Friday, June 17, 2011

วิธีดูง่ายๆ ว่าคุณมีทัศนคติที่ถูกต้องต่อการเพาะกายหรือไม่

สวัสดีครับคนรักสุขภาพทั้งหลาย

     วันนี้เขียนพร้อมกัน 2 บทความเพราะเกิดวาบความคิดนี้ขึ้นมา หากปล่อยไว้อาจจะหลงลืมเป็นการเสียโอกาสทางวิชาการไปครับ
การมีทัศนคติที่ดีของกายเพาะกาย คือ การคิดดี ทำดี พูดดีในการเพาะกายนั่นเอง เวลาฝึก เราควรมีความคิดว่า เราฝึกไปทำไม สำหรับผม
ประโยชน์ในวันหน้า ทั้งใกล้ไกล สำหรับสุขภาพ กระดูก กล้ามเนื้อ และเส้นเอ็น ที่จะอยู่กับเราไปจนแก่เฒ่า อย่างมีคุณภาพคือคำตอบ การมี
ชีวิตที่ดีขึ้นทันตาในเวลาปัจจุบันคือคำตอบ การได้เห็นว่า ตัวเองสร้างสรรค์อะไรได้ด้วยตัวเอง ดีกับตัว เป็นคำตอบ เป็นต้น คุณต้องมีเป้าหมาย
ว่าเล่นเพาะกายไปทำไม
    เมื่อเพาะกายคุณต้อง ทำให้ถูกท่า ค้นคว้ามากๆ บางท่า เขาไม่ทำกันแล้ว บางท่า มีทฤษฎีใหม่ๆ มาให้ทดลอง เช่น การมีกล้ามท้อง ไม่ต้อง ทำท่า
Crunch เลย แบบนี้เป็นต้น แต่ไปทำพวก Stabilization training แทน ซึ่งทดลองได้ เนื่องจากหากเป็นบทความขึ้นบนนิตยสารที่น่าเชื่อถือแล้ว ฝึกได้ครับ อย่างเรื่องนี้ เป็น ดร. ครับ การไปฝึกตรงเวลา ก็เป็นการทำดี การยกน้ำหนักโดยเพ่งจิตใจไปที่กล้ามเนื้อ ทั้งตอนออกแรงและตอนผ่อนแรง นี่เรียกว่าทำดี ในการเพาะกาย

    พูดดี ตรงนี้คือ เข้าโรงยิมอย่ามัวไร้สาระ ฝึกให้ครบก่อนค่อยคุยเรื่องอื่นๆ สอบถามจากผู้รู้ ก็เป็นพูดดี เป็นต้น

   การทำดีอีกแบบ สังเกตุง่ายๆ คือ คนที่กินเก่ง ๆ พอตัดสินใจเพาะกายแล้ว จะกลับเป็นคนที่ระวังในการกิน หากเป็นแบบนี้แสดงว่า คุณมีทัศนคติที่ดีมาก
ต่อการเพาะกาย นั่นเพราะคนที่กินเก่งมากๆ เรารู้ตัวดีว่า เราห้ามใจยากมากๆ แต่การเพาะกายนั้นเป็น กีฬาที่ไม่ว่าคุณจะฝึกมาขนาดไหน คุณก็ต้องเจ็บปวดกับ
กล้ามเนื้อที่ออกแรงอยู่ดี ไอ้ความรู้สึกนี้ล่ะครับที่มัน ชัดในใจของคุณว่า  เราเจ็บปวดขนาดนี้ ได้ร่างกายอันแข็งแกร่งแบบนี้มา เพื่อจะมากินอาหารขยะเพื่อให้มันเข้าไปทำลายกล้ามเนื้อ น่ะหรือ
                                                                                   

          

      ตอบผมสิ คุณเห็นแววตาของผู้กล้า หรือ คนขี้แพ้
                           นักเพาะกายต้องมุ่งมั่นต่อสู้กับใคร...ตัวเองครับ
                                     แล้วตัวเขากำลังต่อสู้กับใคร...เหล่าน้ำหนักทวีคูณ

    เชื่อไหม ผมเคยเป็นคนที่กินน้ำอัดลมบ่อยและมาก พอมาเล่นเพาะกาย ผมกินเวลาไปดูหนัง ไปเที่ยวเท่านั้น อยู่บ้านจะไม่กินเลย เพราะผมรู้ว่ากินเข้าไปก็ทำลายการฝึกทันที ร้านค้าที่ขายของชำ ให้ผมเริ่มสังเกตุว่าผมกินของเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด แบบถอดด้าม คือ จ่ายเงินพอกัน แต่ผมซื้อหาแต่ของกิน
มีประโยชน์ทั้งนั้นครับ

    ผมแอบคิดในใจ เราโง่มาตั้งนานนะ ในโลกมันก็ต้องมีคนอีกมากที่เพาะกายอยู่ กำลังทำเหมือนเรา จ่ายเงินพอๆ กัน แต่เขากินมีประโยชน์ตัวเรามีแต่โทษกินแต่ของไม่มีประโยชน์มาเป็นปีๆ  ทำไมเราโง่แบบนี้ แล้วทำไมเขาฉลาด คนเหมือนกัน
คิดได้เหมือนกัน ทำไมเรายังเลือกเส้นทางเดิมล่ะ

    เนื่องจากมันเห็นชัดครับ เลยต้องเลิก กินน้ำอัดลมต่อไปก็ทำลายการฝึก เรียกว่าเจ็บกล้าม เจ็บตัวฟรีจริงๆ

   หันมามอง การออกกำลังกายแบบอื่นๆ เพื่อคุณคุ้นชินแล้ว อาการเจ็บปวดมักจะหายไป หรือเราทนได้ ไม่มากเหมือนเพาะกาย
เหลือแต่ความ อ่อนล้า และ เหนื่อย ไอ้ 2 ข้อนี้ล่ะ ที่ทำให้คนเลิกออกกำลังกายเพราะ เขาถามตัวเองว่า จะเหนื่อยไปทำไม จบครับ
หากใจไม่แข็งก็ บอกศาลาจนได้
   แต่การเพาะกายมันมีแถมมาอีกหนึ่ง คือ เจ็บ ครับ ระบม ครับ ทำแล้วเป็นแบบนี้ ไม่ยอม ต้องลุยต่อไป

วันนี้เท่านี้ก่อนครับ
สวัสดี

No comments:

Post a Comment