แชมป์หลายคนบรรจุชาเขียวไว้ ก่อนหรือหลังการฝึก พอๆ กับกาแฟครับ เน้นกาแฟดำ ครับ

   อ่านพบอะไรดีๆ ก็ขีดเส้นใต้เขียนโน้ตลงไปเลย มีเวลาว่าจะไปหาแฟ้มมาตัดเก็บไว้เป็นสัดส่วนครับ จากนั้นนำสิ่งทีอ่านพบ มาฝึกจริง นี่ล่ะครับแนวทาง การแสวงหาวิชาการเพาะกายของผม :0)

3.ลงมือฝึก และพบแก่นวิชาอย่างถ่องแท้

    คือการลงมือฝึกจริง สม่ำเสมอ

4.ทบทวนท่าฝึก ให้ถูกต้อง เรียนรู้เทคนิคต่างๆ และค้นหาจุดที่เหมาะกับตัวเอง
   จุดที่เหมาะคือ การฝึกที่เห็นความก้าวหน้า สุขภาพดี และปลอดภัย

5.ฝึกตนพร้อมแล้ว ให้ออกท่องยุทธภพ เพื่อแนะนำผู้คน(ที่สอนได้ และสมัครใจ) เพื่อสร้างบุญกุศล
   จากวิชาเพาะกาย

6.มีมารยาท ในการเข้าโรงฝึก ไม่ต่อต้าน ข้อบังคับโรงฝึก เชื่อคำแนะนำผู้ดูแล

7.เป็นคนอ่อนโยน พูดจาน้ำเสียงพอประมาณ ไม่รบกวนคนอื่น

8.แนะนำการฝึกแบบกัลยาณมิตร

9.วันไหนมีอารมณ์ไม่ดี ไม่สอนผู้ใด

10. ก่อนการสอน การฝึก ต้องระลึกคุณ ครูอาจารย์เพาะกาย

11.เผื่อแผ่อุปกรณ์ฝึก อุปกรณ์ใดไม่ได้ใช้ ต้องแสดงให้คนอื่นเห็นว่าไม่ได้ใช้ เพื่อไม่ขัดการฝึกของคนอื่น

12. เปิดโอกาสให้ทุกคนที่ขอความรู้

13. สอนด้วยจิตปรารถนาดี จบการสอนด้วยจิตปรารถนาดีเสมอ

14. วางแผนการสอน

15. เตรียมพร้อมตัวเองเสมอ

  การจะเป็นครูฝึกส่วนตัวต้องทำให้ได้อย่างน้อย 15 ข้อนี้นะครับ รายละเอียดในการฝึกสอนไว้คุยกันคราวหน้า เร็วๆ นี้
สวัสดีครับ อย่าลืม add ที่อยู่ของ บล็อคของผมไว้ด้วยนะครับ
:0)

สวัสดีครับ

คุณบอลล์ :0)

No comments:

Post a Comment